เฟิ่งชิงเฉินให้คนที่อยู่แถวๆนั้นออกไปด้านนอกให้หมด พร้อมกำชับกับสายลับว่าให้ยืนเฝ้าไว้ให้ดี ต่อให้ผู้มาเยือนจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ห้ามเขาเข้ามาโดยเด็ดขาด
ในช่วงที่ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เฟิ่งชิงเฉินเกรงว่าเหล่าราชองครักษ์จะบุกมาจับตัวนางไปอีกครั้ง
ครั้งที่แล้ว เนื่องจากบรรดาสายลับไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ บวกกับการที่พวกเขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินละเอียดรอบคอบ จึงไม่ได้เข้ามาช่วยนางตอนที่ราชองครักษ์บุกมา เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
เฟิ่งชิงเฉินจุดโคมไฟทุกดวงภายในห้องแล้วสวมชุดสีขาว รวบผมให้เรียบร้อย สวมถุงมือ และนำอุปกรณ์จากกล่องยาออกมาวาง
นางนำเลือดของหยุนเซียวและหยวนซีออกมาอย่างละ 5 มิลลิลิตร แล้วทำการตรวจหาแอนติเจนที่เข้ากัน นางหวังว่าระหว่างสองคนนี้ จะมีใครสักคนที่มีแอนติเจนเข้ากับของชุยห้าวถิงได้
เฟิ่งชิงเฉินเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ แล้วทำการประเมินผลการตรวจร่างกายของคุณชายหยวนซีและหยุนเซียว ผลตรวจของคุณชายหยวนซีออกมาก่อน ข้อมูลทั่วไปถือว่าปกติ ท่าทางหยวนซีจะดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี มีเพียงไขมันในเลือดสูงเล็กน้อย คงเป็นเพราะเขาดื่มเหล้าและทานกับแกล้มมากไปหน่อย แต่ยังดีที่ไม่ส่งผลต่อการบริจาค
เฟิ่งชิงเฉินจดบันทึกผลการตรวจร่างกาย เพราะหากต้องเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะทุกครั้งเพื่อดูผลก็จะเสียเวลา
คนต่อไป หยุนเซียว
เมื่อถึงคราวประเมินผลของหยุนเซียว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าดูเอาเสียเลย เฟิ่งชิงเฉินมองออกว่าการที่ชุยห้าวถิงเรียกหยุนเซียวมาก็เพราะมีจุดประสงค์อื่น เพียงแต่นางแสร้างทำเป็นไม่รู้เรื่อง และยังคงช่วยตรวจสภาพร่างกายให้หยุนเซียว
คุณชายเหล่านี้มักจะทำอะไรอย่างแยบยล เรื่องบางเรื่องแม้จะพูดออกมาตรงๆได้ แต่พวกเขาก็ทำทุกอย่างให้มันอ้อมค้อม
“นี่มันอะไรกัน?”
เมื่อได้เห็นผลตรวจของหยุนเซียว เฟิ่งชิงเฉินก็ตกใจสุดขีด นางนึกว่าหยุนเซียวเป็นโรคทั่วๆไป ไม่นึกเลยว่าจะรุนแรงถึงเพียงนี้
“เนื้องอกในสมอง หยุนเซียวไม่ได้เป็นไมเกรนธรรมดา เขามีก้อนเนื้อที่เติบโตในสมอง เป็นเนื้องอกที่เกิดจากเนื้อเยื่อสมอง และมาจากการแพร่กระจายจากส่วนอื่นๆของร่างกายไปยังส่วนกะโหลก”
“เนื้องอกในสมองของหยุนเซียวเกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อสมอง ไม่รู้ว่าเป็นเนื้องอกชนิดดีหรือร้าย หากเป็นเนื้อร้าย ท่าทางหยุนเซียวคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่นาน น่าเสียดาย……กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะไม่สามารถตรวจอย่างละเอียดได้”
ผลการเรียนวิชาศัลยกรรมหัวใจและสมองของนางถือว่าดีมาก แต่เมื่อมาอยู่ในยุคโบราณ นางไม่อยากรับรักษาคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคประเภทนี้เลย หากการรักษาไม่ได้ผล คนไข้ก็ต้องตายคาเตียงผ่าตัด
เมื่อเห็นข้อมูลโรคของหยุนเซียวแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หากไม่ตรวจเจอก็คงดี แต่นี่ตรวจเจอแล้ว แถมยังเป็นคนที่รู้จักมักจี่กันเสียด้วย นางไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ
“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยไปหาทางคุยกับหยุนเซียวก็แล้วกัน ดูซิว่าเขาจะว่าอย่างไร หากเขาทำอิดออดเหมือนชุยห้าวถิงก็ช่างเขาเถอะ”
จะว่าไป การที่หยุนเซียวโผล่มาในเมืองหลวงของตงหลิงเช่นนี้ แถมยังพยายามมาพูดคุยกับนาง บางทีเขาอาจจะทำเช่นนี้เพราะอาการป่วยก็เป็นได้ เขาอาจจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้นานแล้ว
ดังนั้น……ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลอีกแล้ว
“คุณชายตระกูลชุย คุณชายตระกูลหวังข้าก็รักษามาแล้ว จะรักษาคุณชายตระกูลหยุนอีกสักคนจะเป็นไรไป ก็แค่เนื้องอกในสมองเองนี่นา ภพชาติที่แล้วมาก็เคยรักษามาแล้วตั้งมากมาย การเป็นหมอ ข้อห้ามอันดับแรกก็คือห้ามขี้ขลาด หากขี้ขลาดขึ้นมา แล้วคนไข้จะทำอย่างไร”
เฟิ่งชิงเฉินรวบรวมสมาธิ แล้วทำการตรวจเลือดของหยวนซีและหยุนเซียว ทำไปทำมาจนมืดค่ำ เป็นเหตุให้ทงจือกับทงเหยาร้อนใจยิ่งนัก
คุณหนูของพวกนางไม่ได้ทานอะไรมา 2 มื้อแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงจะไม่ดีแน่
ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็เดินออกมาจากห้อง ทว่านางกลับยกมือขึ้นมาปรามสาวใช้ “เดี๋ยวค่อยว่ากัน ข้ายังมีเรื่องต้องสะสาง”
เฟิ่งชิงเฉินจ้ำอ้าวไปยังเรือนของชุยห้าวถิง ทงจือกับทงเหยาได้แต่มองหน้ากัน พวกนางไม่สามารถเข้าไปในเขตเรือนของชุยห้าวถิงได้
“คุณชายชุย ผลตรวจร่างกายออกมาแล้ว คุณชายหยวนซีมีเลือดที่สัมพันธ์กับท่าน ท่านบอกให้เขาเตรียมตัวไว้ได้เลย พรุ่งนี้ให้ไปพักที่จวนเฟิ่งนะ”
โดยปกติแล้ว การหาผู้ที่มีแอนติเจนและไขกระดูกเข้ากันได้กับคนไข้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต่อให้เป็นเครือญาติกันก็ตาม ชุยห้าวถิงโชคดีที่แอนติเจนของหยวนซีเข้ากันได้กับของเขา
“จริงหรือ? เจ้าตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือนี่?” ชุยห้าวถิงดีใจเสียจนออกนอกหน้า แม้เฟิ่งชิงเฉินจะเคยบอกเขาว่าให้ใจเย็นๆระหว่างรอผลตรวจ แต่……จะให้เขาใจเย็นได้อย่างไร
ตระกูลชุยมีคุณชายหลายคน คนที่ยอมช่วยเขามีเพียงไม่กี่คน พวกที่อยากให้เขาตายกลับมีเป็นขโยง หากคุณชายหยวนซีไม่สามารถช่วยได้ เขาก็จะต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลชุยต่อไป คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจึงทำให้เขาเบาใจลงไปมาก
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “ข้ารู้ว่าท่านร้อนใจมาก พอข้ารู้ผลก็เลยรีบมาบอก ท่านกับคุณชายหยวนซีเตรียมข้าวของได้เลยนะ ไปพักที่จวนเฟิ่งก่อน สถานที่ผ่าตัดอยู่ที่จวนเฟิ่ง อีก 3 วันข้าจะกลับไปที่นั่น วันผ่าตัดคือหลังจากนี้อีก 5 วัน”
การบริจาคไขกระดูกก็คือการเก็บเลือดจากไขกระดูกซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ผู้บริจาคจะต้องไปนอนโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด 5 วัน ช่วง 4 วันแรก จะมีการฉีดสารกระตุ้นทางหลอดเลือดทุกวัน ส่วนวันที่ 5 ก็สามารถทำการบริจาคได้เลย และทำการผ่าตัดได้ในวันเดียวกัน
แน่นอนว่า เมื่ออาศัยเทคโนโลยีของกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอาเลือดไขกระดูกออกมาจากกระดูกสันหลัง เมื่อถึงเวลา หยวนซีก็ไม่ต้องทำการผ่าตัด เพียงแค่นำเลือดออกมาจากหลอดเลือดก็พอแล้ว และทำการสกัดเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดโดยใช้เครื่องแยกเซลล์เม็ดเลือด
นางรับรองความปลอดภัยของหยวนซีได้ และได้บอกกับทุกคนไปว่าเป็นเพียงการเจาะเลือดเท่านั้น
“ได้ ข้าจะส่งคนไปบอกคุณชายหยวนซีตอนนี้เลย” เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ต่อให้ได้รับการอบรมเรื่องการวางตัวอย่างสุขุมมาดีเพียงใด ชุยห้าวถิงในตอนนี้ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกแล้ว
“หยวนจี๋ หยวนจี๋ รีบไปส่งข่าวให้คุณชายหยวนซี บอกให้เขาไปที่จวนเฟิ่ง แล้วก็สั่งบ่าวไพร่ให้เก็บสัมภาระให้ข้าด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพักที่จวนเฟิ่ง”
“คุณชายชุยโปรดอย่าเพิ่งร้อนใจ ในเมื่อตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดแล้วก็ไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องอื่น ท่านผ่านอะไรมาได้ตั้งหลายอย่าง แถมยังทำได้ไม่เลวเลย สิ่งที่ท่านต้องทำในตอนนี้ก็คือทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไรแล้วทั้งนั้น ห้ามวิตกกังวล เรื่องอื่นๆปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง เชื่อมือข้า เราจะสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นให้ได้” ตอนนี้ชุยห้าวถิงกำลังคิดฟุ้งซ่าน เฟิ่งชิงเฉินจึงต้องลุกขึ้นมาจับไหล่เขาเพื่อเป็นการกล่าวเตือน
พวกเราต้องทำได้!
ด้วยความมั่นใจอันเปี่ยมล้น นางเคยทำการผ่าตัดที่โอกาสสำเร็จมีไม่ถึงครึ่ง แต่คนไข้มองโลกในแง่ดี คนไข้บอกนางว่าไม่กลัว……ยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอด
และคนไข้คนนั้นก็อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้!
ชุยห้าวถิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความสงบกลับคืนมา เขาหน้าแดงเล็กน้อย “แม่นางเฟิ่ง เจ้าเห็นข้าเมื่อครู่นี้แล้วคงแอบหัวเราะน่ะสินะ”
เขาลืมสํารวมกิริยา แต่ก็ไม่ได้มองว่าเป็นความผิดแต่อย่างใด
ตอนนี้ชุยห้าวถิงนึกย้อนไปตอนที่เฟิ่งชิงเฉินพูดกับหวังจิ่นหลิง “คุณชายใหญ่ ข้าสามารถรักษาดวงตาให้ท่านได้” แล้วคุณชายใหญ่ก็ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัว
สำหรับคุณชายเหล่านี้ เมื่อพวกเขาเกิดมาก็เพียบพร้อมไปทุกอย่าง แต่ละอย่างก็ดีเลิศกว่าใครๆ แต่ส่วนใหญ่ สิ่งที่พวกเขาขาดหายก็คือสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง เมื่อความสมบูรณ์แข็งแรงถูกเฟิ่งชิงเฉินนำมาหยิบยื่นให้ พวกเขาก็ยินยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างไปแลกเปลี่ยน
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า แววตาของนางไม่มีอารมณ์ขันแม้แต่น้อย แต่เปี่ยมไปด้วยการปลอบโยน “คุณชายชุย ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านนะ ข้ารู้ว่าท่านกังวลและคาดหวัง หากคุณชายชุยไม่มีธุระอื่นที่ต้องทำ เรามาเล่นหมากล้อมกันหน่อยดีหรือเปล่า?”
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจท้องที่ร้องจ๊อกๆของตัวเอง นางนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามชุยห้าวถิงและเริ่มการประลองหมาก……
ในขณะเดียวกัน หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยก็ได้ทราบข่าวเรื่องเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองยิ้มอย่างเยือกเย็น พลางหันไปมองเย่เย่ “เจ้าเตรียมของกำนัลเอาไว้ให้ดีๆล่ะ ประเดี๋ยวเมื่อถึงเวลาจะไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเลย”
“วางใจเถอะ ข้าจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินลืมไม่ลงไปตราบชั่วชีวิต!”