นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 644 ดวงซวย องค์รัชทาายาทเหล่ยกับองค์ชายจิ่นฝานก้าเท้าผิดข้าง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

หลังจากผ่านการสู้รบมาหลายครั้งนั้น องครักษ์ก็สามารถจัดการและควบคุมเหล่านางโลมพวกนี้ได้ในทันที ข้ารับใช้พลันรีบวิ่งเข้ามาด้านหน้า พร้อมทั้งจัดการเศษผ้าที่ตกลงพื้นในทันที ตงชิงและเซี่ยหว่านจึงสั่งให้สาวใช้นำผ้าห่มมาคลุมตัวสตรีเหล่านั้นเอาไว้

“คุณหยูขอรับ ควรจะจัดการกับเหล่าสตรีพวกนี้เช่นไรดีขอรับ?” องครักษ์พลันก้าวเข้ามาด้านหน้า พร้อมทั้งเข้ามาตัดบทสนทนาของเฟิ่งชิงเฉินกับหรงชิงชิวในทันที

เฟิ่งชิงเฉินพลันกวาดสายตามองไปยังเหล่าสตรีที่สร้างความวุ่นวายพวกนั้น พร้อมทั้งสั่งการด้วยท่าทีที่ไร้เยื่อใยว่า “จับตัวพวกนางเอาไว้ก่อน กลับไปค่อยนำไปตรวจสอบเรื่องราว หากมิได้มีปัญหาอันใด ก็ส่งพวกนางทั้งหมดไปที่กองทัพเสีย”

สตรีเหล่านี้หาได้สนใจเรือนร่างของตนไม่ ทั้งยังกล้าเปิดเผยเรือนร่างตนเองต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ นางนับว่าใช้ประโยชน์จากพวกไร้ประโยชน์เหล่านี้ได้ดีนัก กองทัพในยามนี้ขาดแคลนสตรีเพศเป็นอย่างยิ่ง

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าหรือ” หรงชิงชิวพลันกรีดร้องออกมา ยามที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าไปหาเฟิ่งชิงเฉินนั้น องครักษ์พลันเข้ามาขวางเอาไว้ก่อน นับว่าเฟิ่งชิงเฉินยังเห็นแก่หน้านาง ที่ยังมิสั่งให้องครักษ์นำตัวนางไปด้วย

“มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้ากัน อย่าได้เอ่ยถึงสตรีเหล่านั้น แม้ว่าเป็นเจ้า ข้าก็ข้าส่งเจ้าไปที่กองทัพด้วยเช่นกัน” เมื่อควบคุมเรื่องราวที่วุ่นวายเอาไว้ได้แล้ว แม้ว่าหน้าตาของจวนเฟิ่งจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม โชคดีที่มิได้มีปัญหาวุ่นวายไปมากกว่านี้ เฉกเช่น ทำให้แขกที่มางานไม่พอใจ

“เอาตัวนางออกไป พร้อมทั้งจัดการล้างเนื้อล้างตัวนางให้สะอาด แล้วก็ส่งนางไปที่กองทัพเสีย”

“ขอรับ” องครักษ์พลันก้าวมาด้านหน้าเพื่อที่จะมาจับตัวหรงชิงชิวในทันที ทว่าหรงชิงชิวพลันใช้แรงของตนผลักพวกเขาออกไป พร้อมทั้งตะโกนเรียกเฟิ่งชิงเฉินว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำเช่นนี้กับคนที่มามอบของขวัญให้เจ้าเช่นนั้นหรือ?”

ในเวลานี้ ผู้คนที่มองดูสถานการณ์จวนเฟิ่งอยู่ด้านนอกนั้น ดู จากท่าทางของพวกเขาแล้ว คงจะเป็นข้ารับใช้ที่อยู่ละแวกใกล้เคียวกับจวนของนางกระมัง

นี่นับว่า เรื่องดีมิออกนอกจวน แต่เรื่องฉาวโฉ่กลับดังไปทั่วกัน

“แขก? เจ้านับว่าเป็นแขกอะไรกัน สตรีจากหอนางโลมยังนับว่าเป็นแขกได้หรือ เจ้าคิดว่าตนเองสำคัญมากหรืออย่างไร โดยเฉพาะของขวัญของเจ้า ข้ารับเอาไว้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะตอบแทนของขวัญที่เจ้ามอบให้อย่างดีเชียว พวกเจ้ายังมัวตกตะลึงอันใดอยู่อีก มิเห็นหรือว่าแม่นางฮวาขุยเหนื่อยล้ายิ่งนัก รีบเชิญนางไปดื่มชาเร็ว” เฟิ่งชิงเฉินมิอยากจะทำเรื่องให้เป็นที่น่าขบขันอีกต่อไป พร้อมทั้งลงดาบจัดการเรื่องนี้ในทันที

ทว่า ที่หรงชิงชิวมาในวันนี้นั้น ก็เพื่อจะมาป่วนงานเลี้ยงในวันนี้ นางจะปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร อีกทั้งยังมีคนอยู่เบื้องหลังของนาง นางย่อมมิเกรงกลัว หากว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งเรื่องนี้ใหญ่มากเท่าใดได้ ยิ่งดีเท่านั้น

หรงชิงชิวจึงงัดทุกอย่างออกมา พร้อมกับใช้แรงผลักองครักษ์ออกไป จากนั้นก็ออกวิ่งไปที่ถนนใหญ่ ยามที่องครักษ์กำลังจะตามออกไปนั้น ก็พลันถูกเฟิ่งชิงเฉินเอ่ยห้ามด้วยการส่งสายตา องครักษ์มิใคร่เข้าใจการกระทำของนาง ทว่าก็เชื่อฟังตามคำสั่ง พวกเขาหาได้เคลื่อนไหวอันใดไม่

เหล่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านล่างย่อมมองไม่เห็น ทว่า เฟิ่งชิงเฉินที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดนั้น กลับมองเห็นเหล่าสตรีที่สวมใส่อาภรณ์หรูหราได้จากระยะไกล คนเหล่านี้กำลังเดินทางมาที่จวนเฟิ่ง

หากว่าไม่มีคนคอยอยู่เยื้องหลัง เหล่าสตรีจากหอนางโลมพวกนี้จะออกมาสร้างความวุ่นวายต่อหน้าจวนเฟิ่งได้อย่างไรกัน ด้วยพละกำลังของคุณหนูที่ตกต่ำเช่นหรงชิงชิวหรือ ย่อมมิเพียงพอ พวกนางย่อมมิใช่ปลาใหญ่ ถึงแม้ผู้คนเหล่านี้จะมิได้มีส่วนรู้เห็นในเบื้องหลัง แต่ทว่า เมื่อพวกนางมาเยือนถึงหน้าประตูจวนเช่นนี้ นางย่อมยืมพวกนางใช้การเล็กน้อย

มีบางคนกล่าวว่าเหล่านางโลมเหล่านี้มาที่จวนเฟิ่งสร้างความวุ่นวาย มากกว่าบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินไปทำให้เหล่านางโลมเหล่านี้โกรธเคืองเสียด้วยซ้ำ

เมื่อผู้คนยิ่งเดินเข้ามาใกล้ ๆ นั้น เฟิ่งชิงเฉินถึงได้เห็นบุคคลที่กำลังเดินมาชัดแจ้งในทันที พร้อมด้วยมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นมาด้วยความเย้ยหยัน มิใช่ว่าศัตรูมิอาจอยู่ร่วมกันได้หรอกหรือ ซีหลิงเทียนเหล่ย หนานหลิงจิ่นฝาน มิรู้ว่าเหตุใดพวกท่านถึงได้ดวงซวยมาก หรือเป็นข้าที่ดวงซวยกันแน่ พวกท่านถึงได้มาพร้อมหน้ากันเช่นนี้ได้

นับว่าไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินผิดหวังยิ่งนัก หรงชิงชิวที่รู้ความ ยังมิทันจะได้เข้าไปใกล้ซีหลิงเทียนเหล่ย นางก็พลันร้องตะโกนออกมาว่า “บุตรีตระกูลเฟิ่งรังแกประชาชน” “บุตรีตระกูลเฟิ่งกำลังฆ่าคน” “บุตรีตระกูลเฟิ่งต้องการจะจับข้าไปเป็นนางโลมในกองทัพ ช่วยด้วย!”

แต่เดิมซีหลิงเทียนเหล่ยกับหนานหลิงจิ่นฝาน หาได้ต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ ทว่า เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ พวกเขาพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที รวมไปถึง การที่เขาจะแสดงงิ้ววีรบุรุษช่วยสาวงามต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินพลันกระซิบข้างหูเซี่ยหว่านสองสามคำ จากนั้นเซี่ยหว่านก็วิ่งออกไป เพื่อเชื้อเชิญรถม้าของฮูหยินซื่อจื่อและลู่ฮูหยินขี่ออกมาด้านหน้า เพื่อมาจอดรถม้าอยู่หน้าจวนเฟิ่ง พร้อมทั้งเฟิ่งชิงเฉินที่เดินบลงบันไดไปทักทายพวกเขาด้วยตนเอง พลางแสร้งทำเป็นไม่เห็นหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าในทันที

งิ้วดี ๆ ใกล้จะออกโรงแล้ว!

“ฮูหยินซื่อจื่อ ลู่ฮูหยิน ชิงเฉินต้องขออภัยยิ่งนัก ที่ทำให้ฮูหยินทั้งสองต้องรู้สึกขุ่นเคืองใจแล้ว” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันแย้มยิ้มออกมาในทันที นางหาได้เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมาไม่ แน่นอนว่าฮูหยินทั้งสองย่อมมิคิดเอ่ยมันออกมาเช่นกัน

“ชิงเฉินจะเกรงใจกันมากไปแล้ว” ฮูหยินซื่อจื่อและลู่ฮูหยิน ต่างพากันแย้มยิ้มออกมา พร้อมทั้งมิได้หยุดอยู่หน้าจวนเฟิ่ง ด้วยท่าทีเชิญชวนของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว พวกนางจึงได้เดินเข้าไปในทันที

ยามที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านในนั้น ด้านหลังก็พลันมีเสียงของหรงชิงชิวดังตามมาว่า “คุณชาย เป็นแม่นางเฟิ่งผู้นี้ นู๋เจียที่นำของขวัญมามอบให้กับนาง เพื่อขอร้องให้นางรักษาให้นู๋เจียนั้น กลับโดนไล่ออกมาแทน อีกทั้งแม่นางเฟิ่งยังกล่าวข่มขู่นู๋เจียอีกว่า จะส่งนู๋เจียไปเป็นนางโลมในกองทัพ” หรงชิงชิวที่ยังมิได้เข้ามาแตะต้องตัวเฟิ่งชิงเฉินเลยนั้น พลันเลิกแขนเสื้อของตนเองขึ้นมา เพื่อให้เห็นรอยฟกช้ำสีม่วงในทันที

สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินหาได้เปลี่ยนไปไม่ ทั้งยังมิหันกลับไปมองด้วยซ้ำ เพียงแค่โค้งกายขอโทษขอโพยฮูหยินทั้งสองแทน “ฮูหยิน ชิงเฉินยังมีเรื่องให้ไปจัดการเล็กน้อย ขออภัยที่ต้องเสียมารยาทแล้ว ชุนฮุ่ย พาซื่อจื่อฮูหยินและลู่ฮูหยินไปเดินชมรอบจวนที”

“ชิงเฉินไปทำธุระเถิด” ทั้งซื่อจื่อฮูหยินและลู่ฮูหยินหาได้คิดเล็กคิดน้อยไม่ ทั้งยังแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้ใด ทว่า หนานหลิงจิ่นฝานมิต้องการปล่อยพวกนางสองคนไปด้วย พร้อมทั้งร้องเรียกเสียงดังในทันที “ที่แท้ก็เป็นซื่อจื่อฮูหยินของจวนหนิงกั๋วกงและลู่ฮูหยินองครักษ์เสื้อโลหิตนั่นเอง ถึงว่าเสี่ยวหวางรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก”

ในเมื่อหนานหลิงจิ่นฝานพูดขึ้นมาเช่นนี้ ซื่อจื่อฮูหยินและลู่ฮูหยินก็ไม่อาจทำเฉยเมยไปได้อีก ทั้งสองคนมิมีทางเลือก จึงได้แต่แย้มยิ้มออกมาไปด้วยท่าทีขมขื่น ในขณะเดียวกัน ยามที่พวกนางกำลังจะเดินออกนอกประตูไปเพื่อทำความเคารพต่อหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันเอ่ยห้ามปรามออกมาว่า “ซื่อจื่อฮูหยิน ลู่ฮูหยินเจ้าคะ พวกท่านทั้งสองอย่าได้ออกไปจะดีกว่า องค์ชายหนานและองค์รัชทายาทเหล่ย ถึงกับเปิดตัวนางโลมผู้นี้ นับว่า”

คำพูดด้านหลังนั้น เฟิ่งชิงเฉินมิพูดออกมา ทว่า น้ำเสียงนั้นสามารถทำให้ผู้คนรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า เฟิ่งชิงเฉินดูถูกพวกเขาทั้งสองคน

อ๋อ ทั้งซื่อจื่อฮูหยินและลู่ฮูหยิน ต่างก็ให้ความร่วมมือนางเป็นอย่างดี พร้อมทั้งหันกายกลับไปในทันใด พวกนางมิต้องการจะยุ่งกับเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ จากที่พวกนางได้ฟังตอนอยู่บนรถม้านั้น แม่นางตรงหน้าคือตระกูลหรงจากจวนกั๋วกง

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้เอ่ยเรื่องไร้สาระออกมาเช่นนี้” แม้ว่าหนานหลิงจิ่นฝานจะไม่สนใจข้อหาเหล่านี้ ทว่า ซีหลิงเทียนเหล่ยกลับไม่เหมือนกัน เนื่องจากเขามีตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาท หากว่าเรื่องราวเช่นนี้ถูกส่งกลับไปที่ซีหลิงละก็ นับว่าน่าขายหน้ายิ่งนัก

“องค์รัชทายาทเหล่ย เป็นข้าที่เอ่ยวาจาไร้สาระงั้นหรือ? ท่านลองดูการแต่งตัวของแม่นางผู้นี้ซิ เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่านางคือแม่นางฮวาขุย อีกทั้งนางยังออกมายอมรับด้วยตนเองอีกด้วย”

“ข้า” สีหน้าของหรงชิงชิวพลันซีดเผือดไปในทันที มิรู้ว่าเป็นเพราะนางโมโหหรือหวาดกลัวกันแน่

ชิงเฉินพลันยืนอยู่บนบันไดด้วยท่าทีที่เหยียดหยามออกมา นางหาได้มีความคิดที่จะเดินลงจากบันไดไปไม่ พร้อมทั้งยังเอ่ยตัดบทหรงชิงชิวอย่างไม่ไยดีว่า “องค์รัชทายาทเหล่ย องค์ชายหนานหลิงเพคะ ชิงเฉินต้องขออภัยที่ได้ทำการเสียมารยาทไป แต่ทว่า ชิงเฉินหาได้มีนิสัยชอบทักทายสตรีนางโลมไม่”

เพียงแค่ประโยคเดียว ก็สามารถอธิบายเหตุผลที่นางต้องทำตัวไร้มารยาทออกไปได้ในทันที ผู้ใดสั่งให้หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยทำตัวไร้มารยาทต่อนางก่อนกัน

“เฟิ่งชิงเฉิน เปิ่นกงกับแม่นางผู้นี้หาได้มาด้วยกันไม่ เพียงแค่เห็นแม่นางผู้นี้ดูน่าสงสารยิ่งนัก จึงรู้สึกเห็นใจนาง” ซีหลิงเทียนเหล่ยรีบสลัดความสัมพันธ์ของพวกเขาออกจากหรงชิงชิวอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน พลันหันไปสบสายตากับหนานหลิงจิ่นฝานว่า สตรีผู้นี้คืออะไรกัน มีอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนมอบของขวัญด้วยหรือ?

หนานหลิงจิ่นฝานทำทียักไหล่ เพื่อเป็นการบอกว่าไม่รู้

คงเป็นผู้ที่ไม่ชอบเฟิ่งชิงเฉินกระมัง ถึงได้เตรียมของขวัญเช่นนี้เอาไว้ให้ ของขวัญพวกเขายังมาไม่ถึงเลย เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสตรีนางนี้มาได้อย่างไรกัน

ทว่า เรื่องราวที่น่าสนุกเช่นนี้ ผู้ใดจะไปรู้ว่า ยังมิทันได้ร่วมสนุก กลับกลายเป็นเรื่องฉ่าวโฉ่เสียได้!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท