หลังจากนำยาให้ซุนซือสิง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กลับไปที่ห้องผู้ป่วย แต่กลับไปยังห้องของตนเอง และเรียกทงจือกับทงเหยาเข้ามา
“ทงจือ ทงเหยา หลายวันที่ผ่านมาหิมะตกหนักมาโดยตลอด ประชาชนมากมายได้รับผลกระทบจากหิมะครั้งนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาจำนวนของคนไข้มากขึ้นหรือไม่?”
“นายหญิง หิมะตกหนักทุกปี มีประชาชนป่วยมากมาย บางคนแข็งตาย แถมหิมะของปีนี้ค่อนข้างพิเศษ แม้สองสามวันที่ผ่านมาจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันก็ตกอยู่ตลอดเวลา บ้านหลายหลังถูกหิมะปกคลุม ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต สถานที่หลบภัยของรัฐบาลเต็มไปด้วยผู้คน จำนวนของผู้ป่วยก็เพิ่มขึ้นจำนวนมาก”
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ทงจือกับทงเหยาตรวจสอบก็สามารถรับรู้ได้ เนื่องจากเรื่องหิมะตกหนัก ทำให้ขุนนางจำนวนไม่น้อยที่ทำหน้าที่รับผิดชอบถูกไล่ออก
ภัยพิบัติเป็นทั้งบททดสอบและโอกาสสำหรับขุนนาง
ทุกครั้งที่เกิดภัยธรรมชาติ ขุนนางจำนวนมากจะถูกไล่ออกเนื่องจากการละเลยหน้าที่ และยังมีขุนนางอีกจำนวนมากที่ฉวยโอกาสทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เจ้าบอกว่าตอนเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติ ก็ไม่มีขุนนางคนไหนดูแลประชาชนจากใจจริงอย่างนั้นหรือ?
มี แน่นอนว่ามี ถ้าหากไม่ใช่เพื่อประชาชน ไม่ทุ่มเทเพื่อพวกเขา แบบนั้นเจ้าจะได้รับความเห็นและประสบความสำเร็จทางการเมืองได้อย่างไร?
ก่อนที่เจ้าจะเป็นขุนนาง เจ้าเองก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่อยากจะเป็นขุนนางที่ดี แต่เมื่อได้เป็นอย่างที่หวังแล้ว เจ้าจะพบว่า สิ่งที่เจ้าทำคือการปืนไปด้านบน เจ้าไม่มีทางมองลงมาด้านล่าง สามารถเหยียบย่ำทุกอย่างเพื่อทะเยอทะยานไปสู่ความก้าวหน้า
เรื่องที่จะทำให้คิดถึงประชาชนได้ มันก็จำเป็นต้องมีผลประโยชน์ที่มากพอ มีประชาชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก ยิ่งงานที่ทำยิ่งใหญ่เท่าไหร่ ความสำเร็จที่จะก้าวไปยังขั้นต่อไปก็ยิ่งมากเท่านั้น
และภัยธรรมชาติย่อมเป็นโอกาสที่ดีในการเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่ต้องสงสัย หากสามารถคว้าไว้ได้ เจ้าไม่เพียงแค่ได้ชื่อเสียงจากประชาชน แต่ยังสามารถก้าวหน้าไปอย่างยิ่งใหญ่ แต่เฟิ่งชิงเฉิน……
นางรู้ว่าตนเองไร้ยางอาย แต่นางก็อยากได้ประโยชน์จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง
“ทงจือ ทงเหยา พวกเจ้าว่าข้าควรออกไปทำการรักษาด้านนอกหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าแรงจูงใจของเรื่องนี้นั้นไม่บริสุทธิ์……แต่มันก็เท่ากับการช่วยเหลือชีวิตคนด้วย
ถ้าหากนางเป็นขุนนาง นางเองก็อยากทำเช่นนั้น สร้างชื่อเสียงเพื่อเลื่อนขั้น แม้ว่าจะเป็นโอกาสที่ไม่บริสุทธิ์ แต่สุดท้ายประชาชนก็ได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน
“ทำการรักษาด้านนอก? แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่ทำเช่นนั้นมันลำบากมาก และนายหญิง ท่านก็ยุ่งมากอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปทำเรื่องแบบนั้น” ทงจือกับทงเหยา แน่นอนว่าพวกนางมีความสุขและเห็นด้วยกับการกระทำนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ว่า……
ปัญหามาแล้ว สถานที่รักษาแห่งความยุติธรรม เมื่อลงมือทำไปแล้วมันไม่สามารถหยุดกลางคันได้
“หิมะตกหนักขนาดนี้ ข้ายังทำอะไรได้อีก สิ่งที่ข้าตอนการทำในตอนนี้คือการฝั่งท่านพ่อท่านแม่อย่างสงบ แต่หิมะไม่ยอมหยุด มันก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ก่อนที่หิมะจะตก ยังพอมีเวลาที่จะออกไปทำการรักษา งั้น….ถือว่าเป็นกุศลสำหรับท่านพ่อท่านแม่” ตอนนี้นางถูกจับตามองอยู่ทุกย่างก้าว แทนที่จะวางแผนด้วยความกลัวไม่สู้ก้าวเดินอย่างสง่า ทำให้เป็นที่ตราตรึงของทุกคนไปเลย
“นายหญิง ถ้าหากเพื่อเป็นการกุศลให้แก่นายท่านและนายหญิง ข้าว่าพวกเราไม่ควรทำแค่เปิดการรักษา แต่ควรจัดหาโจ๊กด้วยไปแจกจ่ายด้วย แต่ตอนนี้อาหารมีราคาแพงมาก อาหารในจวนของพวกเราก็มีจำนวนพอดี ไม่สามารถนำออกไปเพื่อแจกจ่ายผู้อื่นได้” ทำบุญนั้นเป็นเรื่องดี แต่หลักการคือทำเท่าที่ตนเองไม่เดือดร้อน
ตนเองจะต้องหิวตายยังมีหน้าไปช่วยคนอื่น นั่นไม่ใช่การทำบุญ นั่นคือการกระทำที่ไร้ซึ่งปัญญา เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดว่าตนเองเป็นผู้สูงศักดิ์
“เรื่องอาหารไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวข้าจะไปหาวิธีเอง ทงจือ ทงเหยา พวกเจ้าช่วยออกไปดูหน่อยว่าสถานการณ์ด้านนอกนั้นหนักหนาเพียงใด แบบนี้ข้าถึงทำการตัดสินใจได้ว่าควรทำอย่างไร” ทางด้านของซูเหวินชิงไม่มีทางขาดแคลนเรื่องอาหาร นางจะไปหาซูเหวินชิงเพื่อทำการปรึกษา ถ้าหากตอนนี้ซูเหวินชิงสามารถออกมาทำบุญพร้อมกับนางได้ แบบนั้น….
เรื่องนี้เป็นประโยชน์กับเสด็จอาเก้าอย่างมาก อย่าลืม นางกับซูเหวินชิงเป็นคนของเสด็จอาเก้า
“เพคะ นายหญิง” ” ทงจือกับทงเหยาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังวางแผนอะไรอยู่ แค่รู้ว่านางอยากทำบุญ จึงไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น และรีบออกไปฟังเรื่องราวเกี่ยวกับภัยธรรมชาติจากทางพระราชวัง
เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้ทำตัวว่าง นางสั่งให้คนไปเชิญซูเหวินชิงมายังจวนของนาง บอกว่านางมีเรื่องต้องการปรึกษา ส่วนทำไมถึงต้องให้ซูเหวินชิงเดินทาง ทำไมนางถึงไม่เป็นคนไปหาซูเหวินชิงด้วยตัวเอง?
เรื่องนี้ยังจำเป็นต้องพูดอยู่อีกหรือไม่ หิมะตกหนักขนาดนี้ นางออกไปก็มีแต่ลำบาก นอกจากนั้นตอนนี้นางยังมีเรื่องของความกตัญญู ไม่ออกไปด้านนอกจะเป็นการดีกว่า
การให้โจ๊กขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารในครอบครองของซูเหวินชิง แต่เรื่องการรักษาเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแน่นอน เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในห้องรักษาขนาดเล็ก เปิดใช้งานกระเป๋าสารพัดประโยชน์ และนำยาทั้งหมดที่อาจจำเป็นต้องใช้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกแย่กับการทำเรื่องเหล่านี้ นำยาพวกนี้ออกมาจนหมด เพื่อแลกกับการรักษาผู้คนอย่างใจบุญ การคุณธรรมทางการแพทย์ไม่ทำให้นางมีคุณธรรมมากขึ้น นางคงทุบกระเป๋าสารพัดประโยชน์
มันมีประโยชน์มากเกินไป ทำให้นิสัยของคนเปลี่ยน
วางยาเต็มไปทั่วห้อง เฟิ่งชิงเฉินติดป้ายทีละรายการเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินปาดเหงื่อ ตอนแรกคิดจะกลับไปพักผ่อนแต่กลับได้ยินเสียงของชุนฮุ่ยที่ดังเข้ามา “นายหญิง คุณชายซูมาแล้ว”
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ? ไปกันเถอะ” เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าเร็วที่สุดซูเหวินชิงน่าจะมาถึงในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับเส้นทาง ซูเหวินชิงจึงไม่สามารถทำธุรกิจได้ ช่วงนี้เขาอยู่บ้านเฉยๆ แต่ละวันเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับข้อมูลของเผ่าเสวียนเซียวกง ตาของเขาเบลอไปหมดแล้ว เมื่อได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินเชิญเขามา ซูเหวินชิงไม่พูดอะไรสักคำ โยนข้อมูลพวกนั้นทิ้งไปและขึ้นรถม้ามาหาเฟิ่งชิงเฉินทันที
เขาไม่ได้เกียจคร้าน แต่นี่คืองานหลักที่เขาต้องทำ!
ความสัมพันธ์ของเฟิ่งชิงเฉินกับซูเหวินชิงคืออะไร? พวกเขาอยู่ภายใต้หลานจิ่วชิง เฟิ่งชิงเฉินไม่เกรงใจ เล่าแผนการทั้งหมดของตนเองออกไปทันที แน่นอน……
นางไม่ได้ต้องการทำในพระราชวัง แต่ต้องการทำทุกอย่างทั้งหมดในพื้นที่ได้รับภัยธรรมชาติของตงหลิง ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กหรือการรักษา
การมัดใจประชาชน แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนี้จะต้องทำให้ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ แม้ว่ามันอาจจะทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนั้น ถ้าหากมัวแต่สนใจความไม่พอใจของจักรพรรดิ แบบนั้นพวกเขาก็คงไม่ต้องคิดที่จะช่วยเสด็จอาเก้า
อีกอย่าง นี่ก็ถือเป็นประโยชน์ที่ประชาชนในประเทศได้รับ ต่อให้จักรพรรดิไม่พอใจ แต่ก็คงไม่แสดงออกมา
“เป็นความคิดที่ดี แต่ว่า……พวกเราจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสด็จอาเก้า?” ชื่อเสียงของตระกูลเฟิ่งและตระกูลซูถูกใช้เป็นข้ออ้างในเรื่องพ่อแม่ของเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่รู้ตัว ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องราวจะเชื่อมความสัมพันธ์เรื่องนี้กับเสด็จอาเก้าได้อย่างไร และถ้าหากไม่สามารถเชื่อมถึงเสด็จอาเก้าได้ ต่อให้พวกเขามัดใจประชาชนได้ แบบนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไร?
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรยาก เจ้าให้คนเข้าไปปะปนกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ จากนั้นให้พวกเขาป่าวประกาศว่าโจ๊กและการรักษาเป็นความคิดและน้ำใจของเสด็จอาเก้า แต่เนื่องจากเสด็จอาเก้าทำให้จักรพรรดิโกรธจึงถูกสั่งขังคุก เสด็จอาเก้าจึงไม่สะดวกออกมาด้วยตนเอง ทำได้แค่ให้จวนเฟิ่งและจวนซูออกหน้า นี่เป็นการทำดีโดยไม่หวังชื่อเสียงของเสด็จอาเก้า”
ทำความดีไม่จำเป็นต้องทิ้งชื่อไว้ แต่จำเป็นต้องจดไว้ในสมุด แบบนี้……ถึงทำให้คนรู้ว่าเจ้าเป็นคนทำความดี และแบบนี้มันดีกว่าการป่าวประกาศว่าเป็นการกระทำของเสด็จอาเก้าโดยตรงเป็นอย่างมาก เหล่าประชาชนจะรู้สึกซาบซึ้งใจ คิดว่าการกระทำครั้งนี้ของเสด็จอาเก้าไม่ใช่การผลตอบแทน แต่เป็นการทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
อยากเป็นชินอ๋องผู้สง่างาม ถูกขังในคุกยังนึกถึงประชาชน ทำเรื่องราวมากมายให้ประชาชนแต่ไม่อยากให้ทุกคนรู้ นี่มันคือความยิ่งใหญ่ และมีเกียรติเพียงใด
ถ้าหากมีฝ่ายประชาสัมพันธ์ เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจว่าจากเรื่องนี้เสด็จอาเก้าจะถูกเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปี และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคน……