“แกรก……”
เฟิ่งชิงเฉินตกใจ คิดว่าตนเองทำหยกในมือแตก รีบนำมือออกและพบว่า……
หยกทั้งสองชิ้นประกอบกันได้พอดี
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” นางเคยได้ยินแค่เรื่องทองคำที่ฝังอยู่ในหยก แต่ไม่เคยได้ยินว่าหยกสามารถฝั่งในหยกได้
“มีอะไรเป็นไปไม่ได้ นี่คือหยกสามีภรรยา แน่นอนว่าต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้” ความหมายที่เซวียนเส้าฉีต้องการสื่อถึง เขาเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจ แต่ว่า……
เอาละ เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจแล้ว แต่นางไม่อยากเข้าใจเลยสักนิด หยุนเซียนแค่พูดออกมา เสด็จอาเก้าถึงกับยกกองทหารไปยังบ้านตระกูลหยุน แต่ผู้ชายคนนี้นำหยกสามีภรรยามาให้นาง ถ้าเสด็จอาเก้ารู้เข้า ชายผู้นี้จะต้องตายอย่างแน่นอน
“แฮ่ม….แบบนี้ก็แสดงว่านายน้อยเป็นเพื่อนกับแม่ข้า ในเมื่อเป็นเพื่อนของท่านแม่ พวกเจ้ามานี่หน่อย……”
เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นไม่รู้ วางแผนจะจัดเตรียมให้เขาอยู่เฉยๆก่อน หลังจากนั้นก็ไม่สนใจเขา แต่เซวียนเส้าฉีไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เขาลุกขึ้นมา รีบหยุดคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นพูดออกมาว่า “แม่นางเฟิ่ง เจ้าเป็นคนฉลาด หยกสามีภรรยานี้หมายถึงอะไรเจ้าเองก็น่าจะเข้าใจ ข้าเป็นผู้น้อยของป้าโม่ หยกสามีภรรยานี้เป็นของหมั้นในการแต่งงานของพวกเรา ตอนนั้นป้าโม่ได้ยกเจ้าให้กับข้า ข้าคือสามีในอนาคตของเจ้า”
ในที่สุดก็พูดออกมา!
เซวียนเส้าฉีดูเหมือนจะนิ่งสงบ แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแดงเล็กน้อย ดวงตาของเขาจ้องไปยังเฟิ่งชิงเฉินอย่างว่างเปล่า แม้ว่าเขาจะพยายามยับยั้งตนเอง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็มองออกว่าเขากำลังตื่นตระหนก
และนางเองก็เช่นเดียวกัน
อยู่ดีๆ ทำไมนางถึงมีคู่หมั้นขึ้นมาได้
บ้าไปแล้ว ต่อให้ตายนางก็ไม่ยอมรับ
“นายน้อย ท่านจำผิดหรือเปล่า แม่ของข้าจะยกข้าให้กับท่านได้อย่างไร” หยกในมือของเฟิ่งชิงเฉินแทบจะหล่นลงพื้น
เป็นอย่างที่คิด แบบนี้คงลำบากแล้ว คำพูดของแม่สื่อ คำสั่งของพ่อแม่ ถ้าเป็นเช่นนี้จริง หรือว่านางจะต้องแต่งงานกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า?
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีทางเด็ดขาด
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ป้าโม้เป็นคนรับปากกับข้าด้วยตัวเอง ว่าจะมอบลูกสาวของตนเองให้กับข้า ของสิ่งนี้คือของแทนคำสัญญาระหว่างข้ากับป้าโม่ ป้าโม่รับหยกชิ้นนี้ไว้ก็หมายความว่านี่คือคำมั่นสัญญาระหว่างพวกเรา เฟิ่งชิงเฉิน หรือว่าเจ้าคิดจะถอนหมั้น?” เซวียนเส้าฉีคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะตกใจหรือเขินอาย เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่เชื่อ
เขาเหมือนคนที่ชอบหลอกคนอื่นไปแต่งงานด้วยงั้นหรือ? หรือว่าเขาดูไม่เหมือนคนดี?
เป็นไปไม่ได้ เห็นกันอยู่ว่าเหล่าสตรีรูปงาม มีทั้งชื่อเสียงเงินทองต่างตามรังควานเขา ถ้าหากเขาไม่มีคู่หมั้นอยู่ตั้งแต่แรก เขาคงแต่งงานไปนานแล้ว
แน่นอน เขาบอกว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยบอกว่าคู่หมั้นของเขาเป็นใคร เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของเขาเป็นใคร หรือบอกว่าคู่หมั้นของเขายังไม่เกิด
เนื่องจากป้าโม่ที่คุ้นเคยได้จากไป พ่อของเขาจึงหาคนที่คล้ายกับป้าโม่มาให้ หลังจากนั้นนางก็กลายเป็นป้าโม่
แต่เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ป้าโม่ของเขา แม้ว่าจะเหมือนแค่ไหนก็ไม่ใช่อยู่ดี เขารอ รอการปรากฏตัวอีกครั้งของป้าโม่ เขาเชื่อว่าป้าโม่จะต้องกลับมา ป้าโม่สัญญากับเขาไว้ว่าจะมอบลูกสาวของนางให้กับเขา
รอมานานหลายปีก็ยังไม่เห็นวี่แวว แต่ในตอนที่เขากำลังจะยอมแพ้ เขาก็รู้ถึงการมีอยู่ของเฟิ่งชิงเฉิน ในวินาทีนั้น หัวใจของเขามีเสียงดังขึ้นมา บอกกับเขาไม่ยอมหยุดว่าเฟิ่งชิงเฉินคือลูกสาวของป้าโม่ หรือก็คือคู่หมั้นของเขา
ตั้งแต่ได้ข่าวของเฟิ่งชิงเฉินจากปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี เซวียนเส้าฉีก็ยิ่งแน่ใจว่าเฟิ่งชิงเฉินคือลูกสาวของป้าโม่ เฟิ่งชิงเฉินก็คือคู่หมั้นใน 18 ปีที่เขารอคอย
เขารีบไปยังเมืองแห่งจักรพรรดิตงหลิงทันที เขาต้องการนำตัวคู่หมั้นของเขากลับคืนมา
แม้ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินจะรู้สึกตกใจ แต่ตอนนี้นางเยือกเย็นขึ้นมา ไม่ว่านางกับเซวียนเส้าฉีจะเป็นคู่หมั้นกันด้วยเหตุผลใด แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางยอมรับ
เฟิ่งชิงเฉินวางหยกในมือไว้บนโต๊ะอย่างใจเย็น “นายน้อย หยกสามีภรรยานี้มันอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ แต่ข้ามั่นใจได้ว่าท่านกับข้าไม่มีการหมั้นหมายกัน ถ้าหากแม่ของข้ามอบข้าให้กับท่าน ทำไมตอนนั้นแม่ของข้าจึงเห็นด้วยกับการขอแต่งงานของลั่วอ๋อง มีคำกล่าวว่า เกิดเป็นหญิงต้องรักเดียว แม่ของข้าไม่มีทางสัญญากับท่านและยกข้าให้กับคนอื่น”
ในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกขอบคุณสำหรับการมีอยู่ของชายขี้ขลาดอย่างตงหลิงจื่อลั่ว
จะบอกว่าที่เซวียนเส้าฉีพูดออกมาเป็นเรื่องโกหก นางเองก็ไม่กล้าพูดออกมา เซวียนเส้าฉีคุ้นเคยกับการเรียกแม่ของตนเองว่าป้าโม่ นางไม่มีทางพิสูจน์คำพูดของเซวียนเส้าฉีได้
“ป้าโม่ยกเจ้าให้กับคนอื่น เป็นไปได้อย่างไร ป้าโม่รับปากกับข้าไว้ว่าจะมอบลูกสาวของนางให้กับข้า หรือว่าป้าโม่คิดว่าข้าจะรอไม่ได้?” เซวียนเส้าฉีไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน
ป้าโม่รับปากแล้วว่าจะมอบลูกสาวของตนเองให้กับเขา นางจะผิดคำสัญญาได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมป้าโม่ถึงไม่กลับไปที่เผ่าเสวียนเซียวกงอีก ทำไมป้าโม่ถึงยกเฟิ่งชิงเฉินให้กับคนอื่น
เห็นใบหน้าอันเจ็บปวดของเซวียนเส้าฉี เฟิ่งชิงเฉินเองก็รับไม่ไหว นางเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เซวียนเส้าฉีพูดออกมาเป็นความจริงหรือไม่ แต่ว่า……
“นายน้อย เรื่องในตอนนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ท่านมาพูดแบบนี้กับข้ามันก็ไม่เกิดประโยชน์ ข้ารู้แค่ว่าแม่ของข้าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับข้ามาก่อน ว่าข้าเคยมีคู่หมั้น และไม่เคยพูดถึงเผ่าเสวียนเซียวกง ก่อนที่ข้าจะรู้จักเซวียนเฟย ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสิ่งที่เรียกว่าเผ่าเสวียนเซียวกงอยู่”
เฟิ่งชิงเฉินพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นางไม่พบมันจากความทรงจำของนาง ดูเหมือนว่าแม่ของนางจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
เอาเถอะ ในความเป็นจริงในหัวของนางก็ไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของนางอยู่มากมายอะไร จำได้แค่ว่าเป็นผู้หญิงที่เย่อหยิ่งและเยือกเย็น ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น
เซวียนเส้าฉีเข้าใจ เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดจะแต่งงานตามคำสัญญาระหว่างพวกเขา แต่เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในการตัดสินใจของเฟิ่งชิงเฉินเพียงผู้เดียว
“เฟิ่งชิงเฉิน ในเมื่อป้าโม่ไม่ได้บอกกับเจ้า งั้นข้าจะเป็นคนบอกกับเจ้าเอง เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าฟังข้าให้ดี เจ้าคือคู่หมั้นของข้าเซวียนเส้าฉี ในตอนที่เจ้ายังไม่เกิด ข้าได้จองตัวเจ้าไว้แล้ว ข้ารอเจ้ามา 18 ปี ชีวิตนี้นอกจากเจ้าแล้วข้าไม่สามารถแต่งงานกับใครได้อีก ส่วนเรื่องของลั่วอ๋องอะไรนั่นเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง เจ้าเฟิ่งชิงเฉินเป็นได้เพียงภรรยาของข้าเซวียนเส้าฉีแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
ดวงตาของเซวียนเส้าฉีเยือกเย็น มองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ
นายน้องแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงไม่ใช่ลูกพลับอ่อน ถ้าหากความคิดของเขาจะถูกลบล้างด้วยคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเพียงไม่กี่คำ แบบนั้นเขาก็คงไม่รอมาถึง 18 ปี
เฟิ่งชิงเฉิน เขารอเจ้ามาถึง 18 ปี ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินยังไม่เกิด เขาได้จองตัวนางเอาไว้แล้ว ใครก็มาแย่งเขาไปไม่ได้ทั้งนั้น
เฟิ่งชิงเฉินมีความรู้สึกว่าอยากจะเป็นลม อะไรที่เรียกว่ารอมา 18 ปีแล้ว นางบอกให้อีกฝ่ายรออย่างนั้นหรือ?
เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเซวียนเส้าฉีที่มีต่อแม่ของนาง เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างใจเย็นว่า “นายน้อย การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล่น ข้าไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน ข้าไม่สามารถแต่งงานกับท่านได้”
เมื่อสักครู่ผู้ชายคนนี้ยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆถึงได้พาลเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงของเขามันรวดเร็วกว่าเสด็จอาเก้าเสียอีก
“คำพูดของแม่สื่อ คำสั่งของพ่อแม่ เฟิ่งชิงเฉินข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า การหมั้หมายของพวกเราได้ถูกพูดออกมาจากปากของป้าโม่ เจ้าจะต้องเป็นภรรยาของข้า ถ้าหากเจ้ายังรู้สึกไม่คุ้นเคย เรื่องนั้นยังไม่เป็นไร ข้าสามารถอยู่ที่จวนเฟิ่งต่อไปได้ รอจนกระทั่งเจ้ารู้สึกคุ้นเคย พวกเราค่อยมาแต่งงานกัน” เซวียนเส้าฉีอยากจะพูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉินด้วยความเป็นมิตรไมตรี แต่ว่า……
เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธการแต่งงานกับเขา แต่ถึงกระนั้นเขายังจะมาเกรงใจเพื่ออะไร เขาเซวียนเส้าฉีเองก็เริ่มเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ดื้อรั้นว่าเฟิ่งชิงเฉินจะต้องแต่งงาน
เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ใช่คนไร้อารมณ์ เดิมทีเห็นแก่หน้าแม่ของนาง คิดจะพูดคุยกันอย่างสมานฉันท์กับเฟิ่งชิงเฉิน แต่อีกฝ่ายกลับดื้อรั้น นางเองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
“นายน้อย คำพูดนี้ของท่านมันใหญ่เกินไปหรือเปล่า ข้าจะต้องเป็นภรรยาของท่านเท่านั้น ท่านคิดว่าแค่เพียงเพราะหยกสองชิ้นนี้ มันก็สามารถทำให้ข้ายอมแต่งงานกับท่านได้แล้วอย่างนั้นหรือ? ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่คิดจะแต่งงานกับท่าน และไม่เชื่อว่ามันสัญญาการหมั้นหมายอยู่จริง แม่ข้าไม่ได้บอกอะไรข้าเลย และข้าก็ไม่เคยได้ยินชื่อของท่านมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านเป็นใคร ข้าไม่มีทางแต่งงานกับท่านเป็นอันขาด”
ก่อนหน้านี้นางคิดมาโดยตลอดว่าคงไม่มีใครเข้ามาในชีวิต คิดไม่ถึงเลยว่า……
เป็นเรื่องตลกจริงๆที่กลุ่มคนที่ต้องการจะแต่งงานกับนางปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่นางล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงาน
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าไม่จำเป็นต้องโกหกเจ้า” เซวียนเส้าฉีถูกเฟิ่งชิงเฉินพูดแบบนี้ เขาเองก็สงบลงไม่น้อย
อันที่จริงเขาก็ทำอะไรรวดเร็วเกินไป นำหยกชิ้นหนึ่งมาหน้าประตู จากนั้นบอกว่าตนเองคือคู่หมั้นของเฟิ่งชิงเฉิน คงโทษไม่ได้ที่นางจะรับไม่ไหว
เขาใจร้อนเกินไป!
แต่เขารอมาถึง 18 ปี จะไม่ให้เขาใจร้อนได้อย่างไร
“นายน้อย ท่านหลอกข้าหรือไม่ เรื่องนั้นข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงแค่ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในตอนก่อนที่ข้าจะเกิด ข้าถูกมอบหมายให้เป็นคู่หมั้นของท่าน” เฟิ่งชิงเฉินสงสัย ตอนนั้นแม่ของนางน่าจะทำเพื่อกล่อมเด็กให้หลับ สุดท้ายเด็กคนนั้นกลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง มองจากสภาพของเซวียนเส้าฉี เขาเองก็น่าจะอายุยี่สิบกว่าปี
ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย รีบพูดออกไปว่า “นายน้อย ท่านไปสัญญากับแม่ข้าเรื่องการแต่งงานตอนอายุกี่ปี?”
“สามขวบ!” เซวียนเส้าฉีขมวดคิ้ว เขาเข้าใจความหมายของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขายอมรับเหตุผลนี้ไม่ได้ “ไม่ว่าข้าจะตกลงเรื่องงานแต่งงานกับป้าโม่ตอนอายุเท่าไหร่ เรื่องการแต่งงานของเจ้ากับข้า หลายปีที่ผ่านมาข้ารอมันมาโดยตลอด รอป้าโม่พาเจ้ากลับมาเพื่อแต่งงานกับข้า”
สามขวบ!
เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังเซวียนเส้าฉีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ
พี่ชาย ท่านโตเร็วเกินไปหรือเปล่า แค่สามขวบก็ตกลงเรื่องที่จะเอาตนเองไปเป็นภรรยา แถมยังรอมาได้ถึง 18 ปี เจ้าคิดว่าตนเองเป็นเจ้าชายในเทพนิยายหรือไง?
เฟิ่งชิงเฉินยิ่งมั่นใจมากขึ้น ตอนนั้นแม่ของนางคงกล่อมเด็กจริงๆ
หู้ว……เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา เรื่องนี้น่าจะจัดการได้ไม่ยาก
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เซวียนเส้าฉีถูกเฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าตนเองกำลังไม่สบายใจ เขาแอบรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดกำลังเปลี่ยนไป
“ไม่ได้หมายความว่าอะไร แค่อยากจะบอกกับนายน้อยว่า ตอนนี้พวกเราไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว ตอนยังเป็นเด็ก สามารถพูดอะไรออกมาก็ได้ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเราโตกันหมดแล้ว จะต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง” ความหมายในคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน คือนางต้องการบอกว่า เด็กจะพูดอะไรออกมาก็ได้
งั้นเรื่องของการหมั้น นางไม่ยอมรับ
“เฟิ่ง……” เซวียนเส้าฉีกำลังจะพูดเพื่ออธิบายออกมา แต่เฟิ่งชิงเฉินก็พูดขัดไปทันทีว่า “นายน้อย ท่านคงเหนื่อยมากหลังจากที่เดินทางมาไกล ข้าจะให้คนพาท่านไปพักผ่อนสักครู่ มีเรื่องอะไรไว้ค่อยกลับมาคุยกัน”
นายน้อยแห่งเซวียนเฟย มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเซวียนเฟยที่เป็นลูกคนละแม่ ดูเหมือนว่านางจะเห็นประโยชน์จากจุดนี้……