หยุนเซียวเข้าใจความหมายของเฟิ่งชิงเฉินดี แน่นอนว่าหวังจิ่นหลิงก็เข้าใจเช่นกัน ทันทีที่หยุนเซียวจากไป หวังจิ่นหลิงจึงกล่าวอย่างกังวลว่า “ชิงเฉิน เจ้าแน่ใจเรื่องการรักษาหยุนเซียวหรือไม่?”
เขาไม่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินสร้างปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่านางต้องการรักษาชุยห้าวถิง เขาก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมแล้ว
อาการเจ็บป่วยของชุยห้าวถิงค่อนข้างหนัก หากหายขาดก็โชคดีไป แต่หากไม่หาย เฟิ่งชิงเฉินก็จะลำบากมาก ตระกูลชุยคงต้องเอาโทษเฟิ่งชิงเฉินจนตายอย่างแน่นอน คงจะโทษว่าทักษะทางการรักษาย่ำแย่ จนทำให้ชุยห้าวถิงถึงแก่ชีวิต
“โรคของเขาแท้จริงแล้วเป็นด้านที่ข้าถนัด เจ้าวางใจได้ หากข้าไม่แน่ใจละก็ ข้าคงไม่รักษาเขา ข้าไม่ได้ลืมว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้ป่วย แต่ยังเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลด้วย” เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าหวังจิ่นหลิงเป็นห่วงนาง ดังนั้นนางจึงพยายามให้คำตอบที่เป็นด้านดีออกมา
เพียงแค่นางทำการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับร่างกายของหยุนเซียว นางจะได้เข้าใจว่าเนื้องอกในสมองของหยุนเซียวคืออะไร นางจึงแน่ใจได้ว่านางจะรักษาเขาหายขาดหรือไม่
ถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์หากจะพูดอะไรออกมาจนกว่าอาการของอีกฝ่ายจะได้รับการยืนยัน
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเช่นนั้น แสดงว่านางพอมีวิธีอยู่ในใจ
แม้จะเป็นกังวล แต่เขาก็ไม่ชอบที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินมากนัก เขาไม่เคยบังคับให้เฟิ่งชิงเฉินทำตามความต้องการของเขา
“ชิงเฉิน เจ้าจะทำอย่างไรกับเรื่องของเซวียนเส้าฉี?” เฟิ่งชิงเฉินให้หยุนเซียวออกไปเช่นนั้น สันนิษฐานว่าจะคุยเรื่องนี้กับเขาเพียงลำพัง
ต้องรู้ว่าเซวียนเส้าฉีเป็นนายท่านน้อยของเผ่าเซวียนเซียว เรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกับเผ่าเซวียนเซียว เป็นไปไม่ได้ที่นายท่านน้อยผู้นี้จะไม่รู้ แต่เขายังคงยืนกรานว่าเฟิ่งชิงเฉินคือคู่หมั้นของเขา ด้วยประการฉะนี้ พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดมาก
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสดี
“ไม่ทำอย่างไร ข้าจะไม่แต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน” หากเซวียนเส้าฉีกดดันนาง นางก็จะบอกเซวียนเส้าฉีโดยตรงว่านางไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ มีข่าวลือว่านางเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานนั่นคือเรื่องจริง เขาจะยังแต่งงานกับนางอีกหรือ?
นางรู้ว่าประโยคนี้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่คำพูดเช่นนี้…… แม้นางจะเป็นคนทันสมัย แต่นางก็ไม่ต้องการที่จะพูดมันออกมา เว้นแต่นางต้องทำ นางไม่ยินดีที่จะเปิดเผยความบริสุทธิ์ของนางต่อสาธารณชน มันคงแย่ยิ่งนัก
“แล้วเจ้าจะเก็บเขาไว้อีกหรือ?” หวังจิ่นหลิงมั่นใจว่าเฟิ่งชิงเฉินมีแผนลึกซึ้ง ในการเก็บคนผู้นี้เอาไว้
“ต่อให้ข้าไม่รั้งเขาไว้ เขาก็ไม่ไปอยู่ดี ด้วยหยกเพียงชิ้นเดียวและคำพูดอันไร้หลักฐานนั่น เขาก็รอข้าได้ถึง 18 ปีโดยที่ไม่รู้ว่าข้ามีตัวตนจริงหรือไม่ คนประเภทนี้คงไล่ไปไม่ได้ง่ายๆ” เฟิ่งชิงเฉินพบว่าเซวียนเส้าฉีดื้อรั้นเหมือนนาง ในตอนนั้นนางเองก็ใช้ความดื้อรั้นนี้ พยายามอย่างยิ่งและไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งได้เสด็จอาเก้ามาครองหรอกหรือ
น่าเสียดาย……เซวียนเส้าฉีปรากฏตัวช้าเกินไป มิฉะนั้น ด้วยความพากเพียรและความจริงจังของเซวียนเส้าฉี แม้นางจะไม่ชื่นชอบนัก แต่นางก็คงตกลงที่จะแต่งงานกับเซวียนเส้าฉีเพราะไม่พบคนที่นางชื่นชอบ
นางไม่รู้ว่าความรักนั้นจะมีความรักอยู่หรือไม่ แต่นางรู้ว่าเซวียนเส้าฉีเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ การแต่งงานกับผู้ชายเช่นนี้สามารถนำมาซึ่งความสงบและความสุขมาได้อย่างแน่นอน
น่าเสียดายเหลือเกินที่เซวียนเส้าฉีมาช้า นางมีคนรักในใจแล้ว
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร” หากจะให้เขาออกหน้าให้ล่ะก็ เขาก็ยินดีมาก
“ข้าแต่งงานกับเขาไม่ได้ ต่อให้มีสัญญาแต่งงานก็ตาม อีกอย่าง ข้าควรต้องแสดงความกตัญญูกตัญญูต่อท่านพ่อท่านแม่ กระดูกของท่านทั้งสองเพิ่งหาพบ หลังหิมะหยุดตก ข้าจะหาวันมงคลฝังกระดูกเสียก่อน จากนั้นตั้งใจจะไว้ทุกข์ให้พวกท่านสักหกปี” หากญาติสนิทเสียชีวิตจะต้องไว้ทุกข์สามปี ทว่าบิดามารดาต้องไว้ทุกข์หกปี
หกปีต่อมานางก็จะกลายเป็นสาวแก่ คาดว่าคงไม่มีใครต้องการ
หวังจิ่นหลิงกลอกตามองอย่างสง่างาม ที่จริงเขาไม่อยากทำสิ่งที่ทำลายภาพลักษณ์ของเขา แต่เฟิ่งชิงเฉินมักไม่เข้าใจในสิ่งที่ควรเข้าใจ และเข้าใจในสิ่งที่ไม่ควรเข้าใจไปเสียทุกเรื่อง
ไว้ทุกข์?
“ชิงเฉิน พ่อแม่ของเจ้าเสียชีวิตไปกว่าสิบปีแล้ว ตามระยะเวลา เจ้าไว้ทุกข์เสร็จสิ้นตั้งนานแล้ว เหตุผลนี้ไร้ประโยชน์นัก ลืมมันไปเสียเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเซวียนเส้าฉี ข้าจะคุยกับเขาเองในภายหลัง ครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้า เขาก็ไม่ได้รู้สึกอย่างไรกับเจ้านัก ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะละทิ้งความตั้งใจเดิม”
เฟิ่งชิงเฉิน พยักหน้า “จิ่นหลิง ข้าให้เจ้ามาที่นี่เพราะข้าอยากให้เจ้าคุยกับเขาดู จากที่เขาพูด ข้าได้ยินมาว่าเขาเหมือนจะเกลียดเซวียนเฟยมาก นอกจากนี้เขาและยังเป็นพี่น้องต่างมารดา ข้าคิดว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ บางทีเผ่าเซวียนเซียวอาจไม่ลึกลับอย่างที่เราคิด”
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือพวกเขาไม่รู้จักเผ่าเซวียนเซียวดีพอ หรือแม้แต่แผนผังของเผ่าเซวียนเซียวก็ไม่รู้ หากพวกเขาสามารถโน้มน้าวเซวียนเส้าฉีได้ ก็คงเป็นความคิดที่ดี
อย่าโทษเฟิ่งชิงเฉินที่มีความคิดอัจฉริยะเช่นนั้น แท้จริงแล้วมันง่ายมาก…
เซวียนเส้าฉีเป็นนายท่านน้อย ไม่ใช่หัวหน้าเผ่า เขายังมีพี่ชายต่างมารดาอีกคนหนึ่ง บิดาของเขายังอายุน้อย เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเป็นหัวหน้าเผ่า
ไม่ต้องพูดถึงการเป็นหัวหน้าเผ่า การที่พี่ชายต่างมารดาของเขาใหโอกาสเขามีชีวิตอยู่ก็ยากยิ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจคือการเหยียบย่ำพี่น้อง แล้วปีนขึ้นไปข้างบน
ราชวงศ์ก็เป็นเช่นนี้ ตระกูลผู้มีเกียรติก็เช่นกัน เนื่องจากมีเพียงตำแหน่งเดียว บางครั้งถึงไม่ต้องการแย่งชิงก็ไม่มีใครเชื่อ การจัดการอุปสรรคทั้งหมดเพื่อขึ้นครองตำแหน่งนั้นก็มีให้เห็นไปทั่ว
“ข้าขอคิดก่อน” หวังจิ่นหลิงไม่เห็นด้วยเท่าไร เขาพยายามจัดการกับความคิด
เมื่อวานนี้เขาได้รับข่าวจากเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าบอกว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมให้หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยมาช่วย แล้วก็ลากเย่เฉิงเข้ามา เงื่อนไขเดียวคือต้องทำให้สามคนนี้ประสบความสูญเสียอย่างหนัก ให้พวกเขายากที่จะกลับไปเป็นเช่นเดิมได้
เขายอมรับว่าการกระทำของเสด็จอาเก้าเป็นสิ่งที่ดี วิธียืมมีดเพื่อฆ่าคนอื่นล้วนทำเช่นนี้ เขากำลังปรับแผนของเขาเพื่อโจมตีเผ่าเซวียนเซียว การปรากฏตัวของเซวียนเส้าฉีเป็นโอกาสที่ดี หากเป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าใช้ประโยชน์จากตรงนี้ เช่นนั้นซีหลิงเทียนเหล่ย หนานหลิงจิ่นฝานและเย่เฉิง ต่อให้ตายก็ต้องถลกหนังให้ได้
ต้องการเอาเปรียบเขาและเสด็จอาเก้าหรือ ฝันไปเถิด!
กล้าคิดจัดการเฟิ่งชิงเฉินหรือ แม้แต่บิดามารดาของเฟิ่งชิงเฉินก็ยังหยิบยกมาพูด หากเขาไม่ฆ่าพวกเขา อย่าได้เรียกข้าว่าหวังจิ่นหลิง!
หลังจากนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน หวังจิ่นหลิงก็คิดจะไปหาเซวียนเส้าฉี ในขณะเดียวกันก็กล่าวกับเฟิ่งชิงเฉินว่า “ชิงเฉิน เจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ไป”
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าเห็นด้วย นางไม่สามารถควบคุมเรื่องเช่นนี้ได้
พูดคุยกับคนฉลาดนั้นเป็นเรื่องง่ายยิ่งนัก หลังจากที่หวังจิ่นหลิงไปพบเซวียนเส้าฉีและแนะนำตนเองแล้ว เขาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องคู่หมั้นคู่หมายเลย กลับเข้าสู่ประเด็นสำคัญที่เดินทางมาโดยตรง
“อยากให้ข้าร่วมมือกับเจ้าเพื่อโจมตีเผ่าเซวียนเซียว? บนใบหน้าข้าเขียนคำโง่เง่าไว้หรือ?” เซวียนเส้าฉีไม่คิดว่าหวังจิ่นหลิงจะกล่าวเรื่องนั้นขึ้นทันทีที่เขามา ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ทั่วไปของคุณชายคนอื่นๆ
บุตรแห่งตระกูลขุนนางคืออะไร บุตรแห่งตระกูลขุนนางก็คือหมาป่าใต้ผิวหนังอันยุติธรรมและเป็นสุภาพบุรุษ พวกเขาซ่อนความร้ายกาจและความโหดเหี้ยมไว้ใต้หน้ากากอันสง่างามนั่น พวกเขาจะไม่ระบุจุดประสงค์ของตนออกมาโดยตรง แต่ใช้วิธีความคลุมเครือ แสร้งทำเป็นใจกว้าง หลอกล่อจนเจ้าตกหลุมพราง……
“เด็กอายุ 3 ขวบคนหนึ่ง สามารถอยู่ได้โดยไม่มีบิดามารดาคอยปกป้อง เรียนรู้ศิลปะการป้องกันตนเอง ไม่มีใครกล้าเรียกเจ้าว่าโง่หรอก ดังนั้นข้ามั่นใจว่าเจ้าจะร่วมมือกับข้า” เป็นเพราะรู้ว่าเซวียนเส้าฉีไม่ได้โง่ หวังจิ่นหลิงจึงไม่พูดจาอ้อมค้อม
เวลาคุยกับคนฉลาดต้องพูดความจริง เพื่อแสดงความจริงใจของตนออกมา
จะว่าไปแล้ว หวังจิ่นหลิงรู้สึกว่าการเตรียมการของพวกเขาแย่มาก หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเซวียนเส้าฉี พวกเขาคงไม่รู้ว่าเซวียนเส้าฉีอยู่ในเผ่าเซวียนเซียว
“รู้ว่าข้าไม่ได้โง่ เจ้ายังมาร่วมมือกับข้า เจ้าคิดว่าข้าจะร่วมมือกับเจ้าจริงหรือ? ต่อให้ข้าตกลงร่วมมือกับเจ้า เจ้ากล้าร่วมมือกับข้าหรือ เจ้าไม่กลัวข้าหันหลังหนีแล้วขายเจ้าหรือ?” เซวียนเส้าฉียอมรับว่าเขาไม่ชอบเซวียนเฟย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทรยศต่อเผ่าเซวียนเซียว
เขาเป็นนายท่านน้อยของเผ่าเซวียนเซียว เขามีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง!