ไฟไหม้ในวันที่หิมะตก หากบอกว่ามิใช่เพราะมนุษย์สร้างขึ้นคงไม่มีใครเชื่อ ส่วนใครเป็นคนทำนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องจัดการ พวกเขาเพียงแค่ต้องติดตามเสด็จอาเก้าและปกป้องความปลอดภัยของเสด็จอาเก้าเป็นพอ
มองจากภายนอกอาจเห็นว่าผู้พิทักษ์ที่จักรพรรดิส่งมาเพื่อปกป้องเสด็จอาเก้า แต่ในความเป็นจริงพวกเขากำลังจับตามองเสด็จอาเก้า เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าวิ่งเข้าไปในกองไฟ ทหารเหล่านั้นก็รีบก้าวตามเสด็จอาเก้าไปอย่างใกล้ชิดและปกป้อง เสด็จอาเก้าอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้เสด็จอาเก้าได้รับบาดเจ็บจากกองไฟ ขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้เสด็จอาเก้าหลบหนีไปท่ามกลางกองไฟ
หากเสด็จอาเก้าได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยจากกองไฟนี้ พวกเขาอาจไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ทหารเหล่านั้นตัวสั่นและปกป้องเสด็จอาเก้า เปลวเพลิงก็พุ่งเข้ามาถาโถม ผู้คุ้มกันไม่สนใจต่อความเจ็บปวดและยืนอยู่ตรงหน้าเสด็จอาเก้า
ดูเหมือนเสด็จอาเก้าจะไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เลย เขาเดินไปช้าๆ ท่ามกลางกองไฟ แต่งกายด้วยผ้าทออยู่ในท่าทางสงบสง่างาม ไม่มีทีท่าวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเลย ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของผู้คุ้มกันหรืออะไรกันแน่ ณ ที่แห่งนี้ เปลวเพลิงดับไปโดยธรรมชาติเมื่อเสด็จอาเก้าเดินไป ผู้คนภายนอกมองมาที่เสด็จอาเก้าซึ่งเดินออกจากทะเลเพลิงทีละก้าวโดยไม่ได้สติกลับคืนมาเป็นเวลานาน
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาจากไป เงาสีดำจำนวนหนึ่งได้กระโดดเข้าไปในคุก ปิดผนึกช่องทางที่เชื่อมต่อไปภายนอก จากนั้นทำการเช็ดร่องรอยไฟไหม้ทั้งหมด แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าออกไปจากเรือนจำหลวงได้อย่างไร……
มีไฟไหม้ในเรือนจำหลวง? และเสด็จอาเก้าเกือบสิ้นใจในกองไฟ เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้จักรพรรดิก็ไม่สามารถปกปิดได้แม้ว่าเขาจะต้องการปกปิดก็ตาม นอกจากนี้เสด็จอาเก้าคงไม่ให้จักรพรรดิปกปิดมัน เพราะมิฉะนั้นเขาอาจจะเสียแรงเปล่า ควันที่เกิดจากไฟไหม้ก็น่าอึดอัดยิ่งนัก
วันรุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนร่วมกันลงนาม กล่าวหาว่าเรือนจำหลวงละเลยต่อหน้าที่
เห็นได้ชัดว่าการลอบวางเพลิงนี้มุ่งเป้าไปที่เสด็จอาเก้า โชคดีที่เสด็จอาเก้าสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติได้ ขุนนางผู้ใหญ่เขียนจดหมายถึงจักรพรรดิเพื่อขอให้จักรพรรดิตรวจสอบคดีอย่างละเอียด ต้องรู้ให้ได้ว่าใครต้องการฆ่าเสด็จอาเก้า
พระพักตร์ของจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือดและทรงบัญชาคำสั่งทันที ให้กรมอาญาหาตัวผู้ลอบวางเพลิงให้พบภายในครึ่งเดือน และนำเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากจวน เปลี่ยนเป็นคนในของตนเอง
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่ร่วมลงนามในจดหมายนี้ได้กล่าวว่าการลอบวางเพลิงมุ่งเป้าไปที่เสด็จอาเก้า ตราบใดที่ยังไม่พบผู้ลอบวางเพลิง ความปลอดภัยของเสด็จอาเก้าจึงน่าเป็นห่วงนัก ดังนั้นเรือนจำจึงไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
ขอร้องจักรพรรดิทรงเห็นแก่พระพักตร์ของจักรพรรดิพระองค์ก่อนและเสด็จอาเก้าซึ่งเป็นน้องชายคนเดียวที่เหลืออยู่ขององค์จักรพรรดิ ขอให้จักรพรรดิปล่อยเสด็จอาเก้ากลับไปยังจวนอ๋อง ชีวิตของเสด็จอาเก้าไม่ควรตกอยู่ในอันตราย เป็นการดีที่สุดหากจะปล่อยคนของจวนอ๋องเก้าให้พวกเขาปกป้องเสด็จอาเก้า
ในเวลานี้จักรพรรดิไม่สามารถรักษาท่าทางอันดีงามของเขาได้อีกต่อไป แม้คนเหล่านี้จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็เปิดเผยความหมายคลุมเครือ นั่นคือไฟไหม้ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในเรือนจำหลวงเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิ และเขาดูเหมือนต้องการกำจัดน้องชายคนเดียวที่หลงเหลืออยู่
จักรพรรดิโกรธมากจนเกือบปาหนังสือออกไปต่อหน้าเหล่าขุนนาง เขาถูกใส่ร้ายอย่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ถึงแม้ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากเรื่องนี้ แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรเลย
เขาต้องโง่แค่ไหนกันจึงจะจึงใช้แผนการฆ่าที่ชัดแจ้งเช่นนี้ แต่ไอ้เจ้าพวกนี้ไม่ได้กล่าวโทษเขาทางวาจา ทว่าปฏิบัติด้วยท่าทีเช่นนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร
จักรพรรดิโกรธมาก เขาเดินทางไปที่จวนของเสด็จอาเก้าทันทีที่การประชุมรุ่งเช้าสิ้นสุดลง
ใช่แล้ว เมื่อวานมีไฟไหม้ใหญ่ หลังออกมาจากเรือนจำหลวงเสด็จอาเก้าก็ตรงเข้าไปในวังและสนทนากับจักรพรรดิด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพี่ ข้าเกรงว่าในตงหลิงนี้ คงมีเพียงพระราชวังเท่านั้นที่ข้าจะสามารถนอนหลับได้สนิท”
ประโยคเดียว ทำให้จักรพรรดิโกรธมาก เขามองดูใบหน้าเฉยเมยของเสด็จอาเก้า องค์จักรพรรดิทำสีหน้าเย็นชา และสั่งให้ขันทีทำความสะอาดวังที่เสด็จอาเก้าเคยอยู่ จากนั้นให้เสด็จอาเก้าหเข้ามาอาศัย
การปล่อยให้เสด็จอาเก้าอยู่ในวัง ดีกว่าปล่อยให้เสด็จอาเก้ากลับไปที่จวนอ๋องเก้า
“น้องชายคนที่เก้าของข้าเป็นอัจฉริยะหรือ?” หลังจากที่เสด็จอาเก้าจากไปแล้ว จักรพรรดิก็ถามขันทีที่อยู่ข้างๆ
เหตุการณ์ไฟไหม้นี้เกิดขึ้นได้จังหวะเหลือเกิน ถึงแม้ว่าคืนนี้จะไม่มีไฟไหม้ดั่งเมื่อวาน แต่อีกไม่กี่วันก็จะเกิดไฟไหม้ในเรือนจำหลวงแน่นอน น่าเสียดายที่เสด็จอาเก้าลงมือเสียก่อน โอกาสดีๆ เช่นนี้ถูกเขาแย่งไปเสียได้
“ฝ่าบาททรงเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ไม่ว่าเสด็จอาเก้าจะฉลาดแค่ไหนก็ยังอยู่ในมือฝ่าบาทมิใช่หรือ…… เสด็จอาเก้าเข้าวังอย่างว่าง่าย ไม่ว่าเสด็จอาเก้าจะเก่งอาจแค่ใดในวัง เขาก็ทำอะไรไม่ได้” ขันทีก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยยกยอปอปั้น
ในฐานะที่คนสนิทของจักรพรรดิ ขันทีย่อมรู้ดีว่าจักรพรรดิต้องการใช้ไฟมาจบเรื่องของเสด็จอาเก้า และทำลายกำลังของเขาเสีย ให้คนพากันคิดว่าเสด็จอาเก้าเป็นคนวางเพลิง จุดประสงค์เพื่อใส่ร้ายฝ่าบาท แต่ทว่า……
สองพี่น้องคิดเช่นเดียวกันในเรื่องนี้ แต่เสด็จอาเก้าลงมือก่อน เพลิงไหม้ครั้งนี้ได้เอาองค์จักรพรรดิเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะบรรลุจุดประสงค์กวาดล้างคนในเรือนจำหลวง แต่ในระยะเวลาอันใกล้นี้จะให้เสด็จอาเก้าเกิดเรื่องขึ้นไม่ได้
ไฟไหม้อันลึกลับในเรือนจำหลวงทำให้เสด็จอาเก้าออกจากคุกและเข้าไปในวังได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ จักรพรรดิยังต้องปกป้องความปลอดภัยของเสด็จอาเก้า ก่อนที่คดีของเสด็จอาเก้าจะสงบลง เสด็จอาเก้าก็ไม่สามารถเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นในตอนเช้า นางได้ยินคำอธิบายที่ชัดเจนของทงจือเกี่ยวกับไฟไหม้ในเรือนจำหลวง และหากนางไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสด็จอาเก้าเลย ใครจะไปเชื่อ
“ไฟไหม้ครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นพอดีเหลือเกิน” เฟิ่งชิงเฉินเช็ดใบหน้าของนางด้วยผ้าคลุมหน้าแล้วยิ้ม
“คุณหนูเจ้าคะ หมายความว่าอย่างไร?” ทงจือยืนตะลึงปากอ้ากว้าง นางหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือของเฟิ่งชิงเฉิน มองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความประหลาดใจแล้วถามด้วยแววตาว่า คุณหนู เป็นดังที่ข้าคิดหรือไม่?
เสด็จอาเก้าวางเพลิงเองหรือ?
“เก็บคำพูดของเจ้าลงไปเดี๋ยวนี้ ตระกูลสูงส่งที่อยู่เบื้องบนเช่นนั้น เจ้ากล้าคาดเดาไปเองได้อย่างไร” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวคำเตือนแก่ทงจือ
ทงจือกลับมาได้สติอีกครั้ง นางแลบลิ้นออกมาและยิ้มเป็นความหมายว่าข้ามิกล้า
เฟิ่งชิงเฉินจึงหันกลับมามองและเตือนทงจือว่า “ยิ่งเจ้ารู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัยสำหรับเจ้า มีบางสิ่งที่เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ และข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้หากเกิดเรื่องบางอย่างผิดปกติไป”
“ทงจือเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ คราวหน้าจะมิทำอีก” ทงจือพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินออกไป นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและเปิดม่านให้
เมื่อเห็นว่าทงจือดูหยันขันแข็ง เฟิ่งชิงเฉินจึงรับไว้ด้วยรอยยิ้ม นางสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายหนาเดินออกไปข้างนอก ขณะเดียวกันก็นึกถึงไฟที่ไหม้ในเรือนจำหลวง
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางรู้ เสด็จอาเก้าปรากฏตัวที่บ้านของนางเมื่อคืนนี้ ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป เรือนจำหลวงก็ถูกไฟไหม้ จะบอกว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ทำอะไรเลย นางคงจะไม่เชื่อ
เสด็จอาเก้าออกมาเคลื่อนไหวในเวลานี้ ประการแรก ความลับของเรือนจำหลวงคงไม่สามารถรักษาไว้ได้ เขาทำลายมัน อย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็ได้จัดการองค์จักรพรรดิด้วยการเปลี่ยนคนเป็นคนของตนจนสิ้น โดยอ้างเหตุผลจากเหตุการณ์นี้ เพื่อที่เขาจะได้ส่งคนเข้าไปได้ง่ายขึ้น
ประการที่สองคือแผนสร้างเทพได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้จะไม่มีอิสระในวังก็ไม่เป็นไร เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว องค์จักรพรรดิคงจะไม่สามารถรั้งเขาไว้ในวังตลอดไปได้
กองเพลิงขนาดใหญ่ เสด็จอาเก้าได้เปรียบยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินแอบชื่นชมการกระทำอันยอดเยี่ยมนี้อย่างเงียบๆ
นางตั้งหน้าตั้งตารอโรงพยาบาลเพื่อประชาชนและโจ๊กฟรีในวันนี้ เสด็จอาเก้าจะใช้โอกาสนี้สร้างอำนาจอย่างไร?