นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 699 ประกาศ อย่าได้ละเมิดศักดิ์ศรีข้า

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เสด็จอาเก้าเดินทางมาที่จวนเฟิ่ง ต้องจัดขบวนขนาดใหญ่เช่นนี้ เห็นชัดเจนว่าเขาต้องการให้คนจากจวนเฟิ่งทุกคนออกมาต้อนรับเขา และคนที่เสด็จอาเก้าต้องการเห็นมากที่สุดคือเซวียนเส้าฉี

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใจคับแคบมาก ถึงขนาดรู้สึกหึงเมื่อเห็นคู่แข่งทางใจ แต่เขาซึ่งเป็นคนรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้ แน่นอนว่าจะต้องมีการแข่งขันเมื่อพบหน้าคู่หมั้นที่แท้จริง

คนอย่างเซวียนเส้าฉีที่มีเอกลักษณ์ ความสามารถ ความรู้และชื่อเสียง ต้องจัดการเจ้าตัวปัญหานี่ไปก่อน หากไม่สามารถระงับความเย่อหยิ่งของอีกฝ่ายในการพบกันครั้งแรกได้ อาจจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน และเสด็จอาเก้าเกลียดปัญหาเหล่านี้ ดังนั้น……

เซวียนเส้าฉี นายท่านน้อยแห่งเซวียนเซียวกง ข้าจะจัดการเจ้าให้ได้ภายในครั้งเดียว และทำให้เจ้าเข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะคว้าไปได้ แม้มีสัญญาการแต่งงานแต่ก็เป็นเพียงเหมือนการเล่นของเด็ก

“ถวายบังคมท่านอ๋อง ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี”

เป็นไปตามที่เสด็จอาเก้าต้องการ ทุกคนในจวนเฟิ่งรวมทั้งเซวียนเส้าฉีได้ออกมาทักทายเสด็จอาเก้า แน่นอนว่ายกเว้นตระกูลชุย

ชุยห้าวถิงยังนอนอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นมาได้ ส่วนคุณชายหยวนเซีหากไม่จำเป็นจริงๆล่ะก็ เขาจะไม่มาร่วมในสถานการณ์โอกาสเช่นนี้ เนื่องจากสถานการณ์เช่นนี้นั้นต่อให้เป็นเขาก็จำเป็นต้องคุกเข่าลง ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงความเคารพต่ออำนาจของจักรพรรดิ

ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ แต่การคุกเข่าลงนับเป็นการให้ความเคารพต่ออำนาจขององค์จักรพรรดิ จะละเลยไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงลำบากอย่างแน่นอน

เซวียนเส้าฉีนั่งคุกเข่าลงข้างกายของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองไม่เพียงแต่มีลักษณะท่าทางที่แตกต่างไปจากคนอื่น แต่ด้วยตำแหน่งที่ค่อนข้างจะโดดเด่นและชัดเจน ดังนั้นเสด็จอาเก้าจึงได้มองเห็นพวกเขาแต่ไกลๆ

ทั้งสองไม่แยกห่างกันเลย!

ดูเหมือนสิ่งที่สายสืบจะรายงานมานั้นเป็นเรื่องจริงไม่ผิดเพี้ยน เจ้าเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมอยู่ห่างจากเฟิ่งชิงเฉินแม้แต่น้อย ราวกับเป็นองครักษ์ผู้คุ้มกันซึ่งจงรักภักดี คอยอยู่เคียงข้างกายเฟิ่งชิงเฉิน ดูแลปกป้องเฟิ่งชิงเฉินไม่ให้สิ่งใดมาระราน

คนที่สามารถทำให้ นายท่านน้อยแห่งเซวียนเซียวกงให้ความคุ้มกันเช่นนี้ได้ก็คงจะมีเพียงเฟิ่งชิงเฉินคนเดียวเท่านั้น

เฟิ่งชิงเฉินโชคดียิ่งนัก นางมีคู่หมั้นตั้งแต่วัยเด็กเป็นนายท่านน้อยแห่งเผ่าเซวียนเซียวกงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธศักดิ์ ช่างทำให้……น่ารำคาญยิ่งนัก

หึ! เสด็จอาเก้าก้าวลงมาจากเกี้ยว รองเท้าสีดำของเขาเหยียบลงไปบนพื้นดัง “ตูม!” ทงจือและทงเหยารู้สึกว่าหัวใจของพวกนางสั่นคลอนอย่างรุนแรง และเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

ด้านนอกจวนเฟิ่งมีคนนับร้อยรายล้อมพวกเขาอยู่ แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังนัก แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าเงียบสงบ เพราะว่าฝีเท้าของเสด็จอาเก้ากลับทำให้หัวใจของพวกนางดูเหมือนถูกเหยียบและก้องอยู่ในหู

ไม่เพียงแต่ทงจือและถงเหยาเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนมีความรู้สึกเดียวกัน ทุกย่างก้าวของเสด็จอาเก้าส่งเสียงแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจของพวกเขา

เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในใจของนางดูรู้สึกกระสับกระส่าย

ดูเหมือนเสด็จอาเก้าจะไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก

หรือว่าเขาจะโทษนางและตั้งใจเดินทางมาเอาผิดนางในวันนี้

แต่จะว่าไปก็คงเป็นเช่นนั้น เสด็จอาเก้าออกมาจากพระราชวังได้ถึงสองวันแล้วนางยังไม่เคยเดินทางไปพบเขาสักหนเดียว แต่จะโทษนางก็ไม่ได้ หลายวันมานี้นางยุ่งอยู่กับการออกตรวจ อีกทั้งเสด็จอาเก้าประกาศว่าไม่พบผู้ใด ซึ่งนางก็ไม่อยากเดินทางไปร้องขอเข้าพบ

เฮ้อ…… เสด็จอาเก้ายังไม่ได้สั่งให้พวกเขาลุกขึ้นยืน ดังนั้นทุกคนจึงไม่กล้าลุกขึ้นยืน เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงคุกเข่าต่อไป ถึงอย่างไรอารมณ์อันพลุ่งพล่านของเสด็จอาเก้า กล่าวได้ว่าโกรธง่ายหายเร็ว

หลังจากที่เสด็จอาเก้าลงมาจากเกี้ยวแล้ว เขาก็ยืนตัวตรงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระมะทายท่านอ๋อง ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี” ทุกคนก้มศีรษะเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ซึ่งเฟิ่งชิงเฉินเองก็ทำเช่นนั้นด้วย แต่เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินอยู่ใกล้เสด็จอาเก้าค่อนข้างมาก เมื่อเห็นท่าทีของเฟิ่งชิงเฉินที่ดูไม่คุ้นชินแบบนี้ ดวงตาของเสด็จอาเก้าก็เผยประกายขึ้น

ชิงเฉินของข้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แม้จะดูเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ยอมที่จะให้ตนเองกลายเป็นจุดเด่น ขณะที่นางทำตามทุกคน แต่ก็ไม่ลืมที่จะคงไว้ซึ่งลักษณะเด่นของตนเอง

ส่วนเซวียนเส้าฉีน่ะหรือ

เสด็จอาเก้าหันไปเหลือบมองดูเฟิ่งชิงเฉิน สายตาของทั้งคู่ประสานกันแต่กลับไม่มีความรู้สึกปะทุดุเดือด สายตาของทั้งสองคนดูสงบเหลือเกิน ได้แต่จับจ้องมองไปที่อีกฝ่าย แล้วละสายตาไปอย่างเงียบๆ

วีรบุรุษหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมแห่งยุทธจักร ผู้ที่หล่อและดึงดูดสตรีจำนวนนับไม่ถ้วนจะดูแย่ได้อย่างไร แต่แล้วจะทำไมเล่า?

หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าที่เป็นคู่หมั้นของเฟิ่งชิงเฉินตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เขาก็ไม่อยากจะเหลียวมองแม้แต่หางตา ต่อให้มีชื่อเสียงโด่งดังเพียงไรก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเขา

เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันที่จะกล่าวสิ่งใดออกมา เสด็จอาเก้าก็ได้เข้าไปกุมมือนางเอาไว้แล้วกล่าวว่า “เข้าไปด้านในเถิด”

ต่อหน้าเซวียนเส้าฉีและผู้คนมากมายจากจวนเฟิ่ง เสด็จอาเก้าเข้าไปจับมือของเฟิ่งชิงเฉินอย่างตรงไปตรงมา แล้วก้าวเดินเข้าไปด้านใน

การกระทำนี้เพียงพอที่จะทำให้เซวียนเส้าฉีเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของเขาและเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ต่อให้เอ่ยมากความสักเพียงใดก็แสดงออกไม่ได้ดีเท่ากับการกระทำนี้

เซวียนเส้าฉี เฟิ่งชิงเฉินเป็นสตรีของข้า มือของนางมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถจับต้องได้ และมือของนางคู่นี้จะมอบให้แก่ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น

หา! เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองเบิกกว้างและเดินตามหลังเสด็จอาเก้าไปอย่างงุนงง

เสด็จอาเก้าถูกผีสิงหรืออย่างไร จู่ๆ เขาก็มาแสดงท่าทีอันใกล้ชิดต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ ต้องรู้ว่า……ในสมัยโบราณมีความเข้มงวดเรื่องของมารยาทเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เสด็จอาเก้าจะไร้ซึ่งมารยาทเพียงใดก็ไม่ควรที่จะกระทำการบุ่มบ่ามเพียงนี้

น่าเสียดายที่เสด็จอาเก้าดูเหมือนไม่คิดจะอธิบายเรื่องใดๆ เขาจูงมือเฟิ่งชิงเฉินแล้วเดินตรงเข้าไปด้านใน ส่วนเซวียนเส้าฉีที่อยู่ด้านหลัง นอกจากในครั้งแรกที่เขาเหลือบตามองแล้ว เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้มองไปที่เขาอีกเลย

เพียงแค่มองไปแวบหนึ่ง เสด็จอาเก้าก็เข้าใจได้ทันทีว่า แม้เซวียนเส้าฉีจะมีชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย เซวียนเส้าฉีให้ความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉินมาก มากเสียจนเขาไม่อ่านที่จะบังคับหรือขัดใจเฟิ่งชิงเฉินได้

ในวันนี้เพียงแค่เขาทำสิ่งที่ต้องการทำเสร็จสิ้น จากนั้นก็ประกาศอำนาจของตนออกมาก็เพียงพอแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินเป็นของเขา ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดก็ไม่อาจเข้ามาขวางได้ แม้แต่คู่หมั้นก็ไม่ได้เช่นกัน

เซวียนเส้าฉียืนอยู่ตรงที่เดิมมองทั้งสองเดินตรงเข้าไป ในใจของเขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็ดูรู้สึกโล่งใจ

ความรู้สึกนี้ของเซวียนเส้าฉีทำให้ตัวเขาเองก็ยังตกใจ และรีบเก็บความคิดนั้นลงก่อนวิ่งเข้าไปด้านใน

ตงหลิงจิ่ว เสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิงผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมรามือ และเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา หากเขาเดาไม่ผิดล่ะก็ ชายที่เฟิ่งชิงเฉินชื่นชอบนั้นก็คงจะเป็นตงหลิงจิ่วเสด็จอาเก้าคนนี้อย่างแน่นอน

ชายผู้แข็งแกร่ง เย่อหยิ่ง เยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเขาดูเย็นชาแต่ก็สดใส เขายืนอยู่ข้างกายของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ถูกความเจิดจ้าของเฟิ่งชิงเฉิน ปกคลุมแม้แต่น้อย

การที่เฟิ่งชิงเฉินอยู่ข้างกายเขา นางไม่ได้เป็นตัวประกอบ แต่ก็ดูไม่ได้สดใสเหมือนตามปกติทั่วไป ชายคนนี้ โดดเด่นยอดเยี่ยมเสียจนทำให้คนต้องอิจฉา เซวียนเส้าฉีรู้ได้ทันทีว่านี่คือคู่ต่อสู้ตัวฉกาจ และบัดนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่เห็นเขาแม้แต่ในสายตา

ตอนที่เซวียนเส้าฉีเข้าไปด้านในนั้น เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินนั่งลงยังที่ประธานและรองประธาน เซวียนเส้าฉีเองก็ไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยเรียก เขาเดินตรงเข้าไปหนังที่เฟิ่งชิงเฉิน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้าผู้สูงศักดิ์และสง่างาม เซวียนเส้าฉีกลับนั่งลงไปอย่างเฉยเมยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักเล็กน้อย

ทุกคนล้วนเป็นผู้มีอารยธรรมจะไม่ใช้ความรุนแรง อีกอย่าง หากจะกล่าวกันเรื่องการใช้กำลัง เซวียนเส้าฉีก็ไม่กลัว

หลังจากที่เซวียนเส้าฉีนั่งลงเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศภายในห้องโถงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ไม่ได้ดุเดือดเหมือนกำลังยกมีดดาบฆ่าฟันกัน แต่กลับเป็นความอึดอัดใจที่ไม่อาจบรรยายได้ ……

ไม่ว่าจะเป็นเสด็จอาเก้าหรือเฟิ่งชิงเฉิน ล้วนเป็นผู้ที่สงบนิ่งใจเย็น พวกเขาทั้งสองจะไม่แสดงความเป็นศัตรูกันออกมาอย่างเด็ดขาด พวกเขาทำเพียงเห็นอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้หรือเพิกเฉยไปโดยปริยาย

ฟู่…… เฟิ่งชิงเฉินนั่งอย่างกระสับกระส่ายอยู่ที่นั่น บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่าเสด็จอาเก้าเดินทางมาเพื่อสิ่งใด ในวันนี้คาดว่าเสด็จอาเก้าจะเดินทางมาเพื่อดูเฟิ่งชิงเฉิน แน่นอนว่านี่คงจะเป็นเพียงหนึ่งในเหตุผล เสด็จอาเก้าไม่ได้ว่างเสียจนต้องเดินทางมาดูเซวียนเส้าฉีถึงจวนเฟิ่งเช่นนี้หรอก

เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีถึงลักษณะนิสัยของเสด็จอาเก้า เขาจะไม่ทำสิ่งใดหรอก เขาเพียงแค่เดินทางมาดูเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นทำให้เซวียนเส้าฉีเข้าใจในตัวตนของเขาก็เท่านั้น

เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเรียบง่าย จะไม่มีฉากหึงหวงใดๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตามเหตุผลแล้วเฟิ่งชิงเฉินควรจะมีความสุข แต่ว่า ……

เฟิ่งชิงเฉินมองไปทางเสด็จอาเก้าและหันไปมองทางเซวียนเส้าฉีท่าทางของชายหนุ่มทั้งสองคนนี้ช่างเงียบสงบ ไม่มีความรู้สึกถึงศัตรูแม้แต่น้อย ดูเหมือนจะยังชื่นชมอีกฝ่ายเสียด้วย

เป็นภาพที่ช่างกลมกลืนกันเหลือเกิน บรรยากาศที่เข้ากันได้ดีทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจอย่างทำตัวไม่ถูก

คนหนึ่งคือคู่หมั้นที่ถูกหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนอีกคนนึงเป็นสามีลับๆ ที่เคยหลับนอนมาด้วยกัน เมื่อทั้งสองเดินทางมาอยู่รวมกัน ณ ตรงนี้ นางจึงรู้สึกกดดันมาก บรรยากาศที่นี่รู้สึกอัดอั้นตันใจทำให้นางไม่อาจจะหายใจออกมาได้ นางอยากจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนเหลือเกิน

ชุนฮุ่ยและชิวอั่วหัวใจเต้นโครมครามแทบจะออกมาจากอก นางเข้าไปรินน้ำชาอย่างเงียบๆ แล้วรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าหากอยู่ที่นั่นต่อไปอีกสักวินาทีเดียว ก็อาจได้รับผลกระทบด้วย ภายในห้องโถงอันใหญ่โตนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครคิดจะกล่าวสิ่งใดออกมาก่อน

เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถทนต่อบรรยากาศเช่นนี้ได้อีก ดังนั้นนางจึงได้เอ่ยถามขึ้นก่อนว่า “เสด็จอาเก้าเสด็จมาที่แห่งนี้ ไม่ทราบว่าด้วยเรื่องอันใดกัน”

นางไม่เชื่อหรอกว่าเสด็จอาเก้าไม่มีเหตุผลใดแล้วจะเดินทางมายังจวนเฟิ่งอย่างอลังการณ์เช่นนี้ เพราะต่อให้ไม่มีเหตุผล เสด็จอาเกาก็เดินทางมาที่จวนเฟิ่งได้ง่ายๆ ตลอดเวลา

จวนเฟิ่งสำหรับเสด็จอาเก้าแล้วนั้นไม่ต่างอันใดกับสวนหลังบ้าน หากเขาต้องการเดินทางมาจวนเฟิ่งก็ช่างสะดวกยิ่งนัก ไม่จำเป็นต้องประกาศ ทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้

ต้องรู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่ใช่คนชอบโอ้อวด การที่เขาตั้งขบวนมามากมายเช่นนี้โดยมากมักจะไม่เกิดขึ้น แต่บัดนี้ที่เขากระทำการโอ่อ่า คงไม่ใช่เพราะต้องการใช้โอกาสนี้กดดันเซวียนเส้าฉีเพียงเท่านั้น

เสด็จอาเก้าเป็นอิสระแล้ว เรื่องการบรรเทาภัยพิบัติก็เป็นไปอย่างราบรื่น เสด็จอาเก้าคงไม่มีเหตุผลใดอื่น เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครึ่งวันก็คิดไม่ออกว่าเสด็จอาเก้าเดินทางมาที่นี่เพื่อสิ่งใด

เมื่อเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินเหม่อลอยเช่นนั้น เสด็จอาเก้าก็รู้ดีว่านางกำลังเดาถึงวัตถุประสงค์ที่เขาเดินทางมาในครั้งนี้ ในเมื่อเฟิ่งชิงเฉินชอบเดาก็ให้นางเดาไปเถิด หากเดาออกเขามีรางวัลให้ แต่บอกได้คำเดียวว่านางเดาไม่ได้อย่างแน่นอน ……

เหอะๆ ทั้งความแค้นเก่าและใหม่เขาจะนับรวมกันทีเดียวเลย

เสด็จอาเก้าถือถ้วยน้ำชา มองผ่านไอที่ลอยขึ้น จากนั้นเหลือบไปทางเฟิ่งชิงเฉิน พบว่านางยังคงอยู่ในท่าทางงงงวย เสด็จอาเก้าก็เข้าใจได้ทันทีว่า ต่อให้คิดจนหัวระเบิดเฟิ่งชิงเฉินก็คิดไม่ออก

ตึง!……

แม้จะเป็นถ้วยน้ำชาเช่นเดียวกัน และแม้จะเป็นเสียงเดียวกัน การที่องค์จักรพรรดิกระทำเช่นนี้ต่อหน้าเสด็จอาเก้ากลับไร้ซึ่งผลใดๆ แต่การที่เสด็จอาเก้ากระทำต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้ กลับได้ผลดียิ่งนัก ……

ตุ๊บ……

เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึง ดวงตาของนางกลมโตคู่นั้นเบิกกว้าง มองไปทางเสด็จอาเก้าราวกับจะถามว่า เสด็จอาเก้าเจ้ามาทำอะไรกันแน่ จะเอ่ยจะทำสิ่งใดก็บอกมาตรงๆ ข้าจะให้ความร่วมมือกับเจ้า อย่าได้ทำท่าทางดูสูงส่งเกินคาดเดาแบบนี้ มันช่างน่าตกใจเหลือเกิน ข้าเป็นคนขี้กลัว อย่าทำให้ข้ากลัวสิ ……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท