นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 704 ปกป้อง ต่อให้เป็นหินก็อุ่นได้

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน ทำไมผลลัพธ์ที่ออกมาถึงได้ต่างจากสิ่งที่นางคิดไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เซวียนเส้าฉีทำนี่มันดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

ตามเหตุผลต่อให้เซวียนเส้าฉีเข้าใจในความรักของนาง ไม่โทษที่นางมีความรู้สึกที่ละอายต่อบาป ก็น่าจะรู้สึกเสียใจที่สัญญาหมั้นถูกยกเลิก เนื่องจากในยุคสมัยนี้มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงซึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว

เสด็จอาเก้ากล่าวว่าจะแต่งงานเนื่องจากนางคือเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากเสด็จอาเก้าชื่นชอบในตัวนาง เฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อว่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบวันเซวียนเส้าฉีจะรักใคร่นางได้

งั้นเป็นเพราะอะไร? ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้?

รอนาง? หากนางไม่แต่งงานก็จะรอนางตลอดไป งั้นถ้าชีวิตนี้นางไม่แต่งงาน หรือว่าเซวียนเส้าฉีจะรอนางไปทั้งชีวิต?

แรงกดดันและความรู้สึกที่หนักหน่วงเช่นนี้ นางไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเซวียนเส้าฉีถึงได้ดื้อดึงขนาดนี้ เฟิ่งชิงเฉินพบว่าขาทั้งสองข้างของนางราวกับมีตะกั่วมาถ่วงน้ำหนักไว้ ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย

ความรู้สึกอันหนักหน่วงนี้ นางรับไว้ไม่ได้

ไม่คุ้มค่า มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจอย่างหมดกำลัง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเงียบๆ……

เซวียนเส้าฉีเป็นตัวปัญหามากกว่าที่นางคิดเอาไว้ ขี้เซ้าซี้ นางไม่อยากแบบรับความรู้สึกอันหนักหน่วงเช่นนี้ไว้ นี่ทำให้นางรู้สึกว่านางกำลังติดหนี้เซวียนเส้าฉีอยู่

ทำเช่นไรดี?

เฟิ่งชิงเฉินถามท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าไม่ได้ให้คำตอบนาง

รอเฟิ่งชิงเฉินจัดการกับความรู้สึกจนดีขึ้นแล้วกลับห้องไป สายลับเองก็ได้ตัดสินใจแล้ว นั่นก็คือต้องนำเรื่องนี้ขึ้นรายงาน มันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก!

เฟิ่งชิงเฉินปิดประตู สายลับรีบมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องเก้า นำทุกคำพูดที่เซวียนเส้าฉีกล่าวออกมารายงานเสด็จอาเก้าโดยละเอียด

ตอนแรกสายลับคิดว่าจะต้องถูกไอเย็นจากร่างกายของเสด็จอาเก้าทำร้าย คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเสด็จอาเก้าได้ยินคำรายงาน เขาแค่พยักหน้าเท่านั้น ไม่ได้แสดงอาการโกรธแต่อย่างใด

สายลับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่รอให้เสด็จอาเก้าออกคำสั่ง พวกเขาถอยออกมาและจากไป หลังจากพ้นสายตาของเสด็จอาเก้าแล้ว สายลับยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก

เสื้อที่สวมใส่ในค่ำคืนนี้ไม่ธรรมดา ดูดซับเหงื่อได้ดี มันน่าจะถูกเตรียมไว้ให้กับพวกเขาโดยเฉพาะ ต้องรู้ก่อนว่าสายลับที่ปกป้องเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีเหงื่อออกมากกว่าคนทั่วไป

หลังจากกล่าวชมเสื้อผ้า สายลับสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งและมุ่งหน้าไปยังจวนเฟิ่ง เขาไม่กล้าชักช้า หากถูกนายท่านจับได้ มันอาจเป็นสัญญาณของการละเลยหน้าที่!

เจ้าเด็กน้อย สิ่งที่เจ้าเชื่อนั้นถูกแล้ว โชคดีที่เจ้านั้นวิ่งเร็วมากพอ!

ในคืนนี้ ซุนซือสิงกลับมาจากเวชศาลา ยังไม่ทันได้พักหายใจทงจือก็วิ่งเข้ามาเพื่อเตือนเข้าไปตรวจร่างกายประจำวันให้กับชุยห้าวถิง นี่คือความต้องการของเฟิ่งชิงเฉิน อย่างน้อยในหนึ่งวันซุนซือสิงจะต้องเข้าไปในห้องผู้ป่วยของชุยห้าวถิงหนึ่งครั้ง

เฮ้อ……ซุนซือสิงพยักหน้า เดินไปทางห้องผู้ป่วยอย่างไม่เต็มใจ หลายวันที่ผ่านมานี้เขาเห็นผู้ป่วยมากมายซึ่งไม่สามารถรักษาอาการป่วยได้เพราะความยากจน ซุนซือสิงจึงมีความรู้สึกอยากประณามชุยห้าวถิงอย่างแรงกล้าที่มีห้องรักษาส่วนตัว และมีหมอหญิงเฉพาะทางคอยให้การดูแล

ตามคำกล่าวของเหล่าอาจารย์ นี่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรทางการแพทย์ ดังนั้นแม้ซุนซือสิงจะทำตามหน้าที่ แต่สายตาที่มองชุยห้าวถิงก็ไม่ค่อยดีนัก

สองสามวันแรกชุยห้าวถิงคิดว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าของซุนซือสิง แต่เมื่อผ่านไปสิบกว่าคน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม สุดท้ายชุยห้าวถิงก็ทนไม่ไหว เอ่ยปากถามออกมาว่า “หมอซุน ข้าไปทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า?”

ไม่ว่าจะทำอะไรก็แสดงสีหน้าอันเย็นชา หรือว่าคนเหล่านี้ลืมไปแล้วว่าเขาคือคนป่วย?

ชุยห้าวถิงเป็นคนน่าหดหู่ ตอนกลางวันต้องทำตัวกระฉับกระเฉงเพื่อรับมือกับเสด็จอาเก้า เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าอันเยือกเย็นของเสด็จอาเก้า เขารู้มันดี แต่ทำไมเมื่อถึงยามดึกเขายังต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าอันเยือกเย็นของซุนซือสิงอีก นี่เขาไปทำอะไรให้เฟิ่งชิงเฉินต้องลำบากหรือเปล่า?

“ไม่มี” ซุนซือสิงผงะไปครู่หนึ่งถึงเข้าใจ ที่ชุยห้าวถิงกล่าวออกมาเช่นนี้เป็นเพราะว่าสีหน้าของเขาในหลายวันที่ผ่านมาดูไม่ค่อยดี เอ่อ……

อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าห้ามนำความรู้สึกส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวกับงาน นี่เขาทำมันได้ไม่ได้งั้นหรือ?

ซุนซือสิงมองไปที่ชุยห้าวถิงด้วยความงงงวย

ด้วยเหตุนี้……ทำให้ชุยห้าวถิงสงสัยว่าตนเองคิดมากเกินไป ชุยห้าวถิงจึงรีบกล่าวปลอบใจออกไปว่า “ข้าคงคิดมากเกินไป หลายวันที่ผ่านมาข้าเห็นหมอซุนเอาแต่ทำหน้าตาเย็นชาจึงนึกว่าหมอซุนมีเรื่องอะไรไม่พอใจข้าอยู่”

ใบหน้าอันเย็นชาของเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้า เขาคุ้นชินกับมันแล้ว แต่ใบหน้าอันเย็นชาของซุนซือสิงซึ่งแสร้งทำเป็นเงียบขรึมเขาไม่คุ้นชินกับมัน นี่ทำให้เขาเข้าใจผิด หรือว่าตนเองไม่ได้จ่ายค่ารักษา

“อ่า ข้าทำหน้าตาไม่พอใจใส่ท่านอย่างนั้นหรือ? ท่านเห็นเช่นนั้นหรือ?” ซุนซือสิงอ้าปากกว้าง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากของเขา

ชุยห้าวถิงไม่ได้พูดอะไรออกมา ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง วางมือทั้งสองข้างลงเหมือนกับเด็กที่ทำความผิด ก้มลงต่ำมองหน้าอกยืนอยู่ด้านหน้าของชุยห้าวถิง กล่าวออกมาด้วยเสียงเบาว่า “งั้นคุณชายชุย ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าไม่ควรนำความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องกับงาน ข้าไม่ได้ตั้งใจ……”

เมื่อคิดถึงใบหน้าเย็นชาที่ตนเองใช้เผชิญหน้ากับผู้ป่วย แถมยังถูกผู้ป่วยสังเกตเห็น ซุนซือสิงรู้สึกไม่สบายใจ รีบกล่าวขอโทษออกไปทันที

ที่แท้มันเป็นเรื่องจริง ข้าไม่ได้คิดมากไปเอง

ไม่ว่าอย่างไรชุยห้าวถิงก็ไม่เข้าใจ เขาไปทำอะไรให้ซุนซือสิงไม่พอใจ เห็นใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความละอายใจของซุนซือสิง ชุยห้าวถิงก็ไม่กล้าพูดอะไรรุนแรง ไม่เพียงแค่นั้น เขาซึ่งเป็นผู้ป่วยยังต้องกล่าวเพื่อปลอบโยนซุนซือสิง แสดงออกว่าไม่ใส่ใจ รอจนกว่าซุนซือสิงเชื่อว่าเขาไม่ใส่ใจถึงสามารถถามเหตุผลจากซุนซือสิงได้ เมื่อได้ยินเหตุผลของซุนซือสิง ชุยห้าวถิงมีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา

มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นความผิดของเขางั้นหรือ? มีเงินจ้างให้หมอหญิงมาดูแลรักษาตนเองตลอดเวลา มันเป็นความผิดของเขางั้นหรือ?

ซุนซือสิงชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขาเพราะเหตุผลนี้ ทำให้ชุยห้าวถิงอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา……

นี่คือความแค้นที่มีต่อผู้มั่งมีงั้นหรือ?

เขาเองก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่สร้างความเสียหายแก่คนรอบข้าง

พวกที่อยู่รอบกายของเฟิ่งชิงเฉินนี่มันมีแต่เป็นคนแบบไหนกัน คนหนึ่งดำเหมือนน้ำหมึก โกหกหลอกลวงโดยไม่สนใจสิ่งใด อีกคนขาวเหมือนเด็ก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้า

คุณชายหยวนซีเดินทางมาในยามดึก ได้ยินเรื่องนี้จากปากของชุยห้าวถิงจึงกล่าวออกมาด้วยความรู้สึก “เฟิ่งชิงเฉินเป็นอาจารย์ที่ดี และได้รับลูกศิษย์ที่ดีเช่นกัน”

ซุนซือสิงเป็นคนที่มีนิสัยเมตตา แต่ผู้ซึ่งมีนิสัยเช่นนี้ถ้าหากไม่มีคนปกป้องดูแลมันก็จะเปลี่ยนไปโดยง่าย ก่อนหน้านี้ซุนซือสิงมีพ่อแม่คอยดูแล ตอนนี้มีเฟิ่งชิงเฉินค่อยดูแล ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้

ทุกวันนี้ การได้เจอกับผู้ซึ่งยอมปกป้องดูแล้วเขา แถมยังมีความสามารถพอจะคุ้มครองเขาได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย

“หากมีโอกาสก็ดูแลเด็กคนนี้เสียหน่อย เขาเป็นเด็กเรียบง่าย และเป็นเด็กดีคนหนึ่ง” คุณชายหยวนซีกล่าวเสริมออกมา

คนแบบซุนซือสิง ไม่ว่าเขาจะมีอายุมากแค่ไหน ในสายตาของคุณชายหยวนซี เขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี

“เฟิ่งชิงเฉินเองก็คิดแบบนี้อยู่ไม่ใช่หรือไง” ชุยห้าวถิงไม่ใช่คนโง่ ซุนซือสิงสร้างโอกาสให้กับซุนซือสิงหลายครั้ง แม้จะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็สามารถรับรู้มันได้

“ดังนั้นข้าจึงกล่าวออกมาว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นอาจารย์ที่ดี นางได้ปูทางเดินอันแสนดีให้กับเขาตั้งแต่แรกแล้ว” คุณชายหยวนซีก้าวเข้ามาอีกสองก้าว มองไปนอกหน้าต่าง เห็นหิมะสีขาวที่ปกคลุมอยู่ด้านนอก

ครั้งหนึ่ง คนผู้นั้นไม่เคยพยายามที่จะปกป้องเขาเลย ผลลัพธ์ก็คือ……

บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถปกป้องใครได้ตลอดชีวิต เฟิ่งชิงเฉินฉลาดมาก นางใช้โอกาสตอนกำลังเบ่งบานทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องซุนซือสิง ถึงเวลานั้นต่อให้เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถปกป้องซุนซือสิงได้ แต่ก็ยังมีคนอื่นคอยปกป้องอยู่

เฟิ่งชิงเฉินรู้จักนิสัยของซุนซือสิงดี นอกจากว่าหัวใจของพวกเขาไม่ปกติ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องปกป้องซุนซือสิงอย่างสุดกำลัง ทิ้งดวงใจของตนให้อยู่ต่อไป

“น่าอิจฉาเหลือเกิน” ชุยห้าวถิงก้มลงมองมือคู่นั้นของตนเอง มือคู่นี้แปดเปื้อนไปด้วยเลือด เขากับซุนซือสิงมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่หัวใจของเขากลับแก่เกินวัย

ใช่ มันน่าอิจฉาเหลือเกิน แต่จะให้อิจฉาต่อไปแล้วมันได้อะไร ทุกคนต่างมีเส้นทางของตนเองให้เลือกเดิน เกิดในครอบครัวอย่างพวกเขา แน่นอนว่าไม่มีทางใช้ชีวิตบริสุทธิ์อย่างซุนซือสิงได้ คนธรรมดาไม่สามารถมีชีวิตรอดในครอบครัวของพวกเขาได้ เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเขาจำเป็นต้องย้อมตนเองให้เป็นสีดำ……

ห้องลับจวนซู หลานจิ่วชิงกำลังดูข้อมูลรายงานของเผ่าเสวียนเซียวกง และที่จับตามองเป็นพิเศษก็คือข้อมูลของเซวียนเส้าฉี

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นเซวียนเส้าฉีอยู่ในสายตาเนื่องจากทัศนคติของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเซวียนเส้าฉี ทำให้เขาไม่สามารถมองข้ามอีกฝ่ายได้

คนที่มีจิตใจแน่วแน่ไม่กลัวตาย กลัวว่าคนที่แอบรักและรอคอยได้ตลอดไปเช่นนี้ วันใดหากเบื่อหน่าย รู้สึกเหนื่อย ต้องการหาชายคนหนึ่งเพื่อแต่งงาน เซวียนเส้าฉีจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในทันที

ด้วยท่าทางและการแสดงออกของเซวียนเส้าฉี ทำให้ผู้หญิงหวั่นไหวได้ง่ายและเปิดใจยอมรับ

“ข้างกายของเซวียนเส้าฉี ไม่มีผู้หญิงที่น่าสงสัยเลยอย่างนั้นหรือ?” อ่านอยู่นาน หลานจิ่วชิงไม่เห็นคนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลย เขาไม่เชื่อว่าความรู้สึกของเซวียนเส้าฉีนั้นจะว่างเปล่า

“เซวียนเส้าฉีรักษาและดูแลตนเองอยู่เสมอ ข้างกายของเขามีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยมาก และเมื่อเขาก้าวเข้าสู้อายุ 16 ปี เขาประกาศออกไปว่าตนเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว นี่ทำให้คนที่อยากเข้าใกล้เขาถูกกดดันจนต้องถอยออกไป”

เนื่องจากผู้หญิงในทุกวันนี้ต่างมองว่าความรักเป็นเรื่องสำคัญ ภรรยาหลวงนั้นมีคุณค่ามากกว่า ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป เว้นแต่คนผู้นั้นจะมีสติวิปริต หากได้หญิงสาวจากตระกูลดังมาครอบครอง พวกเขาก็ไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับนางสนมหรือแต่งงานกับผู้อื่น

ต้องรู้ก่อนว่าเหล่านางสนมนั้นสามารถซื้อขายกันได้ แต่ภรรยาหลวงมีอำนาจในการจัดการนางสนม และเป็นการดีกว่าที่จะไม่แต่งงานกับนางสนมเพื่อรอเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากผลลัพธ์มันแตกต่างกัน

“ไม่มีก็ไปหามา ไปตามหาผู้หญิงคนหนึ่งให้ข้า เล่าเรื่องราวของเซวียนเส้าฉีให้กับนางอย่างละเอียด และมอบโอกาสเข้าใกล้เซวียนเส้าฉีให้กับนาง” หลานจิ่วชิงวางข้อมูลของเซวียนเส้าฉีลง กล่าวออกมาอย่างไม่สามารถหยั่งรู้ได้

เจ้าเซวียนเส้าฉี ความรักของเจ้าหนักแน่นมากใช่ไหม งั้นข้าจะมอบผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความรักและคุณธรรมให้กับเจ้า เจ้าบอกว่าจะรอเฟิ่งชิงเฉินไปชั่วชีวิต งั้นข้าจะมอบผู้หญิงให้กับเจ้าคนหนึ่ง ผู้ซึ่งยอมทุกอย่างและพร้อมจะรอเจ้าไปชั่วชีวิต

ด้านหนึ่งคือเฟิ่งชิงเฉิน อีกด้านหนึ่งคือผู้หญิงที่สามารถทุ่มเททุกอย่างให้เจ้าได้ ข้าอยากจะรู้เหลือเกิน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะยังยืนหยัดที่จะรอเฟิ่งชิงเฉินไปชั่วชีวิตอยู่ได้หรือไม่?

“ขอรับ ข้าจะให้ปู้จิงหยุนไปตรวจสอบ ชื่อเสียงของเซวียนเส้าฉีในยุทธจักรนั้นดีมาก ผู้หญิงที่หลงใหลในตัวเขามีมากมาย ข้าจะหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขอย่างสุดกำลัง” ซูเหวินชิงแอบสวดอ้อนวอนให้กับเซวียนเส้าฉีเงียบๆในใจของเขา

นายท่านน้อยเซวียน เจ้าจงสวดภาวนาให้แก่ตนเอง วิธีนี้หลานจิ่วชิงเคยใช้กับฉินเป่าเอ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าเป็นคนที่สอง หวังว่าเจ้าจะยืนหยัดต่อไปและไม่กลายเป็นฉินเป่าเอ๋อคนที่สอง

“เรื่องนี้จำเป็นต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ข้าไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของเซวียนเส้าฉีมากถึงขนาดนั้น” หลานจิ่วชิงเพิ่มแรงกดดันให้กับซูเหวินชิงอีกครั้ง

จัดการกับเซวียนเส้าฉีควรจะให้เหมือนกับฉินเป่าเอ๋อ รวดเร็ว รุนแรง และแม่นยำ

ช่วงนี้ ทุกวันฉินเป่าเอ๋อถามถึงปู้จิงหยุนมากกว่าที่ถามถึงเขา เขาเชื่อ……

ตราบใดที่ปู้จิงหยุนรุกหนักขึ้น ฉินเป่าเอ๋อก็จะลืมเรื่องคู่หมั้นที่แท้จริงของเขา เนื่องจากดอกไม่ที่บอบบางอย่างฉินเป่าเอ๋อ จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกวัน ส่วนเซวียนเส้าฉี ข้างกายของเขามีหญิงสาวที่คลั่งไคล้ความรักและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมคอยตามติดอยู่ในทุกวัน แม้เขาจะเป็นหินก็ต้องถูกเผาอย่างร้อนระอุ

“ตกลง เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง” ซูเหวินชิงเขียนมันลงบนกระดาษอย่างจริงจัง ระดับเรื่องนี้ไว้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากเขียนเสร็จแล้ว จู่ๆซูเหวินชิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้พูดออกไป……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท