“พิธีบูชาฟ้า? พรุ่งนี้จักรพรรดิต้องการบูชาฟ้า? เจ้ามั่นใจแล้วใช่หรือไม่ว่าข่าวที่เจ้าได้มานั้นถูกต้อง?” หลานจิ่วชิงถามออกไปด้วยความตกใจ
ไม่แปลกที่หลานจิ่วชิงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ ที่จริงการเคลื่อนไหวของจักรพรรดินั้นหาเหตุผลไม่ได้ หิมะตกหนักขนาดนี้ และไม่เคยได้ยินว่าจักรพรรดิจะทำพิธีบูชาฟ้ามาก่อน แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าจะบูชาฟ้า ดูยังไงก็ไม่ปกติ ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่หลานจิ่วชิงก็ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
การบูชาฟ้านั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย จักรพรรดิไม่มีทางกินอิ่มจนไม่มีอะไรทำแล้วพูดออกมาว่าจะทำพิธีบูชาฟ้า พิธีบูชาฟ้านั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าหากจักรพรรดิต้องการบูชาฟ้า อย่างน้อยก็ต้องทำการเตรียมตัวล่วงหน้า 3-5 วัน เป็นไปได้อย่างไรว่าวันนี้พูดแล้วพรุ่งนี้ไปทำพิธีบูชาฟ้า
ฮ่องเต้เองก็ไม่มีทางเสด็จมาสุ่มสี่สุ่มห้า หากจักรพรรดิกล้าที่จะทำเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีแผนอะไรอยู่
“เป็นข่าวที่ได้มาจากสำนักหอดูดาวหลวง ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด จักรพรรดิไปหาคนผู้นั้นในสำนักหอดูดาวหลวง และยังถามอีกว่าเมื่อไหร่หิมะจะหยุดตก หลังจากนั้นแสดงโทสะออกมา สั่งให้สำนักหอดูดาวหลวงเตรียมการทำพิธีบูชาฟ้า” ซูเหวินชิงกล่าวพร้อมแบมืออย่างช่วยไม่ได้
เขาเป็นจักรพรรดิ จักรพรรดิต้องการบูชาฟ้า พวกเขาจะไปทำอะไรได้
“มีคนไปพูดอะไรต่อหน้าจักรพรรดิหรือเปล่า? มิอย่างนั้นจักรพรรดิจะไปถวายเครื่องบูชาฟ้าดินเพื่ออะไร? หรือจักรพรรดิสงสัยในสำนักหอดูดาวหลวง?” เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีในใจของหลานจิ่วชิง ราวกับมีเรื่องบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา
บูชาฟ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
“น่าจะไม่ใช่อย่างนั้น คนผู้นั้นในสำนักหอดูดาวหลวงไม่ได้พูดอะไร ยกเว้นในตอนที่จักรพรรดิเสด็จขึ้นครองราชย์ เขาพูดประโยคที่แสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ทั้งภายในและภายนอก หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยแสวงหาสิ่งใดจากความสำเร็จ และไม่เคยทำสิ่งใดผิดพลาดมาก่อน จากก่อนหน้านี้ในมุมมองของจักรพรรดิ ไม่มีทางจะสงสัยในตัวเขา
ส่วนคนอื่นยังไม่ได้ข่าวคราวอะไร คนของพวกเราที่คอยแฝงตัวอยู่ข้างจักรพรรดิ ก่อนหน้านี้สูญเสียไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับช่วงนี้จักรพรรดิระวังตัวมากเป็นพิเศษ ทำให้มีข้อมูลจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงได้”
เนื่องจากเสด็จอาเก้าถูกส่งตัวเข้าไปในเรือนจำ สายลับในพระราชวังจำนวนมากพากันหักหลัง ประกอบกับจักรพรรดิได้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกในพระราชวัง ทำให้ลูกน้องที่อยู่ในวังของเขามีจำนวนลดน้อยลงไปอย่างมาก ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างดำเนินไปได้ไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร
หากไม่มีอะไรผิดปกติจักรพรรดิจะทำการถวายเครื่องบูชาฟ้าเพื่อเหตุใด หลานจิ่วชิงไม่เข้าใจ “ไม่มีใครเข้าเฝ้า ตามหลักการยึดถือของจักรพรรดิแล้ว เขาไม่มีทางพูดเรื่องพิธีบูชาฟ้าออกมาอย่างแน่นอน จักรพรรดิเป็นคนรักษาชื่อเสียงและระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาไม่มีทางถ่ายทอดคำสั่งทำพิธีบูชาฟ้าอย่างบุ่มบ่าม ถ้าหากพิธีบูชาฟ้าไม่เกิดผลลัพธ์อะไรขึ้น หรือทำให้เกิดผลตรงกันข้าม แบบนั้นอาจทำให้ชื่อเสียงของจักรพรรดิต้องเสียหาย”
“หิมะตกลงมานานหลายวันแล้ว ถึงคราวที่จะหยุดลง การที่จักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้าในตอนนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น” ซูเหวินชิงขมวดคิ้ว การเคลื่อนไหวของจักรพรรดินั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายมากเกินไป ทำให้พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้
“หิมะตกลงมาครึ่งเดือนแล้ว มันน่าจะหยุดไปตั้งนานแล้ว แต่มันกลับยังไม่หยุด ใครจะไปรู้ว่าสวรรค์นั้นกำลังคิดอะไรอยู่” เสด็จอาเก้าไม่เคยเชื่อในเรื่องสิ่งที่ไม่แน่นอนพวกนี้ จักรพรรดิเองก็ไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ต้องแบกรับความเสี่ยงอย่างแน่นอน
หิมะตกลงมานานถึง 15 วัน มันก็สามารถตกต่อไปจนถึง 25 วันได้ ก่อนที่เรื่องจะจบลง การทำเรื่องบางอย่างที่ทำอ้อนวอนให้หิมะหยุดตกนั้นเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก
แม้ภัยพิบัติจากหิมะรุนแรงขึ้น แต่สถานการณ์ในปัจจุบันได้อยู่ในการควบคุมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องบรรเทาภัยพิบัติทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อย จักรพรรดิไม่มีความจำเป็นต้องมาทำพิธีบูชาฟ้าในตอนนี้
แต่ไหนแต่ไรจักรพรรดิไม่มีความคิดจะทำพิธีบูชาฟ้าดิน แต่กลับบอกว่าจะทำพิธีบูชาฟ้าดินในวันพรุ่งนี้อย่างกะทันหัน มันจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน แต่แค่เขายังคิดถึงเหตุผลนั้นไม่ออก หรือจักรพรรดิจะมีอะไรที่ทำให้มั่นใจได้ว่าหิมะจะหยุดตกภายในอีกไม่กี่วัน?
พูดตามเหตุผลแล้วมันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น สิ่งที่สำนักหอดูดาวหลวงกล่าวออกมาเป็นสิ่งที่เขาบอกให้พูด เมื่อจักรพรรดิได้ยินคำพูดของสำนักหอดูดาวหลวง เขาน่าจะโกรธและรู้สึกลังเล มากกว่าป่าวประกาศว่าจะทำพิธีบูชาฟ้าดิน
ภายใต้หน้ากาก แววตาของหลานจิ่วชิงลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น ซูเหวินชิงรู้ว่าหลานจิ่วชิงกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความคิดอันลึกซึ้ง ซูเหวินชิงเองก็ไม่กล้าไปรบกวน นั่งอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดอะไร รอจนกว่าหลานจิ่วชิงจะคิดหาหนทางได้
จักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้าอย่างกะทันหัน เหตุผลของมันก็คงมีอยู่อย่างเดียว เขา……มั่นใจว่าหิมะจะหยุดตกอีกภายในไม่กี่วัน!
จู่ๆหลานจิ่วชิงก็ลุกขึ้นยืน พูดกับซูเหวินชิงด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม “เหวินชิง หยุดส่งอาหารไปยังพื้นที่ได้รับภัยพิบัติและหยุดการบรรเทาสาธารณภัยทั้งหมด”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ซูเหวินชิงถูกหลานจิ่วชิงทำให้ตกใจ เขาหรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว
แววตาของหลานจิ่วชิงแสดงให้เห็นถึงแสงอันแหลมคม ริมฝีปากภายใต้หน้ากากของเขาเปิดออกเล็กน้อย และกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “หากข้าเดาไม่ผิด วันพรุ่งนี้น่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น” ต่อให้หิมะไม่หยุดตก แต่จะเกิดปาฏิหาริย์ที่ทำให้ผู้คนต้องตกใจ แบบนั้น……การบูชาฟ้าของจักรพรรดิถึงจะมีความหมาย
“ปาฏิหาริย์? เจ้าหมายความว่าจักรพรรดิจะทำอะไรเพื่อเอาใจประชาชนอย่างนั้นหรือ?” ซูเหวินชิงเองก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ตั้งแต่สมัยโบราณผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ต่างกล่าวว่าพวกเขาคือมังกรอันแท้จริง คือบุคคลที่ถูกส่งลงมาจากสวรรค์ และเพื่อทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาคือบุคคลที่ถูกส่งลงมาจากสวรรค์ พวกเขาจะคิดทุกวิถีทางเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและยอมสวามิภักดิ์ในตัวเขา
ในตอนนี้หัวใจของประชาชนในใต้หล้าสั่นคลอน ถ้าหากจักรพรรดิสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ จักรพรรดิจะครองใจประชาชนได้อย่างแท้จริง
หลานจิ่วชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงสามารถครองใจประชาชนได้ และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติหิมะ ในโลกใบนี้ยังมีอะไรน่าเชื่อถือไปกว่าคำอุปมาของพระเจ้า”
“งั้นสิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็ไร้ประโยชน์อย่างนั้นหรือ?” ซูเหวินชิงรู้สึกตกใจและยอมรับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว พวกเขาใช้กำลังกำลังคนและเรี่ยวแรงไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็เห็นอยู่ตรงหน้า แต่กลับกลายเป็นไม่ได้อะไรเลย
ถ้าหากพรุ่งนี้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง ทุกสิ่งอย่างซึ่งพวกเขาทำเพื่อช่วยเหลือในเรื่องของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจะถูกเหมารวมว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่จักรพรรดิสร้างขึ้น และผลประโยชน์ทั้งหมดก็จะตกอยู่ในมือของจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว
ภายใต้ความเปล่งประกายของแสงแห่งพระเจ้า การกระทำของผู้คุกคามอย่างพวกเขาจะฉายแสงออกมาได้อย่างไร
“แม้จะไม่สูญเปล่าทั้งหมด แต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก หยุดตอนนี้ยังพอการสูญเสียลดลงได้” หลานจิ่วชิงหันหลัง กล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ
การเคลื่อนไหวของจักรพรรดิในครั้งนี้เหมาะสมแก่เวลาเป็นอย่างมาก หากหิมะใหญ่ครั้งนี้หยุดลงภายในสองวัน ทุกคนจะต้องเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากความจริงใจของจักรพรรดิ จึงสามารถทำให้หิมะหยุดตกลงได้
ในเวลาแบบนี้ การเคลื่อนไหวแบบนี้ ช่างเป็นการโต้กลับที่งดงามเหลือเกิน
“ยอมรับไม่ได้จริงๆ” ซูเหวินชิงกล่าวอย่างหดหู่ “พวกเราใช้ทั้งคนใช้ทั้งแรง สุดท้ายกลับถูกจักรพรรดิที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนำความดีความชอบไปแต่เพียงผู้เดียว”
“ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถยอมรับได้ สุดท้ายผู้ซึ่งได้รับผลประโยชน์ก็คือประชาชน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว การช่วยเหลือในเรื่องภัยพิบัติครั้งนี้ของพวกเราได้ช่วยชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์เอาไว้มากมาย” หลานจิ่วชิงไม่สนใจกับความสูญเสียครั้งนี้ เขาได้ชีวิตประชาชนกลับมาตั้งมากมายเพียงแค่แลกกับอาหารเพียงเล็กน้อย นี่ถือเป็นการแลกเปลี่ยนอันคุ้มค่า
“คงคิดได้แค่เช่นนี้เท่านั้น แบบนี้ถึงทำให้หัวใจของข้ารู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง” ซูเหวินชิงเองก็เก็บความหดหู่ในหัวใจ และกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
เฮ้อ วุ่นวายมากว่าครึ่งเดือน เห็นอยู่ว่าจะได้ประโยชน์กลับคืนมา สุดท้ายกลับถูกจักรพรรดิตัดหน้า จักรพรรดิผู้นี้ทำเกินไปเสียจริง
ซูเหวินชิงกัดฟันแน่น จู่ๆนัยน์ตาเขาก็เปล่งประกาย กล่าวออกมาอย่างชั่วร้ายว่า “จิ่วชิง เจ้าไม่คิดว่าพวกเราควรจะทำอะไรบ้างอย่างงั้นหรือ? ทำลายปาฏิหาริย์ของจักรพรรดิ ทำให้พิธีบูชาฟ้าดินของจักรพรรดิในวันพรุ่งนี้กลายเป็นเรื่องตลก?”
“เกรงว่าคงไม่ทันกาลเสียแล้ว พิธีบูชาฟ้าจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ และพวกเราก็ไม่รู้ว่าปาฏิหาริย์ที่จักรพรรดิจะสร้างขึ้นมานั้นคืออะไร และถ้าหากเมื่อจักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้าในวันพรุ่งนี้แล้วหิมะบังเอิญหยุดตกขึ้นมา ยิ่งพวกเราทำอะไรมากไป แบบนั้นก็ยิ่งเป็นการช่วยเหลือจักรพรรดิมากขึ้นเท่านั้น เมื่อถึงตอนนั้นบารมีของจักรพรรดิจะสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตงหลิงก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น”
มนุษย์จะเอาชนะพระเจ้าได้งั้นหรือ? นอกจากเจ้าจะรู้ว่าพระเจ้าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นเครื่องมือของเขา
“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกกระมัง?” ซูเหวินชิงอ้าปาก ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง งั้นก็คงเป็นพระเจ้าตัวจริงแล้ว
“เรื่องแบบนี้พูดยาก ข้าจะเข้าไปดูในวัง เรื่องอื่นมอบให้เข้าเป็นคนจัดการ อย่าทำให้อาหารชุดนั้นต้องเสียเปล่า”
“……”
หลานจิ่วชิงทิ้งประโยคนี้ไว้และเดินออกไปจากห้องลับ ร่างกายของเขาหายไปอย่างรวดเร็วทำให้ซูเหวินชิงไม่สามารถขวางเอาไว้ได้ ซูเหวินชิงทำได้เพียงเก็บสิ่งที่ต้องการพูดไว้กับตัวเอง
“ช่างมันเถอะ ข้าตัดสินใจด้วยตัวเองแล้วกัน ตอนนี้เจ้าคงไม่มีอารมณ์จะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ อย่าทำให้อาหารต้องเสียเปล่าใช่ไหม? ได้ งั้นข้าจะทำให้อาหารชุดนี้เกิดประโยชน์สูงสุด ในเมื่อทางนี้ทำไม่สำเร็จ งั้นก็เปลี่ยนเป็นที่อื่น จิ่วโจวไม่ได้มีแค่ตงหลิงที่เป็นประเทศใหญ่เพียงแค่ประเทศเดียว ข้าไม่เชื่อว่าการที่ข้ามีอาหารจะทำให้ข้ายิ่งใหญ่ไม่ได้”
ซูเหวินชิงกลางแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา ในแผนที่ใบนี้ครอบคลุมพื้นที่จำนวนมาก สัญลักษณ์สีแดงบนแผนที่คือจุดซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหิมะรุนแรง ซูเหวินชิงจับจ้องไปยังพื้นที่ซึ่งมีจุดสีแดงอยู่มากที่สุด และตัดสินใจชี้นิ้วลงไป
“หนานหลิงกับเป่ยหลิงใช่ไหม รอข้าก่อน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ซูเหวินชิงทำสัญลักษณ์ลงไปทันที หากมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจากพิธีบูชาฟ้าในวันพรุ่งนี้ เขาจะสั่งให้ลูกน้องของเขาเปลี่ยนเส้นทางในชั่วข้ามคืน ใช้แคร่นำอาหารและเสบียงที่เหลือไปยังหนานหลิงกับเป่ยหลิง หากมีแคร่อยู่พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าหิมะจะขวางการขนย้ายของพวกเขาได้
หิมะหยุด ต่อให้หิมะหยุดแล้วมันยังไง สถานที่ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากหิมะ ทั้งเมืองถูกหิมะปกคลุม ต่อให้หิมะหยุดตกเป็นเวลาครึ่งเดือน หิมะที่ตกลงมาแล้วก็ไม่มีทางละลายไปจนหมด น้ำแข็งในแม่น้ำก็ไม่มีทางละลายอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นจักรพรรดิต้องการเคลื่อนย้ายอาหารจากทางใต้ขึ้นไปทางเหนือ มันก็ยังถือเป็นเรื่องยากอยู่ดี
อีกอย่าง ต่อให้มีคนถามแล้วยังไง ในระยะเวลาอันสั้นไม่มีทางปลูกพืชพรรณที่เป็นอาหารได้อย่างแน่นอน แม้แต่พืชกินรากก็ไม่แน่ว่าจะกินได้ เมื่อถึงเวลานั้นในมือของใครถือครองอาหารมากที่สุด คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง
ยิ่งคิดหัวใจของซูเหวินชิงก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น ไม่แปลกที่จิ่วชิงกังวลแต่ไม่ได้แสดงท่าทางตื่นตระหนกออกมา ในมือของพวกเขามีอาหารอยู่ ต่อให้ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา การกระทำของพวกเขาจะสูญเปล่า แต่หลังจากนี้เขาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อยู่
จักรพรรดิคิดจะใช้ประโยชน์จากพวกเขาและเขี่ยทิ้งใช่ไหม งั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเขาไม่ดี หันไปสนับสนุนประเทศอื่น ลืมซีหลิงไป เขาจะไม่ไปต่อสู้กับแย่งชิงกับซีหลิงเทียนอวี่ หนานหลิงกับเป่ยหลิงได้รับผลกระทบอย่างหนัก สถานที่ทั้งสองนี้จะสร้างผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเป่ยหลิงที่ขาดแคลนเสบียงตลอดทั้งปี ด้วยภัยพิบัติครั้งใหญ่ยิ่งทำให้ความต้องการของพวกเขามากขึ้น โชคดีที่ผู้คนส่วนใหญ่ในเป่ยหลิงนั้นแข็งแกร่ง จากภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้มีคนเสียชีวิตไปไม่มาก เมื่อรออาหารพวกนี้ไปถึง ความมีชีวิตชีวาของเป่ยหลิงจะฟื้นฟูกลับมาในไม่ช้า
ในเมื่อเป็นคนดีในตงหลิงไม่ได้ งั้นก็ไปเป็นที่หนานหลิงกับเป่ยหลิงแทน และจากอาหารที่เขานำออกมาในครั้งนี้สามารถอยู่ได้ถึงปีหน้า ไม่จำเป็นต้องทิ้งอาหารไว้ให้เน่าในมือตัวเอง
อ่า จะเอาอาหารและธัญพืชเหล่านี้ไปแลกกับอะไรดี? หรือว่าจะใช้พวกมันไปตีสนิทกับเหล่าหัวหน้าวงศ์ตระกูลในกับเป่ยหลิง
ซูเหวินชิงวางแผนอย่างจริงจัง และพยายามลดผลกระทบจากความเสียหายที่จะได้รับจากพิธีการบูชาฟ้าดินของจักรพรรดิให้มากที่สุด และใช้อาหารชุดนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แน่นอนถ้าหากพิธีบูชาฟ้าดินในวันพรุ่งนี้ไม่เกิดผลอันใดนั่นถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น เพื่อจะได้มีแผนรองรับ
ดูเหมือนวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างหลานจิ่วชิงเท่าไหร่นัก เห็นพระราชวังอยู่ตรงหน้า แต่กลับมีคนเข้ามาขวางทางเอาไว้……