อาวุธลับมีพิษ!
ทายาทของอารามเทพผู้สง่างามกลับใช้อาวุธลับที่มีพิษ มันไร้ยางอายเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ไร้ยางอายมากกว่านั้นก็คือ จักรพรรดิยอมให้ฝู่หลินนำอาวุธลับเข้ามาในพระราชวัง ดูแล้วจักรพรรดิทรงให้ความสำคัญกับฝู่หลินเป็นอย่างมาก
ทายาทของอารามเทพมีความสามารถอย่างที่คิด เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นกลับทำให้จักรพรรดิเชื่อใจได้ถึงเพียงนี้ เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าพรุ่งนี้ฝู่หลินจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรออกมา
“ควับ……” หลานจิ่วชิงใช้แขนเสื้อพันบาดเหนือบาดแผลเอาไว้ จากนั้นใช้อีกมือหนึ่งดึงอาวุธลับออก
เลือดสีดำพุ่งออกมาทำให้รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย หลานจิ่วชิงพบว่าตนเองไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้ ฝีเท้าเลื่อนลอยราวกับกำลังเหยียบอยู่บนฝ้าย ตาทั้งสองข้างเริ่มเลือนราง ขาทั้งสองไม่สามารถรองรับน้ำหนักของตัวเองได้
บ้าเอ๊ย นี่มันพิษบ้าอะไรกัน มันใช้ได้ผลกับร่างกายของเขา เขาโตมากับการลิ้มลองพิษนานาชนิด พิษบางชนิดแทบไม่มีผลกับเขาเลย ต่อให้เป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดก็ไม่สามารถพรากชีวิตของเขาไปได้ คิดไม่ถึงว่าพิษบนอาวุธลับของฝู่หลินจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ ถึงขั้นทำให้เขาควบคุมตนเองแทบไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น
ไม่ได้การ……ถ้าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป วันนี้เขาคงถูกฝังไว้ที่นี่
หลานจิ่วชิงรีบสะบัดหัว กัดปลายลิ้นของตนเองอย่างรุนแรง ใช้ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจทำให้เขาฟื้นสติกลับคืนมา หลานจิ่วชิงหันกลับไปมองด้านหลัง พบว่าฝู่หลินกำลังถือดาบและไล่เข้ามา หลานจิ่วชิงพ่นลมหายใจอันเยือกเย็นและสบถกับตัวเอง……
ปัง……เห็นดาบของฝู่หลินทิ่มแทงเข้ามา หลานจิ่วชิงรีบทำลายอาวุธลับที่เต็มไปด้วยพิษชิ้นนั้น จากนั้นนำพิษจากเลือดอาบลงบนอาวุธลับของเขาและปล่อยมันออกไป
เรี่ยวแรงของเขาไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ระยะห่างของทั้งสองนั้นใกล้มากพอ อาวุธลับพุ่งไปยังฝู่หลิน ฝู่หลินจำเป็นต้องหยุดการเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อหลบการโจมตีของอาวุธลับ
และจากช่องว่างของเวลานี้ มันเพียงพอแล้วสำหรับหลานจิ่วชิง
หลานจิ่วชิงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปิดผนึกบาดแผลบนแขนซ้ายของเขาด้วยการฝังเข็มเพื่อป้องกันไม่ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ แขนซ้ายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในทันทีและถูกแขวนไว้
หลานจิ่วชิงถือดาบหนีออกไปด้านนอก เพิ่งจะออกมาจากตำหนักก็ถูกราชองครักษ์ในแต่ละชั้นล้อมเอาไว้ หลานจิ่วชิงถอนหายใจและรู้สึกว่าประสิทธิภาพของราชองครักษ์นั้นสูงขึ้น เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจะขอบคุณหรือเกลียดเฟิ่งชิงเฉินดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะราชองครักษ์ถูกเฟิ่งชิงเฉินเอาเปรียบมากจนเกินไป พวกเขาคงไม่ฝึกฝนกันอย่างหนักเหมือนทุกวันนี้
ดูจากสถานการณ์แล้ว วันนี้ถ้าหากเขาจะฝ่าออกไป คงจำเป็นต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง!
แสงไฟสาดส่องมายังหน้ากากสีเงิน แสงสะท้อนจากหน้ากากสาดส่อง หลานจิ่วชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ยกดาบขึ้นและพุ่งออกไปยังเส้นทางที่เปื้อนไปด้วยเลือด
เคร่ง เคร่ง เคร่ง…… เสียงการปะทะกันของอาวุธ ก่อนหน้านี้มันเป็นสิ่งที่หนานหลิงจิ่นฝานกับซีหลิงเทียนเหล่ยต้องเผชิญ ตอนนี้ถึงคราวของเขาต้องเผชิญ นี่เป็นสิ่งตอบแทนจากโลกนี้จริงๆ วันนี้เขาไม่ใช่แค่โชคร้ายเหมือนปกติแล้ว
หลานจิ่วชิงก้าวไปด้านหน้า เขาไม่ได้ทำการป้องกันแต่อย่างใด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด และไม่รู้ว่ามันคือเลือดของตนเองหรือเลือดของอีกฝ่าย ในตอนที่ฝู่หลินปรากฏออกมา ก็เห็นหลานจิ่วชิงในวงล้อม เขาตะโกนออกมาอย่างไม่เกรงใจด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “พลธนู เตรียมยิง”
แต่น่าเสียดายที่เมื่อเหล่าราชองครักษ์ได้ยินคำสั่งของเขากลับไม่ได้กระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตาม แต่กลับเงยหน้าขึ้นมามองด้านบนของตนเอง ผู้นำตัวน้อยของเหล่าราชองครักษ์ผงะอยู่คู่หนึ่ง จากนั้นหันไปพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็พยักหน้าทันที
ดวงตาของเต็มไปด้วยแสงแห่งความโกรธ บ้าเอ๊ย เขาลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่เขตปกครองของเขา เขารู้ว่านี่มันสายเกินไปที่คิดจะจับชายแซ่หลานผู้นั้น เป็นอย่างที่คิด……
การคาดเดาของฝู่หลินนั้นถูกต้อง เมื่อหลานจิ่วชิงได้ยินเสียงของฝู่หลินที่บอกให้พลธนูเตรียมยิ่ง เขารู้ทันทีว่าถ้าหากไม่หนีไปในตอนนี้ วันนี้ก็ไม่มีทางหนีพ้น หลานจิ่วชิงกัดฟันแน่น ไม่สนใจอันตรายของพิษที่กำลังแล่นเข้าสู่หัวใจ ภายใต้วงล้อมอันแน่นหนาของราชองครักษ์ เขาฝ่าการป้องกันและหนีออกไปจากตำหนักหย่งเหอ
“รีบตามไป ผู้บุกรุกผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาหนีไปได้ไม่ไกล” ฝู่หลินแกคำสั่งและกวาดสายตามองเหล่าราชองครักษ์อย่างเยือกเย็น
เจ้าโง่พวกนี้สมควรตาย ทำไมถึงไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของข้าด้วยความกระตือรือร้น ปล่อยให้คนร้ายหนีออกไปแล้ว เกรงว่าเขาคงไม่มีทางจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าคนแซ่หลานผู้นี้จะทนต่อไป และหนีรอดไปจากเนื้อมือของเหล่าราชองครักษ์ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องลำบากอย่างแน่นอน…..
“ขอรับ” ครั้งนี้ราชองครักษ์ไม่กล้าสงสัยในคำสั่งของฝู่หลิน พวกเขาบินไล่ตามออกไป แต่มันก็สายไปแล้ว
หลานจิ่วชิงฝ่าวงล้อมออกไปได้ มันก็เหมือนกับปลาที่ว่ายลงทะเล ราชองครักษ์พวกนี้คิดจะจับเขา บอกได้คำเดียวว่ายาก!
ในหนึ่งคืนมีผู้บุกรุกเข้ามาถึงสองคน ต่อให้จักรพรรดิสิ้นลมหายใจ ในตอนนี้เขาก็ต้องฟื้นขึ้นมาเพราะเสียงอึกกระทึกครึกโครม แต่เนื่องจากมีผู้บุกรุกเข้ามา จะให้จักรพรรดิออกมาเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร เขาจึงหลบอยู่ในที่ปลอดภัย จนกระทั่งมีคนเข้ามารายงาน จักรพรรดิถึงเดินทางไปยังตำหนักเฉียนเหอพร้อมกับการป้องกันอันแน่นหนา
“ฝู่หลิน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จักรพรรดิโกรธเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์ที่ตามมาช่างร้ายแรง
พระราชวังสงบสุขมาโดยตลอด ทำไมเมื่อฝู่หลินมาอยู่ที่นี่กลับมีผู้บุกรุกบุกเข้ามา เป็นไปได้ไหมว่าฝู่หลินจะเหมือนกับหลี่เซี่ยง คือตัวซวย?
ความโกรธของจักรพรรดิ แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่สามารถรับไหว แม้ฝู่หลินเป็นถึงทายาทแห่งอารามเทพ แต่เขาก็อาศัยอยู่ในโลกภายนอกมาโดยตลอด ทันทีที่จักรพรรดิแสดงแรงกดดันอันแข็งแกร่ง เขาจึงได้รับผลกระทบอย่างช่วยไม่ได้
ภายใต้แรงกดดันอันรุนแรงของจักรพรรดิ ฝู่หลินถอยหลังไปครึ่งก้าว ลมหายใจหนักอึ้ง สีเลือดบนใบหน้าจางลง จักรพรรดิพยักหน้าด้วยความพอใจ
ฝู่หลินแอบถอนหายใจออกมา รอจนหัวใจของเขาสงบลงจึงกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าข่าวเรื่องพิธีบูชาฟ้าของท่านในวันพรุ่งนี้คงจะรั่วไหล ดูเหมือนว่าคนทั้งสองกลุ่มนี้มุ่งเป้ามาที่ข้า”
ฝู่หลินกล่าวออกไปด้วยความนอบน้อม แต่ข้อกล่าวหาที่กล่าวออกมานั้นค่อนข้างชัดเจน เขากำลังจะบอกว่าจักรพรรดิรักษาความลับไว้ได้ไม่ดีพอ ก่อนที่จักรพรรดิจะได้ทำพิธีบูชาฟ้า กลับมีคนในพระราชวังนำข่าวออกไปยังโลกภายนอก จักรพรรดิยังมีหน้ามาถามเขาอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขาไม่โทษว่านี่เป็นความผิดของจักรพรรดิก็ดีแค่ไหนแล้ว
แฮ่ม แฮ่ม……จักรพรรดิกระแอมออกมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ฝู่หลินกล่าวมานั้นถูกต้อง หากไม่ใช่เพราะข่าวรั่วไหล แบบนั้นจะมีคนตั้งมากมายขนาดนี้บุกเข้ามาหาฝู่หลินเพราะอะไร
แต่การกล่าวออกมาเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกลำบากใจ จักรพรรดิกล่าวออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เข้ามา เจ้าจงไปบอกให้หน่วยพระเจ้าเสือมาปกป้องคุณชายฝู่”
จักรพรรดิไม่มีทางยอมรับความผิดไว้กับตนเอง เมื่อคิดถึงคุณค่าของฝู่หลิน จักรพรรดิตัดสินใจที่จะปกป้องเขาอย่างแน่นหนา อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน
พรุ่งนี้ ถ้าหากเวลาผ่านไป 3 ใน 4 ของวันพรุ่งนี้แล้วหิมะยังไม่หยุดตก ชายผู้อ้างว่าตนเองเป็นทายาทของสกุลฝู่จะตายไปโดยไม่มีหลุมฝังศพ
“ขอบพระคุณฝ่าบาทมาก” ฝู่หลินเห็นว่าเรื่องทุกอย่างจัดการได้อย่างง่ายดาย เขาจึงเตือนจักรพรรดิออกไปว่า “ฝ่าบาท เมื่อสักครู่ข้าสร้างบาดแผลบนแขนซ้ายของผู้บุกรุก แม้เจ้านั่นหนีรอดออกไปจากพระราชวังได้ แต่แน่นอนว่าไม่มีทางออกไปจากเมืองนี้ได้เขาน่าจะกำลังตามหาหมอในเมืองนี้เพื่อทำการรักษา”
ฝู่หลินไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขาเชื่อว่าจักรพรรดิรู้ว่าควรจะจัดการกับมันอย่างไร
“ประกาศกฎอัยการศึก หาตัวของผู้มีบาดแผลบนแขนซ้าย จับตาดูหมอและร้านขายยาอย่างใกล้ชิด เมื่อพบผู้ต้องสงสัยให้รายงานกลับมาทันที” จักรพรรดิออกคำสั่งแก่ขันทีที่อยู่ข้างหลังอย่างชาญฉลาด ขันทีรีบไปดำเนินการโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ฝ่าบาททรงฉลาดหลักแหลมเหลือเกิน” ฝู่หลินกล่าวชื่นชมด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
เขาเชื่อว่าชายชุดดำผู้นั้นมีความสามารถ ไม่น่าจะถูกจักรพรรดิจับกลุ่มได้ง่ายๆ วิธีการทั้งสองของจักรพรรดิที่ทำอยู่นี้ถ้าหากใช้กับผู้บุกรุกทั่วไปอาจจะได้ผล แต่ถ้าหากใช้กับตระกูลหรือผู้มีอำนาจในเมืองแห่งนี้ แน่นอนว่าไร้ประโยชน์
ทุกวันนี้ตระกูลใหญ่หรือผู้มีอำนาจเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจวนหมอ หรือหมอในพระราชวัง พวกเขาสามารถเลี้ยงดูหมอขึ้นมาเองได้ และความสามารถของหมอเหล่านั้นอาจจะดีกว่าหมอในพระราชวังด้วยซ้ำ คิดจะจับผู้บุกรุกด้วยสองวิธีการดังกล่าวมันยากเกินไป
เนื่องจากมั่นใจได้เลยว่าจักรพรรดิไม่มีทางจับตัวผู้บุกรุกได้ ฝู่หลินถึงกล้ากราบทูลออกไปว่าตนเองได้สร้างบาดแผลไว้บนแขนซ้ายของผู้บุกรุก เนื่องจากถ้าจักรพรรดิรู้ว่าเขามีอาวุธลับอาบยาพิษติดตัวไว้ตลอดเวลา ผู้ที่น่าอนาถอาจเป็นเขา
“คุณชายฝู่พักผ่อนให้เต็มที่” ตอนนี้สีหน้าของจักรพรรดิดีขึ้นเล็กน้อย จักรพรรดิต้องรักษาหน้าของตนเองไว้ คำพูดของฝู่หลินก่อนหน้านี้มันทำให้เขาอับอายเสียจริง
“ขอบพระคุณฝ่าบาท” ฝู่หลินก้มหน้าเล็กน้อย กล่าวออกไปด้วยสีหน้าซึ่งไร้ความรู้สึก หลังจากจักรพรรดิเดินจากไปแล้วฝู่หลินถึงจะเงยหน้าขึ้น มองไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ดวงตาที่เหมือนแก้วของเขาแสดงร่องรอยแห่งความสงสัย
จักรพรรดิกำเนิดขึ้นบนโลกเพราะฟ้าลิขิต!
นี่คือข้อกำหนดแบบไหน ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ?
จักรพรรดิก้าวออกไปจากตำหนักเฉียนเหอ ทันใดนั้นเขาสั่งให้ขันทีทำการเก็บกวาดข้าหลวงในพระราชวังอีกครั้ง อย่าปล่อยให้สายลับได้อยู่ใกล้ตัวของเขาเป็นอันขาด
บ้าที่สุด รอบตัวของจักรพรรดิผู้สง่างามเต็มไปด้วยสายลับ เขาดูไร้ประโยชน์เกินไปหรือเปล่า โชคดีตอนที่เขาพูดกับฝู่หลินนั้นไม่มีคนนอกอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ว่าหิมะจะหยุดตกภายในระยะเวลา 3 ใน 4 ของวันคงแพร่งพรายออกไป พิธีบูชาฟ้าของเขาคงกลายเป็นเรื่องตลก
“ข้าน้อยรับคำบัญชา” ขันทีใหญ่หนาวจนตัวสั่น เขารู้ว่าฤดูหนาวในปีนี้คือหายนะของตงหลิง ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกพระราชวัง จะต้องมีศพกองเป็นภูเขาอย่างแน่นอน
“ฝ่าบาท ผู้บัญชาการราชองครักษ์ต้องการเข้าเฝ้า” ขณะที่จักรพรรดิกำลังก้าวเท้าเข้าตำหนัก ขันทีตัวน้อยเดินเข้ามารายงาน
“ให้เขาเข้ามา!” จักรพรรดิรู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับผู้บุกรุก เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเป็นใครที่แทรกซึมมาได้นานขนาดนี้ นี่เป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของจักรพรรดิ!
“ข้า……” ผู้บัญชาการราชองครักษ์ยังไม่ทันกล่าวจบ จักรพรรดิขัดคำพูดของเขาอย่างไร้ซึ่งความอดทน “รายงานผลออกมา ผู้บุกรุกอยู่ไหน?”
“ข้าน้อยไร้ความสามารถปล่อยให้ผู้บุกรุกหนีไปได้” ผู้บัญชาการราชองครักษ์กล่าวจบ ก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง เหงื่อเย็นจำนวนมากไหลลงสู่พื้น
“ผู้บุกรุกหนีไปแล้ว? นี่ข้าเลี้ยงดูแต่พวกขยะอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้ามีตั้งมากมายขนาดนี้ กับแค่ผู้บุกรุกเพียงไม่กี่คนกลับจับตัวมาไม่ได้” จักรพรรดิไม่พอใจ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ สิ่งที่ต้องชดใช้ก็คงจะเป็นหัวของผู้บัญชาการราชองครักษ์
หัวใจของผู้บัญชาการราชองครักษ์เต้นแรง ถ้าหากจักรพรรดิไม่พอใจ คงไม่ง่ายเหมือนถูกไล่ออก โทษนี้มันเกี่ยวข้องกับหัวของเขา ผู้บัญชาการราชองครักษ์ในตอนนี้ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาหลับตาและกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท แม้ข้าจะไม่สามารถจับตัวผู้บุกรุกมาได้ แต่ข้าเห็นใบหน้าของผู้บุกรุก”
“มันเป็นใคร? เจ้าพูดออกมา” รู้ตัวของผู้บุกรุก ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของจักรพรรดิดูดีขึ้นเล็กน้อย
ผู้บัญชาการราชองครักษ์ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เขายังคงหนักแน่นและพูดต่อไปว่า “กราบทูลฝ่าบาท ผู้บุกรุกมีทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย องค์ชายจิ่นฝานแห่งหนานหลิง องค์รัชทายาทเหล่ยแห่งซีหลิง และยังมีชายชุดดำในหน้ากากสีเงิน ถ้าหากข้าจำไม่ผิด คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ที่เพิ่งจะมีชื่อเสียงเมื่อไม่นานมานี้ในยุทธจักร หลานจิ่วชิง”
ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองรอด ผู้บัญชาการราชองครักษ์รีบขายทั้งสามคนออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสุดท้ายแล้วจะใช่ทั้งสามคนนี้หรือไม่เขาไม่สนใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มองว่าเป็นสามคนนี้
“หนานหลิง ซีหลิง ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ไม่เสียแรงที่รอมากว่าครึ่งปี” จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นน้องเก้าตัวดีของเขา คิดไม่ถึงเลยว่าการที่น้องเก้าถูกคุมขังในครั้งนี้จะทำให้ความกล้าของเขาลดน้อยลง ไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในพระราชวัง
ส่วนหลานจิ่วชิง เป็นแค่คนในยุทธจักรเพียงคนเดียว จักรพรรดิไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหลานจิ่วชิงอะไรนั่นก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยอย่างแน่นอน เมื่อรู้ตัวตนของผู้บุกรุก จักรพรรดิรู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง จ้องมองผู้บัญชาการราชองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น จักรพรรดิคิดว่าอย่างน้อยคนผู้นี้ก็ยังมีประโยชน์ จึงตัดสินใจปล่อยเขาไป “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเสีย”
“ขอบคุณฝ่าบาทที่ทรงเมตตาแก่ความไร้เดียงสาของข้า” ผู้บัญชาการราชองครักษ์รีบคว้าชีวิตของตนเองไว้และจากไปทันที หลังจากเขาจากไปแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเคร่งขรึมทันที เขาหันไปพูดกับขันทีใหญ่ซึ่งอยู่ข้างกายว่า “ถ่ายทอดราชโองการของข้าออกไป เลื่อนพิธีสมรสระหว่างชุนอ๋องกับองค์หญิงเหยาหวาออกไป”
เขาต้องการมอบบทเรียนให้แก่หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ย ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าอะไรเรียกว่าความซื่อสัตย์!