นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 716 ฝังศพ สถานที่ฮวงจุ้ยดี

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บางคนชอบเปิดเผยตัวตน ส่วนบางคนก็ถูกเปิดเผยโดยไม่ต้องการ ในฐานะทายาทสกุลฝู่แห่งอารามเทพ ฝู่หลินรู้ดีว่าอะไรคือชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ เขาต้องแบกรับชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ ทุกการกระทำของเขาล้วนยิ่งใหญ่ แต่มันก็ง่ายที่จะถูกผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ประโยชน์

ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ไม่ต้องการให้ใครบนโลกรับรู้ถึงตัวตนของเขา เขาแค่อยากให้จักรพรรดิยอมรับและเชื่อใจในความสามารถ พึ่งพาเขา และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่ตนเองถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน

แต่ว่า…..

ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใด หากมีเพื่อนที่ดีค่อยให้การสนับสนุนก็ไม่จำเป็นต้องกลัว สิ่งที่น่ากลัวก็คือเพื่อนที่คอยให้การสนับสนุนนั้นดีพอหรือไม่ แต่ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน ชื่อเสียงของฝู่หลินไม่เพียงแค่อยู่ในความทรงจำของจักรพรรดิแต่ละประเทศอย่างชัดเจน แต่ยังฝังอยู่ในใจของประชาชนแห่งตงหลิงด้วย

หลักการที่ใช้คือ……ศัตรูหายตัวไปอย่างกะทันหันปรากฏตัวอีกครั้ง บุคคลลึกลับที่คอยบรรเทาภัยพิบัติยังคงออกมาให้ความช่วยเหลือต่อไป และผู้ลึกลับที่คอยออกมาบรรเทาภัยพิบัติผู้นี้เปิดเผยตัวตนว่าตนเองเป็นคุณชายของตระกูลสันโดษ คุณชายแห่งตระกูลฝู่

เมื่อข่าวแพร่ออกไป จักรพรรดิไม่เพียงแต่ไม่ขัดขวางเท่านั้น แต่เขากลับเห็นด้วย อาจถึงขั้นรับรู้ได้ว่าผู้ลึกลับที่ออกมาบรรเทาภัยพิบัตินั้นก็คือฝู่หลิน

พรที่ได้รับจากสวรรค์ในครั้งนี้ ฝู่หลินไม่ได้มีความสุขกับมัน แต่กลับไม่สบายใจด้วยซ้ำ โลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ทำไมผู้อื่นถึงยอมสูญเสียทรัพยากรเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่เขา แม้เหตุผลอาจจะบอกได้ว่าเป็นเพราะจักรพรรดิ แต่ผู้ซึ่งลงทุนโดยแท้จริงไม่มีทางเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน

อีกอย่าง ฝู่หลินเข้าใจดีว่าการกระทำของจักรพรรดิมีเหตุผลเพื่อชดเชยเขา แต่จุดประสงค์สำคัญก็คือการกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ เขากลายเป็นผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับ ในอนาคตก็ไม่มีผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับปรากฏตัวขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นเสด็จอาเก้าหรือตระกูลชุย ต่างไม่มีใครพูดถึงผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับผู้นี้ได้

ผู้ยิ่งให้ชอบควบคุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือตนเอง ผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับสำหรับจักรพรรดิแล้วเป็นหมากซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเสด็จอาเก้าและตระกูลชุยนำเรื่องของเขาออกมาพูด จักรพรรดิแอบเห็นด้วยอย่างไม่ลังเลกับการกระทำของเสด็จอาเก้าและตระกูลชุย ให้เขากลายเป็นผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับ กลายเป็นดาวเคราะห์น้อยภายใต้แสงสว่างอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ

ใช่ ดาวเคราะห์น้อย

ก่อนจักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้า ตัวตนของผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับนั้นทำให้ตงหลิงสั่นคลอนเป็นอย่างมาก แต่หลังจากจักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้า เขาก็ได้ข่าวว่าชื่อเสียงของผู้บรรเทาภัยพิบัติลึกลับนั้นด้อยลง เหมือนกับการโยนหินลงมหาสมุทร แม้จะเกิดระลอกคลื่น แต่ก็จะสงบลงโดยเร็ว แต่เขา……เป็นผู้แบบรับชื่อเสียงของผู้มีความเมตตาอันยิ่งใหญ่ แบกรับความหวังของประชาชนในตงหลิง ในอนาคตเขาจะต้องเป็นคนที่ไม่สามารถทิ้งชื่อไว้เพื่อทำความดีได้

คนแบบนี้ตายไป ไม่ว่าเขาจะพูดถึงจักรพรรดิเช่นไร ผลบุญของเขาก็จะสัมฤทธิผลหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว ต่อให้จักรพรรดิใส่ร้ายป้ายสีเขาขนาดไหนเขาก็สามารถทนได้ แต่หากเขามีชีวิตอยู่ เขามีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องถูกคนเหล่านี้บีบคั้นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง กลายเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ดังที่พวกเขาพูด

ขอแค่ฝู่หลินสามารถมีชีวิตอยู่ไปถึงวันนั้น เขาจะต้องกลายเป็นคนดีในสักวันหนึ่ง เป็นคนซึ่งไม่สามารถทำสิ่งที่ทำให้ประชาชนในใต้หล้าผิดหวังได้

ต้องบอกเลยว่าการโต้กลับครั้งนี้ของเสด็จอาเก้านั้นงดงามยิ่งนัก ผูกมัดเขาอย่างสมบูรณ์ กำหนดแนวทางการเป็นอยู่ให้กับเขา ทำให้เขาไม่มีพื้นที่ในการเติบโต

ฮึฮึฮึ……ฝู่หลินยิ้มอย่างขมขื่น

ไม่ว่าเขาจะสุดยอดและมีความสามารถมากแค่ไหน ในสายตาของจักรพรรดิเขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ในฐานะหมากแน่นอนว่าต้องถูกใช้ประโยชน์ จักรพรรดิปรารถนาใช้ประโยชน์จากเขา นั่นเป็นเพราะเขามีค่าควรแก่การรับใช้

เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เขากลายเป็นหมากบนกระดานเป็นอันเรียบร้อย ต่อให้เขาไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ฝู่หลินหลับตาลง เอนกายพิงรถม้าเพื่อพักผ่อนจิตใจ หลังจากนั้นไม่นานมีเสียงตะโกนดังขึ้นว่า “คุณชาย ถึงจวนเฟิ่งแล้ว”

ออกมาจากพระราชวัง คนแรกที่ฝู่หลินนึกถึงก็คือเฟิ่งชิงเฉิน ในเมืองของจักรพรรดิ นางเป็นคนเดียวที่เขารู้จัก อีกอย่างในตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังต้องการเขา

จากข้อความก่อนหน้านี้ เฟิ่งชิงเฉินรอเขาตั้งแต่แรก ทันทีที่ฝู่หลินมาถึง เฟิ่งชิงเฉินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง “คุณชายฝู่มาที่นี่ด้วยตัวเอง ชิงเฉินไม่ได้เตรียมการต้อนรับอย่างสมศักดิ์ศรี ขอคุณชายอย่าได้โกรธ”

รู้สึกแปลกกับการต้อนรับอย่างสุภาพ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดจาเลวร้ายกับฝู่หลิน และไม่ได้โกรธหรือเกลียดแต่อย่างใดที่ฝู่หลินใช้ประโยชน์จากนางเพื่อช่วยจักรพรรดิทำลายแผนของเสด็จอาเก้า แต่แล้วมันยังไง ฝู่หลินไม่ได้เป็นอะไรกับนาง นางมีสิทธิ์อะไรจะมาจัดการกับฝู่หลิน หากโทษก็ต้องโทษในความโง่เขลาของตนเอง

“แม่นาง……เฟิ่งชิงเฉิน นี่เจ้ากำลังทำเป็นไม่รู้จักข้าอยู่งั้นหรือ?” ตอนแรกฝู่หลินจะเรียกว่าแม่นางเฟิ่ง แต่เขาก็ไม่อยากจะดูห่างเหินกับเฟิ่งชิงเฉิน

จากมุมมองของฝู่หลิน เขาคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีกับเฟิ่งชิงเฉิน สิ่งที่เขาทำคือการทำลายผลประโยชน์ของเสด็จอาเก้า แต่การกระทำของเขาก็ไม่ได้ทำให้เสด็จอาเก้าได้รับผลกระทบมากมายอะไร เสด็จอาเก้าเองก็สามารถตอบโต้ได้ทุกเมื่อ

“จะเป็นไปได้อย่างไร ชิงเฉินจำไม่เคยลืม ผู้ซึ่งถูกขังอยู่ในทะเลเพลิงกับข้า รุกและถอยไปด้วยกัน ฝู่หลิน” คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นกำลังบอกว่านางรู้จักฝู่หลิน ในขณะเดียวกันก็กำลังบอกกับฝู่หลินว่า ฝู่หลินที่นางรู้จักคือผู้ที่มีจิตใจรอบคอบ ผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณธรรม ไม่ใช่ฝู่หลินที่กลายเป็นหมากของจักรพรรดิ ฝู่หลินในสภาพแบบนี้สำหรับนางแล้วถือว่าเป็นคนแปลกหน้า

“ชิงเฉิง ข้ากับเจ้าไม่มีผลประโยชน์อะไรทับซ้อนกัน ข้ายังคงเป็นฝู่หลินคนเดิม” จากเฟิ่งชิงเฉินเหลือเพียงชิงเฉิง ฝู่หลินเดินเข้ามาอย่างคุ้นเคยพร้อมหยิบแก้วชาสาวใช้มอบให้ ฝู่หลินจิบมันเข้าไป พอใจกับรสชาติของมันเป็นอย่างมาก

ฝู่หลินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขาเคยได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบดื่มชา ชาในจวนรสชาติแย่มาก แต่เมื่อลองได้ชิมดูแล้วกลับพบว่ามันไม่เหมือนกับที่ร่ำลือกัน ข่าวลือมันฆ่าคนได้จริงๆ

ไม่รู้ว่าผู้ซึ่งสามารถเข้ามาดื่มชาในจวนเฟิ่งได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และคนอย่างฝู่หลินก็ถือเป็นคนพิเศษ จวนเฟิ่งยกเขาเป็นแขกคนสำคัญ ต้อนรับและปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ

“ไม่ เจ้าคือฝู่หลินตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้เป็นข้าเองที่ไม่เข้าใจ” เฟิ่งชิงเฉินใช้ท่าทางของการดื่มชาหลบซ่อนอารมณ์ในดวงตาของนาง

ใช่ ฝู่หลินทำทั้งหมดก็เพื่อตระกูลของเขา แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับการเป็นศัตรูกับพวกเขาหรือไม่ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาแค่ทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง แต่สิ่งเดียวซึ่งแตกต่างก็คือจุดยืนที่ต่างกัน

นางไม่มีทางเกลียดฝู่หลิน แต่นางก็ไม่มีทางกลับไปเชื่อใจฝู่หลินเช่นกัน

“ชิงเฉิน เจ้ารู้สถานะของข้าแล้วงั้นหรือ?” ตอนนี้ฝู่หลินไม่เชื่อความสามารถในเรื่องการเก็บความลับของจักรพรรดิ ฟังจากน้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉิน นางน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นและแม้แต่เฟิ่งชิงเฉินยังรู้ แบบนั้นอีกไม่นานจักรพรรดิของทั้งสามประเทศก็น่าจะรู้เช่นกัน

น้ำในแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ชั่งลึกล้ำ ไม่ใช่ว่าเขาก้าวลงไปโดยไม่รู้ความลึก แต่เมื่อก้าวลงไปแล้วน้ำกลับกลายเป็นโคลน

“แค่มีบุคคลที่สองรับรู้ เรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป” ฝู่หลินน่าจะคิดไม่ถึง ในตอนแรกที่เสด็จอาเก้าได้พบกับเขาก็รู้ถึงสถานะของเขาในทันที และตัวตนของฝู่หลินก็เป็นสิ่งซึ่งเสด็จอาเก้าเผยแพร่ออกมา

เสด็จอาเก้า เขาไม่ยอมให้ฝู่หลินหลบซ่อนอยู่ในความมืด

“ข้าประเมินเขาสูงไป…..” ฝู่หลินส่ายหน้าพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมา

นี่ไม่ใช่ราชวงศ์ก่อน ไม่ใช่ตระกูลหลานผู้ซึ่งมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ในแผ่นดินจิ่วโจว นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ยังไม่สมบูรณ์ในใต้หล้า ต่อให้จักรพรรดิตงหลิงคิดปกป้องเขาก็ยังไม่มีอำนาจมากพอ เขาต้องปกป้องตนเอง ต้องมีกำลังเพียงพอเพื่อปกป้องตนเอง

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา มองจากท่าทางของฝู่หลินก็รู้แล้วว่าเขาไม่ได้ภักดีกับจักรพรรดิมากถึงขนาดนั้น “เลิกพูดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว คุณชายฝู่มาที่นี่ด้วยตัวเอง มีเรื่องอันใดงั้นหรือ?”

“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วมาหาเจ้าไม่ได้หรือไง? เจ้าคือคนผู้เดียวที่ข้ารู้จักในพระราชวังแห่งนี้” ฝู่หลินมีเรื่องจึงเดินทางมาที่นี่ แต่ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากเฟิ่งชิงเฉิน มันเป็นการให้ความช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉินมากกว่า

“ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง คุณชายฝู่เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในพระราชวังตอนนี้ ทุกคนต่างอยากเชิญคุณชายฝู่มาเป็นแขก ชิงเฉินเองก็เช่นกัน” แน่นอนผู้ส่งคำเชิญมายังฝู่หลินล้วนแต่เป็นผู้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับจักรพรรดิ คนพวกนั้นอยากได้ประโยชน์จากเขา ไม่มีใครเชื้อเชิญออกมาด้วยความจริงใจ ฝู่หลินไม่มีทางตอบรับคำเชิญอยู่แล้ว

“คำพูดนี้ของเจ้าดูไม่จริงใจเลยสักนิด” เขาก็แค่ยืนอยู่ข้างเดียวกับจักรพรรดิเพื่อเอาชนะเสด็จอาเก้าเพียงครั้งเดียวไม่ใช่หรือไง เฟิ่งชิงเฉินมองด้วยความระมัดระวัง ฝู่หลินแบะปากด้วยความไม่พอใจ เขายังคงชอบเฟิ่งชิงเฉินผู้มีความกล้าหาญเหมือนที่ผ่านมา

กำแพงเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ได้ปิดกั้นอารมณ์ของผู้คนไว้ภายใน

“ข้าพูดออกมาด้วยความจริงใจ แต่ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก จึงไม่มีเวลาดูแลคุณชายฝู่” คำพูดนี้เป็นความจริง ปัญหากวนใจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฟิ่งชิงเฉินจึงจำเป็นต้องแก้ไขอยู่ตลอดเวลา

ก่อนอื่นก็เรื่องของชุยห้าวถิง จากนั้นก็ต้องรับมือกับเซวียนเส้าฉี แนะนำให้เขากลับเผ่าเสวียนเซียวกงไป ต่อมา……นางต้องทำพิธีศพให้พ่อแม่ของนาง และตอนนี้นางยังไม่ได้เลือกสถานที่ด้วยซ้ำ

เมื่อวาน ทางฝ่ายขององค์รัชทายาทได้ส่งข่าวมาอีกครั้ง บอกว่าหิมะหยุดตกแล้ว การแข่งขันของนางกับซูโหยวจะเริ่มขึ้นอีกภายในสองวันหลังจากนี้ บอกให้นางเตรียมตัวให้พร้อม

เตรียมตัวให้พร้อม เตรียมตัวให้พร้อมบ้าบออะไร ตระกูลซูกำลังล้อเล่นกับโชคร้ายของนางใช่หรือไม่ ก็เห็นอยู่ว่านางกำลังจัดพิธีศพให้กับพ่อแม่ของนาง แต่ยังกลับมาสร้างปัญหาเพิ่มให้นาง เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนอยากนำแส้ไปฟาดหน้าหนานหลิงจิ่นฝาน

ฝู่หลินสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังยุ่งเรื่องอะไร เขาจึงมาหาถึงบ้าน “ชิงเฉิน วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหาให้กับเจ้า แต่ข้ามาเพื่อช่วยเหลือเจ้า”

“ช่วยข้า?”

“ใช่ ช่วยเหลือเจ้า” ฝู่หลินพยักหน้า “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนของข้า ก็น่าจะเข้าใจว่าข้ามีความสามารถทางด้านใด หากเจ้าเชื่อข้า จะให้ข้าช่วยหาสถานที่ฮวงจุ้ยดีให้พ่อแม่ของเจ้าหรือไม่?”

ทายาทของอารามเทพดูฮวงจุ้ยเป็นด้วยงั้นหรือ?

“สถานที่ฮวงจุ้ยดี? สถานที่ซึ่งสามารถปกปักรักษาลูกหลานรุ่นหลังได้ใช่หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินถามกลับไป แม้ว่านางจะไม่ได้มีความเชื่อเรื่องพวกนี้มากสักเท่าไหร่ แต่นางเข้าใจว่าจำเป็นต้องเลือกหลุมฝังศพที่ดีเพื่อปกป้องรักษาโลงศพและกระดูกไว้ได้เป็นอย่างดี ในสายตาของนางสถานที่แห่งนั้นก็คือสถานที่ซึ่งมีฉวงจุ้ยดี

การเลือกสุสานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือกสุสานให้พ่อและแม่ของนางเท่านั้น แต่ยังเป็นการเลือกสุสานให้คนรุ่นหลังของตระกูลเฟิ่งอีกด้วย แม้ว่านางจะไม่แต่งงาน แต่ก็สามารถมีลูกหลานได้ นางเป็นคนที่รักษาประเพณีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรนางต้องมีผู้สืบทอดแซ่เฟิ่ง เพื่อสืบทอดสกุลเฟิ่งของนางต่อไป

“ชิงเฉิน เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าก็ไม่ใช่คนที่อ้างว่าตนเองมีความสามารถแล้วมาหลอกให้เจ้าดีใจ ดังนั้นสถานที่ฮวงจุ้ยดีนั้นเป็นสถานที่พิเศษ สามารถปกป้องรักษาโลงศพและกระดูกคนตายได้นานกว่าปกติ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยป้องกันการรบกวนของโจร” คำพูดของฝู่หลินไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าสิ่งที่ฝู่หลินต้องการมอบให้นั้นน่ารับไว้เป็นอย่างมาก แต่ว่า……

บนโลกใบนี้มีอะไรที่ได้มาโดยไม่ต้องตอบแทน?

“เจ้าต้องการอะไร?” ถูกฝู่หลินหลอกใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง นางไม่มีทางปล่อยให้ตนเองถูกหลอกใช้เป็นครั้งที่สอง ข้อเสนอการเลือกสุสานให้ของฝู่หลินนั้นตรงกับความต้องการของนางทุกอย่าง หลายวันที่ผ่านมานางปวดหัวกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก

นางต้องการหาสถานที่ที่ดีให้พ่อแม่ของนาง ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนพ่อแม่ของนาง นางรับไม่ได้หากมีใครมาขุดกระดูกพ่อแม่ของนางไป แต่หมอดูฮวงจุ้ยที่นางตามหาในช่วงหลายวันที่ผ่านมาต่างดีแต่พูด สถานที่ที่แนะนำให้นางต่างไม่เป็นที่พอใจ

พูดคุยกับคนฉลาดนั้นง่ายมาก ฝู่หลินจึงบอกความต้องการของเขาออกโดยตรง “ข้าหวังว่า……”

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท