นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 729 บังเอิญ เป็นหมอหรือคนฆ่าสัตว์

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ประกายไฟสาดส่อง จิตสังหารเพิ่มพูน ซีหลิงเทียนเหล่ยหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมกับรอยยิ้มบนริมฝีปาก จากนั้นเอ่ยปากโยนความผิดให้กับเฟิ่งชิงเฉินทันที “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าเจ้าจะไม่ไปช่วยเหยาหวาใช่หรือไม่? แม้ข้าจะมาเชิญเจ้าด้วยตนเอง เจ้าก็จะไม่ไปงั้นหรือ?”

“ทำให้ข้าอับอายในที่สาธารณะ แสร้งทำว่าจะตายต่อหน้าโลงศพพ่อแม่ของข้า ทำไม ทำร้ายตัวเองมากเกินไปจนได้รับบาดเจ็บกลับมาขอความช่วยเหลือจากข้า องค์รัชทายาทเหล่ย ราชวงศ์ซีหลิงของพวกเจ้าทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายอยู่มากมายขนาดนี้ จะรังแกผู้อื่นมันก็ต้องมีขอบเขต” ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจความแตกต่างของสถานะ นางโต้เถียงกลับไปอย่างประชดประชัน

หากต้องการให้นางช่วยเหลือองค์หญิงเหยาหวา นางว่าให้นางกินแมลงวันเข้าไปยังรู้สึกน่าขยะแขยงน้อยกว่า นางเกรงว่า…..เกรงว่าตอนที่ตนเองกำลังรักษาซีหลิงเหยาหวา มือของนางถือมีดผ่าตัด กลัวทิศทางของมีดจะผิดไป ปาดคอของซีหลิงเหยาหวาโดยตรง

“เฟิ่งชิงเฉิน ไม่รู้ว่าเจ้ากล้าดียังไงถึงพูดเช่นนี้ออกมา เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถฝังเจ้าได้ทั้งเป็น” คำพูดนี้ของซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นแค่คำขู่เท่านั้น หากเป็นเมื่อก่อนอาจจะพอมีความจริงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ล่ะ?

ด้วยชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงในตอนนี้ แม้แต่ราชวงศ์ซีหลิงเองก็ไม่กล้าเข้ามาแตะต้องเฟิ่งชิงเฉินสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าน้อยในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีทางกล้าอย่างแน่นอน

“เชื่อ แน่นอนว่าข้าเชื่อ องค์รัชทายาทแห่งซีหลิงต้องการสังหารข้าที่เป็นแค่หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่องค์รัชทายาทเหล่ย แม้แต่จักรพรรดิยังต้องใช้เหตุผล แสดงว่าการที่เจ้าจะสังหารข้า ข้าเองก็ต้องมีความผิด หรือความผิดของข้าคือการไม่ยอมช่วยองค์หญิงเหยาหวา?”

ข้าเคยได้ยินมาว่าการฆ่าคนนั้นมีความผิด แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการไม่ช่วยเหลือคนจะมีความผิด ไม่รู้ว่าทางซีหลิงตั้งกฎหมายข้อนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ องค์หญิงเหยาหวาป่วย ข้าเฟิ่งชิงเฉินจำเป็นต้องให้การรักษา หากไม่ให้การรักษาข้าจะมีความผิด

ชิ จักรพรรดิไม่เคยใช้เหตุผลมี แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าจักรพรรดิไร้เหตุผล

“เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะไม่ไปช่วยรักษาเหยาหวาใช่หรือไม่?” ซีหลิงเทียนเหล่ยมองข้ามเรื่องที่ไร้ประโยชน์ของตนเองและดึงกลับมายังหัวข้อหลัก ตอนแรกคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางไปอย่างแน่นอน เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจะเปลี่ยนไป

“องค์รัชทายาทเหล่ย ในเมื่อเจ้ากระตือรือร้นที่จะมาเชิญข้าไปช่วยองค์หญิงเหยาหวาด้วยตนเอง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้ นอกเสียจากองค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าจะเห็นด้วยว่า ไม่ว่าองค์หญิงเหยาหวาจะเป็นหรือตาย เรื่องทั้งหมดจะไม่เกี่ยวข้องกับข้า ในตอนที่ข้าช่วยองค์หญิงเหยาหวา หากองค์หญิงเหยาหวาสิ้นลมหายใจ เจ้าก็ห้ามมาถามถึงความรับผิดชอบจากข้า”

เฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจะกล้ารับปาก ขนาดนางเองยังไม่กล้ารับประกันว่าระหว่างกระบวนการรักษา นางจะไม่พลั้งมือฆ่าเหยาหวา แล้วซีหลิงเทียนเหล่ยจะเชื่อใจนางได้อย่างไร

“เจ้า……” เฟิ่งชิงเฉินเดาถูก ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่กล้าเดิมพัน

ข้อแรก อาการของเหยาหวายังไม่หนักถึงขั้นว่ามีเพียงเฟิ่งชิงเฉินคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรักษาได้ ข้อสอง จากเรื่องที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเหยาหวาได้รับความเวทนาจากตงหลิงจื่อชุน เหยาหวายังมีประโยชน์ หากนางตายลงด้วยเนื้อมือของเฟิ่งชิงเฉิน แบบนั้นจะเสียหายเป็นอย่างมาก

แต่หากซีหลิงเทียนเหล่ยปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปแบบนี้ เขาไม่มีทางทำใจได้ ทั้งสองคนสู้กันด้วยสายตา ตงหลิงจื่อชุนรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายหนาวสั่น เขาอยากเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทพผู้สังหารทั้งสอง นอกจากอ้าปากเขาก็พูดอะไรไม่ออก

ในตอนนั้นเอง ซุนซือสิงถือกล่องยาเดินเข้ามา “อาจารย์……”

แค่เอ่ยปากก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศนั้นผิดปกติ ซุนซือสิงหันไปมองซีหลิงเทียนเหล่ยและตงหลิงจื่อชุน หลังพบว่าทั้งสองคนกำลังรังแกอาจารย์ของตนเอง แววตาอันใสสะอาดของเขาเต็มไปด้วยความโกรธทันที

หมอทึ่ม สมแล้วที่เป็นหมอทึ่ม สัมผัสไม่ได้ถึงจิตสังหารที่แพร่ออกมาจากร่างกายของซีหลิงเทียนเหล่ยและตงหลิงจื่อชุนด้วยซ้ำ พุ่งเข้าไปโดยตรง ขวางอยู่ด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน “องค์……องค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เห็นได้ชัดว่าถูกตกใจกับความแข็งแกร่งของซีหลิงเทียนเหล่ย แต่ซุนซือสิงก็ยังคงระงับความกลัว เผชิญหน้าต่อไป

อาจารย์ของเขาเพิ่งจะส่งแม่ทัพเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยินไปสู่สุคติ อารมณ์ของนางตกต่ำ คนพวกนี้ยังมาสร้างปัญหา ข้าว่ามันทำเกินไป

“ข้ากับชุนอ๋องมาที่นี่เพื่อเชิญอาจารย์ของเจ้าไปช่วยชีวิตคน” ซีหลิงเทียนเหล่ยพูดความประสงค์ของตนเองที่มาที่นี่ออกไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ลากตงหลิงจื่อชุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ในที่สุดตอนนี้ตงหลิงจื่อชุนก็มีโอกาสพูดออกมาแล้ว กล่าวอ้อนวอนออกมาว่า “ชิงเฉิน ข้ารู้เจ้ากับเหยาหวามีความขัดแย้งกัน แต่ขอให้เจ้าเห็นแก่เด็กที่ยังไม่ได้เกิดมา ช่วยทำการรักษาเหยาหวาด้วยเถิด”

ตงหลิงจื่อชุนรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เต็มใจช่วยเหลือเหยาหวา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเปิดไพ่ตายอันน่าเศร้า แต่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันเอ่ยปาก ซุนซือสิงก็พูดขึ้นมาก่อนแล้วว่า

“อะไรนะ? พวกเจ้าจะให้อาจารย์ของข้าไปช่วยองค์หญิงเหยาหวา? พวกเจ้าจะมากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงเหยาหวาจะเป็นหรือตายมันเกี่ยวอะไรกับอาจารย์ของข้า? นางเป็นคนไม่รักชีวิตของตนเอง ทำให้ชีวิตของตนเองและเด็กต้องเสื่อมเสีย ยังมีหน้าจะให้อาจารย์ของข้าไปช่วยนาง นี่มันเหตุผลอะไรของพวกเจ้า”

องค์รัชทายาทเหล่ย ชุนอ๋อง ข้าจะบอกพวกเจ้าเอาไว้ ไม่ต้องพูดว่าอาจารย์ของข้าสามารถช่วยเหลือองค์หญิงเหยาหวาได้หรือไม่ ถึงต่อให้ช่วยได้ อาจารย์ของข้าก็ไม่มีทางไปอย่างแน่นอน พวกเจ้าอย่ารังแกคนอื่นให้มากเกินไป ต่อให้พวกเจ้าเป็นองค์รัชทายาทก็ไม่สามารถมาสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ของข้า ในวันที่นางส่งพ่อและแม่ไปสู่สุคติ

ในพระราชวัง เมื่อพ่อแม่ของหมอหลวงตา สามารถหยุดไว้ทุกข์ได้สามปี แต่พวกเจ้ามันอะไรกัน ทำไมถึงได้มาหาอาจารย์ของข้าที่เพิ่งทำพิธีศพของพ่อแม่ในวันนี้ ไปรักษาผู้ป่วย พวกเจ้านี่มันอะไรกัน……”

ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ซุนซือสิงก็มีความกล้าหาญขึ้นมา แต่การกระทำของซีหลิงเทียนเหล่ยนั้นมันรังแกกันมากเกินไป เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงเหยาหวาอุ้มท้องของตนเพื่อมาสร้างปัญหาให้เฟิ่งชิงเฉิน สุดท้ายทำไม่สำเร็จกลับหันมาขอร้องให้เฟิ่งชิงเฉินไปรักษา นี่พวกเขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่มนุษย์หรืออย่างไร

การกระทำเช่นนี้มันเหมือนกับว่า ตบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแล้วหันไปถามองค์หญิงเหยาหวาว่าเจ็บหรือเปล่า มัน มันเกินไปจริงๆ

กระต่ายตกใจยังกล้ากัดคน แต่นี่ซุนซือสิงไม่ใช่กระต่าย

“ช่วยชีวิตคนหนึ่งคน บุญกุศลของมันมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เฟิ่งชิงเฉินจัดพิธีศพให้พ่อแม่ของนางในวันนี้ การช่วยชีวิตเหยาหวาก็ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ที่ส่งให้พ่อแม่ของนางไปสู่สุคติ มันมีอะไรไม่เหมาะสมกัน” ซีหลิงเทียนเหล่ยหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ หันเข้าหาปัญหาเล็ก พูดถึงเรื่องคุณธรรม แต่เขาแอบได้ยินคำพูดรั่วไหลมาจากซุนซือสิง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ไม่ช่วย แต่ช่วยไม่ได้

“จริงอยู่ว่าการช่วยเหลือคนนั้นได้บุญกุศล แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ของข้าไม่สามารถสะสมบุญกุศลในวันนี้ได้ มือของนางได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยชีวิตคนได้” ซุนซือสิงยกมือขวาที่ได้รับบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินขึ้น ภายใต้สายตาของซีหลิงเทียนเหล่ยและตงหลิงจื่อชุน “ดูให้เต็มตา อาจารย์ของข้ายังต้องการคนช่วยเหลืออยู่เลย ตอนนี้นางไม่มีความสามารถที่จะไปช่วยองค์หญิงเหยาหวา พวกเจ้าที่มีปัญญาสูงน่าจะเข้าใจ”

ซุนซือสิงเหมือนกับราชสีห์น้อย เพื่อปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน เขาบังคับให้ตนเองใช้กรงเล็บอันแหลมคมออกมา

หากเป็นเวลาปกติ ซุนซือสิงคงพอแต่เพียงเท่านี้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหา แต่การที่มาสร้างเรื่องในวันนี้ จะให้ไม่โกรธและทำเหมือนวันธรรมดาก็คงไม่ได้

“มือของเจ้าได้รับบาดเจ็บ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?” ตงหลิงจื่อชุนก้าวไปด้านหน้าด้วยความเป็นห่วง แม้ว่ามือของเฟิ่งชิงเฉินจะถูกพันไว้ด้วยผ้าขาว แต่ก็ยังแอบเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมา

“พูดออกไปแล้วได้อะไร? องค์รัชทายาทเหล่ยกับชุนอ๋องจะสนใจความเป็นความตายของเฟิ่งชิงเฉินอย่างนั้นหรือ? องค์รัชทายาทเหล่ยเจ้าเองก็เห็นแล้ว พวกเจ้าต้องการให้ข้าไปช่วยคนอื่น ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่ข้าช่วยไม่ได้ หากองค์รัชทายาทเหล่ยบังคับให้ข้าไปช่วยคน งั้นก็ทำตามวิธีที่ข้าบอก ขอแค่เจ้าเขียนทุกอย่างไว้ชัดเจน ว่าหากองค์หญิงเหยาหวาตายจะไม่สร้างความลำบากให้กับข้า ข้าก็จะไปทันที ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักชีวิตตนเอง อีกอย่างมือของข้าก็ผ่านมาหลายชีวิตแล้ว จะมากหรือน้อยลงอีกสักหนึ่งชีวิต สำหรับข้าแล้วมันก็เหมือนกัน” คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน ประมาณอยากจะบอกว่า หากซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการให้นางไปช่วย องค์หญิงเหยาหวาจะต้องตายอย่างแน่นอน

ต่อให้มีชีวิต เฟิ่งชิงเฉินก็มีความสามารถรักษานางจนตายได้

“มือของเจ้ามีแผลเพียงเล็กน้อย ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการช่วยเหยาหวา” ซีหลิงเทียนเหล่ยยังคงดิ้นรนต่อไป

แผนการอันยอดเยี่ยมทั้งสองถูกเฟิ่งชิงเฉินทำลายแล้ว เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือของเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นแผลได้อย่างไร มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า หรือว่านางรู้ตั้งแต่แรกแล้ว? ตามเหตุผลมันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

“ไม่มีผลกระทบ? ใครบอกไม่มีผลกระทบ? องค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าไม่ใช่หมอ ไม่เข้าใจก็อย่าแสดงความคิดเห็นออกมา ตอนนี้อาการขององค์หญิงเหยาหวา คือเด็กตายอยู่ในครรภ์แล้วไม่สามารถนำออกมาได้ใช่หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินแสดงให้เห็นด้านที่แข็งแกร่งของนาง รัศมีแพร่ไปทางตงหลิงจื่อชุน

ช่วยไม่ได้ อ่อนแอก็แพ้ไป ซีหลิงเทียนเหล่ยและตงหลิงจื่อชุนสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าตงหลิงจื่อชุนนั้นง่ายต่อการรังแกมากกว่า

“ใช่” ตงหลิงจื่อชุนพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

เจ้านี่ถูกหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง……

“พวกเจ้าเชิญข้าไป ก็หวังให้ข้านำเด็กที่ตายอยู่ในท้องขององค์หญิงเหยาหวาออกมาใช่หรือไม่?” คำถามของเฟิ่งชิงเฉินนั้นมุ่งเป้าไปที่ตงหลิงจื่อชุน และตงหลิงจื่อชุนก็ทำได้แค่ตอบกลับมาว่าใช่หรือไม่เท่านั้น

“ใช่”

“งั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่า เด็กที่ตายอยู่ในท้องต้องนำออกมาอย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลาให้ตงหลิงจื่อชุนคิดแม้แต่น้อย

เคยเห็นทนายความเกลี้ยกล่อมพยานในศาลหรือไม่? เฟิ่งชิงเฉินกำลังทำเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินยิงคำถามไปยังตงหลิงจื่อชุนอย่างจริงจัง ทำให้ตงหลิงจื่อชุนตอบคำถามไปตามทางที่นางปูไว้

“ไม่รู้” ตงหลิงจื่อชุนเหมือนเด็กน้อยน่ารัก เฟิ่งชิงเฉินถามอะไรเขาก็ตอบกลับไปอย่างนั้น

ไม่รู้ก็ดีแล้ว หากเจ้ารู้แบบนั้นเจ้าก็รู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่

แววตาของเฟิ่งชิงเฉินส่องประกาย รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความดูถูก หันไปมองซีหลิงเทียนเหล่ย โค้งตัวและกล่าวว่า “องค์รัชทายาทเหล่ย ชุนอ๋อง ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้ว่าจะต้องนำเด็กตายอยู่ในท้องขององค์หญิงเหยาหวาออกมาอย่างไร งั้นข้าจะบอกพวกเจ้าเอาไว้ เด็กที่ตายอยู่ในท้องขององค์หญิงเหยาหวานั้นไม่สามารถนำออกมาได้ ดังนั้นจึงต้องฝืนนำมันออกมา แล้วจะฝืนมันได้อย่างไร?

ง่ายมาก ก็แค่นำมีดกรีดลงไปบนท้องน้อยของนาง สร้างช่องว่างขึ้นมาหนึ่งช่อง หลังจากนั้นก็นำมือเข้าไป ควักเด็กที่ตายอยู่ในท้องออกมา และในกระบวนการนี้ข้าจำเป็นต้องใช้สองมือ มือข้างหนึ่งของข้าต้องถือมีดกรีดบนท้องของนาง ส่วนอีกข้างต้องล้วงเข้าไปในท้องเพื่อนำเด็กออก องค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าว่ามือที่บาดเจ็บอยู่ของข้าจะมีผลกระทบหรือไม่?”

“อึก……อึก……” เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันพูดจบ ตงหลิงจื่อชุนนำมือขึ้นมาปิดปากและทำท่าทางเหมือนจะอาเจียน

น่าขยะแขยง มันน่าขยะแขยง เฟิ่งชิงเฉินพูดได้น่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก แถมยังน่ากลัวอีกต่างหาก ตงหลิงจื่อชุนพบว่าขนบนร่างกายของตนตั้งขึ้น รู้สึกปวดตรงท้องน้อย

ซีหลิงเทียนเหล่ยก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาซีด และอดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมา

อะไรคือการนำมีดผ่าท้องน้อย จากนั้นนำมือเข้าไปนำเด็กออกมา มีวิธีการรักษาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?

เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ายังทำตัวน่ารังเกียจมากกว่านี้อีกได้ไหม?

ได้……

เฟิ่งชิงเฉินเห็นซีหลิงเทียนเหล่ยไม่พูดอะไร จึงพูดเสริมออกมาอีกว่า “องค์รัชทายาทเหล่ย แม้มือของชิงเฉินจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่มันส่งผลกระทบต่อความยืดหยุ่นของมือ หากในตอนที่นำเด็กออกมาจากช่องท้อง ไม่ระวังจนทำให้ลำไส้ออกมาด้วย แบบนั้นเท่ากับว่าชิงเฉินได้ทำผิดอย่างร้ายแรง องค์รัชทายาทเหล่ย เจ้ายังแน่ใจอยู่ไหมว่าจะให้ข้าทำการรักษาองค์หญิงเหยาหวา? หากยังต้องการอยู่ งั้นชิงเฉินก็จะยอมไปด้วย”

“ไม่ ไม่ ไม่……ไม่ต้อง” ไม่ง่ายเลยกว่าตงหลิงจื่อชุนจะหยุดอาเจียน เงยหน้าขึ้นก็ได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดอะไรเกี่ยวกับการนำลำไส้ออกมา ก็อาเจียนอีกครั้ง

เฟิ่งชิงเฉิน นางเป็นหมอหรือว่าเป็นคนฆ่าสัตว์กันแน่?

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท