ร้ายยิ่งกว่าโจร แถมยังโหดเหี้ยม เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในค่ายทหารมานานหลายปี ไม่ได้ต่างอะไรกับทหารมากมายนัก นางเอาจริงขึ้นมา ชายร่างใหญ่เหล่านี้ก็ไม่คู่ควรที่จะมายืนอยู่ด้านหน้าของนาง
เฟิ่งชิงเฉินเก็บปืน นำกริชที่เหน็บอยู่ข้างขาออกมาเล่มหนึ่ง ฟาดฟันไปบนอากาศสองสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็เฉียดผ่านไปหน้าของเหล่าชายร่างใหญ่ หลังจากทำให้เหล่าชายร่างใหญ่หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเซียว เฟิ่งชิงเฉินดึงกริชของนางกลับมาด้วยความพอใจ และโยนมันเล่นบนมือของนาง……
กริชเล่มสั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก มีแสงอันเยือกเย็นเปล่งประกายออกมาจากมัน ทำให้ผู้คนสั่นเทา โดยเฉพาะท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังเล่นกริช มันเต็มเปี่ยมไปด้วยการข่มขู่และความน่าหวาดกลัว
มองดูการเคลื่อนไหวนั้น……งดงามมาก แต่เมื่อว่ากริชเล่มนี้จะทำร้ายตนเอง ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
ลองคิดดู หากมีคนนำกริชอันเยือกเย็นมาวางใจที่คอของเจ้า ปาดซ้ายปาดขวา ราวกับสามารถสังหารเจ้าได้ในทุกวินาที เจ้าจะรู้สึกอย่างไร?
กลืนน้ำลาย และไม่กล้าแม้แต่ขยับ
ชายทั้งห้าคนเป็นเหมือนกัน ปล่อยมือที่กุมบาดแผลออก แต่ละคนมองมายังเฟิ่งชิงเฉินด้วยความไม่สบายใจ กลัวว่าวินาทีถัดมากริชในมือของเฟิ่งชิงเฉินจะมาอยู่ที่คอของพวกเขา
“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” ในหมู่ของชายร่างใหญ่ ชายผู้ซึ่งดูเหมือนหัวหน้าถามออกมาด้วยความกล้า
“ไม่ได้ทำอะไร แค่อยากถามอะไรเจ้าสักข้อ” เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาอันแสนลึกล้ำของนางเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ดวงตาอันแหลมคมของนางเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ ในตอนนี้ทำให้ผู้คนมองข้ามบาดแผลบนใบหน้าของนาง
ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะสง่างามและนิ่งสงบแค่ไหน แต่เนื้อแท้ของนางก็เป็นเช่นนี้ ถือกล่องยาฝ่าดงกระสุนในสนามรบ กลับมาอย่างสะบักสะบอม ช่วยชีวิตทหารให้รอดพ้นจากความตาย เป็นหญิงผู้เย่อหยิ่งและเย็นชา เย็นชาเสียยิ่งกว่าอากาศด้านนอกในตอนนี้
“เจ้าจะถามอะไร?” ชายร่างใหญ่เสียใจจนอยากร้องไห้ เพื่อจะถามออกมาหนึ่งข้า ถึงกับต้องทำให้มือของพวกเขาทั้งห้าต้องบาดเจ็บ แบบนี้มันช่างโอหังเหลือเกิน แต่……พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร สายลับที่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเหล่านั้นพวกเขาสัมผัสได้ คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่พวกเขาจะรับมือได้
“เห็นม้าตัวนั้นหรือไม่? ชายผู้สวมชุดสีฟ้าที่ขี่มันมาอยู่ที่ไหน?” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังม้าที่อยู่ด้านนอก ม้าตัวนั้นเป็นม้าของเสด็จอาเก้า ม้าถูกผูกไว้ด้านนอก นั่นแสดงว่าเสด็จอาเก้าเองก็ต้องอยู่ที่นี่
“ผู้ชายคนนั้นข้าพอจะจำได้ รัศมีของชายคนนั้นแข็งแกร่ง ตอนที่เขาเดินเข้ามาไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา ข้าเองก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเข้ามาดื่มชา เขาก็ไล่ตามคนของยุทธจักรกลุ่มหนึ่งไป อ่า ใช่แล้ว คนกลุ่มนั้นจับสาวน้อยไปนางหนึ่ง สาวน้อยผู้นั้นแต่งกายแปลก ๆ หลังจากคนกลุ่มนั้นจากไป ชายผู้ใส่ชุดสีฟ้าคนนั้นก็ไล่ตามไป ส่วนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าเองก็ไม่รู้”
ชายร่างใหญ่เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา เฟิ่งชิงเฉินเองก็เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เชื่ออะไรมาก เสด็จอาเก้าจะตามคนเหล่านั้นไปเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว เรื่องนี้มันแปลกเกินไป
“เป็นไปได้อย่างไร?” ขณะเฟิ่งชิงเฉินพูดคำน่าสงสัย ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาว่า “นี่ พี่ชายสุดหล่อ ท่านรอข้าหน่อยไม่ได้หรือไง ท่านลงมือช่วยข้าไว้ เป็นเพราะชอบข้าใช่หรือไม่? ท่านไม่พูดอะไร งั้นข้าจะคิดว่าท่านชอบข้า ฮ่าฮ่าฮ่า……ว่าแล้วข้าได้เจอคนถูกใจอย่างที่คิด……”
เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นไปมอง นางเห็นเสด็จอาเก้าและผู้หญิงในชุดผ้าฝ้ายสีม่วงกำลังเดินไปที่โรงน้ำชา เสด็จอาเก้าเดินหน้าดำอยู่ด้านหน้า ผู้หญิงในชุดผ้าฝ้ายสีม่วงวิ่งตามมาด้านหลัง แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดงด้วยความหนาวเย็น ดวงตาคู่นั้นกลอกไปกลอกมา ดูฉลาดปราดเปรื่อง ทำให้ผู้คนนึกถึงสิ่งมีชีวิตบางชนิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ท่อนบนของผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อสีม่วงแบบแมนจู ท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวผ้าฝ้ายสีดำ ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้หญิงสวมกระโปรงยาว ผู้ชายสวมเสื้อคลุมยาว การสวมเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนทั้งชายและหญิงมันดูแปลกประหลาด ราวกับว่าไม่เลือกสักทาง
ดวงตาจับจ้องไปยังกางเกงของหญิงสาวชุดสีม่วง เฟิ่งชิงเฉินกะพริบตาด้วยความตื่นตัว นางแกว่งกริชในมือและพูดกับชายร่างใหญ่ทั้งห้าว่า “พวกเจ้าไปได้แล้ว”
“พวกข้าไปได้แล้ว? ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นางมาก” ชายทั้งห้าได้ยินเช่นนั้น พวกเขากลิ้งและวิ่งออกไปทันที ในตอนที่ไปถึงหน้าประตู เฟิ่งชิงเฉินก็เอ่ยปากออกมาอีกครั้งว่า “เดี๋ยวก่อน……”
“แม่นาง?” ชายร่างใหญ่มองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความกลัว กลัวเฟิ่งชิงเฉินจะทำอะไรพวกเขา
“เอานี่ไป ไปหาหมอ มือของพวกเจ้ายังสามารถรักษาได้ หลังจากนี้อย่าไปรังแกใครอีก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพูดดีกับพวกเจ้าเช่นนี้” เฟิ่งชิงเฉินนำแผ่นเงินกระดาษออกมาหนึ่งใบ คิดจะโยนแผ่นเงินออกไปเหมือนกับที่เคยเห็นยอดฝีมือทำ แต่……
แผ่นเงินเบามาก นางเองก็มีเรี่ยวแรงไม่มาก ทำให้แผ่นเงินร่วงลงพื้น
เฮ้อ ทีวีช่างหลอกลวงผู้คนเหลือเกิน หากจะโยนออกไปคงต้องใช้เหรียญเงิน แผ่นเงินนี้ไม่รับน้ำหนักเอาเสียเลย
“อ่า……” ชายร่างใหญ่คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมอบเงินให้กับพวกเขา เขาอ้าปากกว้าง ไม่ตอบสนองจนกว่าแผ่นเงินจะร่วงถึงพื้น เมื่อแผ่นเงินร่วงลงพื้น เขารีบเก็บมันขึ้นมาและกล่าวขอบคุณไม่ยอมหยุด
“เอาละ เอาละ รีบไปได้แล้ว” เห็นเสด็จอาเก้ากำลังเดินใกล้เข้ามากับหญิงสาวชุดสีม่วง เฟิ่งชิงเฉินรีบโบกมือเบื่อบ่งบอกให้พวกชายร่างใหญ่รีบไสหัวไปได้แล้ว
ตอนที่ชายร่างใหญ่ออกไป พวกเขาเกือบจะชนเข้ากับเสด็จอาเก้า ชายร่างใหญ่จึงโค้งคำนับและกล่าวขอโทษ เสด็จอาเก้าสังเกตเห็นถึงบาดแผลบนฝ่ามือของพวกเขา หรี่ตาลง เดินเข้ามาในโรงน้ำชา ในตอนที่หญิงสาวชุดสีม่วง ซึ่งอยู่ด้านหลังเดินเข้ามา เขาแค่เหลือตามองบาดแผลบนมือของชายร่างใหญ่คนสุดท้ายเท่านั้น และพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “เฮ้ ทำไมเหมือนบาดแผลที่ได้จากปืน ข้าพูดถูกไหม?”
ร่างของเสด็จอาเก้าหยุดลงครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวเดินไปด้านหน้า ผู้ที่เดินตามหลังมาเผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงโดยไม่สังเกตเห็น เสด็จอาเก้าเดินเข้าไป พยักหน้าให้กับเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงเพื่อเป็นการทักทาย ไม่มีท่าทางของการแนะนำผู้หญิงที่ตามหลังมาให้รู้จักเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินหันไปมองอีกฝ่าย ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร สั่งให้พนักงานเก็บโต๊ะและนำกาน้ำชามาให้พวกเขา ทั้งสามคนนั่งแยกกันเป็นสามทิศทาง สาวน้อยในชุดสีม่วงมานั่งข้างเสด็จอาเก้าด้วยความกระตือรือร้น “พี่ชายสุดหล่อ สองท่านนั้นเป็นใคร? หน้าตาของเขาดูดีกว่าท่านเสียอีก”
เขาที่พูดถึง แน่นอนว่าหมายถึงหวังจิ่นหลิง หลังจากเกิดเรื่องของเซวียนเฟย หวังจิ่นหลิงรังเกียจผู้หญิงที่มองเขาเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นี้ละเมิดข้อห้ามของเขา แต่หวังจิ่นหลิงก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมา แค่ยิ้มออกไป หันหน้าหนี ไม่สนใจหญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นั้น
หญิงสาวชุดสีม่วง เองก็ไม่ใส่ใจ หวังจิ่นหลิงไม่สนใจนาง นางก็ไปตามรังควานเสด็จอาเก้า “พี่ชายสุดหล่อ ท่านพูดอะไรบ้างเถิด หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดออกมา ข้าคงคิดว่าท่านเป็นใบ้ไปแล้ว”
เฟิ่งชิงเฉินถูกเพิกเฉยอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมาแต่อย่างใด ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม แต่ในใจกำลังคาดเดาที่มาของหญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นี้ เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่ชอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดร้อน มันจะต้องมีอะไรบางอย่าง หญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นี้เป็นใคร?
เสด็จอาเก้ายังคงไม่สนใจหญิงสาวชุดสีม่วง หญิงสาวชุดสีม่วง เบะปากด้วยความไม่พอใจ มองมาที่เสด็จอาเก้าด้วยใบหน้างอแง ยื่นมือออกมาดึงแขนเสื้อของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่เคลื่อนไหว……
รูปลักษณ์ของหญิงสาวผู้นี้บริสุทธิ์ ทุกอิริยาบถของนางนั้นบริสุทธิ์และจริงใจ ดวงตากลมโตคู่นั้นราวกับสามารถเอ่ยคำพูดได้ สายตานั้นทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างไม่รู้จบ ทำให้คนต้องเชื่อฟังโดยไม่สมัครใจ
ราวกับหญิงสาวชุดสีม่วง ไม่สังเกตเห็นถึงท่าทางที่แปลกไปของเสด็จอาเก้า เขย่าแขนเสื้อของเสด็จอาเก้าอย่างสุดชีวิต พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจว่า “พี่ชายสุดหล่อ ท่านบอกที พวกเขาเป็นใคร?……ไม่ใช่ ท่านด้วย ท่านเป็นใคร?”
เฟิ่งชิงเฉินยังคงดื่มชาอย่างนิ่งสงบโดยไม่พูดอะไรออกมา ในตอนที่หวังจิ่นหลิงหันไปมองด้วยความกังวลใจ นางตอบกลับไปเพียงแค่รอยยิ้มเพื่อบ่งบอกว่าตนเองไม่ใส่ใจ แต่ในตอนนี้มีแค่นางเท่านั้นที่เข้าใจว่าในใจของนางร้อนรนและปั่นป่วนแค่ไหน……