นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 743-1 ข้อตกลง เฟิ่งชิงเฉินยังถูกไล่ล่า

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 764-1 ข้อตกลง เฟิ่งชิงเฉินยังถูกไล่ล่า

ใบหน้าของเซวียนเฟยและเซวียนเส้าเจี๋ยเต็มไปด้วยความตกใจ ทำไมพวกเขาถึงได้พูดจาเลวร้ายขนาดนั้น ลู่อี่โม่ไม่ใช่ชื่อแม่ของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?

แม่ของพวกเขาไม่ใช่ลู่อี่โม่ งั้นนางเป็นใคร? แล้วพวกเขาเป็นลูกของใคร?

อืม……พวกเขาอยากจะถามออกมาให้ชัดเจนแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากได้ ทำได้เพียงส่งเสียงพึมพำเท่านั้น

ศิษย์ทั้งสิบแปดเห็นความวุ่นวายดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร เจ้ามองหน้าข้า ข้ามองหน้าเจ้า……

หน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องผู้นำและเผ่าเสวียนเซียวกง แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้นำของพวกเขายังสามารถรับหน้าที่ผู้นำได้อีกอย่างนั้นหรือ?

พวกเขาสงสัยเป็นอย่างมาก

เซวียนเส้าฉีไม่ทำให้ศิษย์ทั้งสิบแปดต้องลำบากใจ ตอนนี้พ่อของเขาจะอยู่ในสภาพทรุดโทรม รับประกันไม่ได้ว่าจะคืนสติกลับมาตอนไหน ไม่ฉวยโอกาสนี้ยึดอำนาจ หรือว่าจะรอให้เขาได้สติกลับมาก่อน สองพ่อลูกทำการแย่งชิงกัน หลังจากทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ทำให้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงได้ผลประโยชน์ไปโดยไม่ต้องทำอะไร?

ไม่ เขาเซวียนเส้าฉีไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยขาดทุน ในเมื่อเขาต้องการยึดอำนาจของเผ่าเสวียนเซียวกง เขาจึงไม่ต้องการทำให้เรื่องมันวุ่นวาย และต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเพื่อแก้ไขมัน

ฉวยโอกาสตอนที่ผู้นำเสียสติ เซวียนเส้าฉีตัดสินใจยึดอำนาจ พูดกับศิษย์ทั้งสิบแปดว่า “ท่านลุงท่านอาทั้งหลายต่างเห็นการเติบโตของเส้าฉี เส้าฉีเป็นคนอย่างไรทุกท่านน่าจะเข้าใจดี หากเผ่าเสวียนเซียวกงไม่ตกอยู่ในอันตราย เส้าฉีไม่มีวันทำเช่นนี้ หวังว่าทุกท่านลุงท่านอาทุกท่านจะให้อภัยความกล้าหาญที่รุนแรงเกินไปของเส้าฉี

ไม่พูดถึงเรื่องการเกลียดชังของพ่อลูก แต่ในตอนนี้ท่านพ่อไม่เหมาะแก่การเป็นผู้นำของเผ่าเสวียนเซียวกง เพื่อเผ่าเสวียนเซียวกง และเพื่อมรดกที่มีไว้สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง เส้าฉีคงทำได้แค่ต้องเป็นลูกเนรคุณ ยึดอำนาจจากมือของท่านพ่อเท่านั้น!”

ศิษย์ทั้งสิบแปดมองหน้ากัน ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา สุดท้ายผู้นำไม่พูดอะไร พวกเขาก็ก้าวถอยออกมาทีละคนเพื่อบ่งบอกว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของเซวียนเส้าฉีและผู้นำ ใครเป็นฝ่ายชนะ พวกเขาจะถือว่าคนผู้นั้นเป็นผู้นำ

ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็เป็นตระกูลเซวียน เซวียนเส้าฉีเป็นองค์ชายน้อย ถึงเวลาก็ต้องขึ้นครองบัลลังก์ แค่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

ศิษย์ทั้งสิบแปดยืนอยู่โดยรอบ ได้รับความช่วยเหลือจากเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง การยึดอำนาจผู้นำของเผ่าเสวียนเซียวกง คงไม่ใช่เรื่องยาก

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เผ่าเสวียนเซียวกงได้เปลี่ยนไปแล้ว และผู้ซึ่งไม่ยอมรับมันต้องถูกสังหาร!

การบังคับท่านพ่อให้สละราชสมบัติ การขึ้นครองบัลลังก์ของเซวียนเส้าฉีจะไม่ค่อยยุติธรรมเสียเท่าไหร่ แต่ว่า……หากมีการยอมรับขององครักษ์ของผู้นำและศิษย์ทั้งสิบแปด แบบนั้นก็ถือว่าเผ่าเสวียนเซียวกงอยู่ในการควบคุมของเซวียนเส้าฉีไปแล้วเจ็ดส่วน ต่อให้มีการจลาจลเกิดขึ้น ใช้เวลาไม่นานก็สามารถกำราบได้ แต่……

หลายวันที่ผ่านมาทุกพื้นที่ของเผ่าเสวียนเซียวกงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเลือด ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่คุ้นชินเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายสิบปีที่ผ่านมาเผ่าเสวียนเซียวกงไม่เคยเกิดเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้มาก่อน ผู้นำคนเก่าของเผ่าเสวียนเซียวกงจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การกระทำของเซวียนเส้าฉี ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวจะถูกเซวียนเส้าฉีสังหาร

“มองไม่ออกจริง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์ชายน้อยผู้ไร้ความรู้สึกกลับลงมือได้เหี้ยมโหดถึงขนาดนี้ คนที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น ไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว ทั้งหมดมันราวสามพันชีวิต ข้าสังหารคนพวกนั้นจนมืออ่อนหมดแล้ว” ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นหนึ่งในศิษย์ทั้งสิบแปดพูดออกมาพร้อมเช็ดเลือดบนดาบของเขา

แม้จะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ดวงตาของเขาไม่มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ผู้นำคนก่อนของเผ่าเสวียนเซียวกงมันก็แค่นั้น เขาไร้ความสามารถ ทำได้เพียงป้องกันเมืองเท่านั้น

“สังหารจนมืออ่อนก็ไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าจะหยุดมือเลยแม้แต่น้อย ข้าเห็นเจ้าก็มีความสุขกับมันดี” ชายวัยกลางคนที่ห่างจากเขากล่าวออกมา มัดผมที่ยุ่งเหยิง จิตสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างรุนแรง

ฆ่ามาเป็นเวลานาน ฆ่ามามากมาย จิตสังหารจากร่างกายไม่สามารถปกปิดได้เลย

“คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้นำคนก่อน เพื่อผู้หญิงคนนี้แล้ว เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในพระราชวังมาโดยตลอด ข้าเองก็รู้สึกโกรธ หากเป็นลู่อี่โม่ตัวจริงข้ายังพอทน

รูปลักษณ์และความงดงามของลู่อี่โม่ในตอนนี้ เจ้ากับข้าต่างรู้ดี ผู้นำคนก่อนเพื่อลู่อี่โม่ โอรสและพระธิดาแล้ว เขาไม่ยอมออกไปไหน ข้ายังพอรับได้ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเป็นตัวปลอม ตัวปลอมผู้หนึ่งเข้ามาสร้างความวุ่นวายในเผ่าเสวียนเซียวกง ทำให้เผ่าเสวียนเซียวกงไม่มีความแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยอมรับไม่ได้” ชายวัยกลางคนหยุดเช็ดดาบของเขา วางดาบลงบนโต๊ะ ดวงตาของกลมโตราวกับดวงตาของวัว

“มันก็ต้องโทษพวกเราด้วย แม้จะมองไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปลอม แต่คิดไปคิดมามันก็จริง รูปลักษณ์และความงดงามของลู่อี่โม่นั้นล้ำค่า จะมายอมแต่งงานกับผู้นำคนเก่าได้อย่างไร แม้ผู้นำคนเก่าจะเพียบพร้อม แต่……

ในตอนนั้นชายที่เข้ามาจีบลู่อี่โม่แต่ละคนต่างไม่ธรรมดา ในตอนนั้นท่านผู้นำคนก่อนไม่ได้โดดเด่นที่สุด และด้วยเหตุนี้เองเมื่อได้ตัวผู้หญิงตัวปลอมคนนี้มา เขาถือดูแลเป็นพิเศษ ถึงถูกตัวปลอมคนนี้ปั่นหัว และเพื่อตัวปลอมผู้นี้เขาจึงเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในวัง

ผู้นำคนก่อนกลัวว่าจะมีใครมาแย่งนางไป กลัวการจากไปของลู่อี่โม่ และไม่สนใจศิษย์ทั้งสิบแปด แต่ความจริงแล้วนางกลับเป็นตัวปลอม ความรู้สึกนี้น่าขยะแขยงยิ่งกว่าการกินเนื้อมนุษย์ที่ตายไปแล้วเสียอีก เกรงว่าผู้นำคนเก่าคงลำบากน่าดู”

เพียงระยะเวลาไม่ถึงสิบวัน เซวียนเส้าฉีก้าวขึ้นมานั่งบนบัลลังก์แทนผู้นำคนเก่า พ่อของเขาเกษียณและกลายเป็นผู้นำคนเก่า ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันของผู้นำคนเก่าตอนนี้เป็นอย่างไร มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้

เซวียนเส้าฉีไม่สามารถสังหารพ่อของตนได้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้สนใจที่จะสังหารลู่อีหราน พูดอย่างไร……นางก็ถือเป็นน้องสาวแม่ของนาง ไม่จำเป็นต้องสังหารนาง บนโลกนี้มีวิธีการมากมายที่ทุกข์ทรมานกว่าความตาย ส่วนเซวียนเฟยและเซวียนเส้าเจี๋ย……

หวังจิ่นหลิงบอกว่าจะไม่สังหารเซวียนเฟย พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องลงมือ แต่เซวียนเส้าฉีกลับกล่าวว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าของเซวียนเฟย และไม่สามารถยอมรับการมีชีวิตจอมปลอมภายใต้จมูกของเขา

เซวียนเส้าเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พูดอะไร เขาสร้างบาดแผลบนใบหน้าของเซวียนเฟย ขอแค่เซวียนเส้าฉีปล่อยให้เซวียนเฟยมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้นก็พอ แต่เซวียนเส้าฉีไม่ได้อยากให้ใบหน้าของเซวียนเฟยต้องเสียโฉม เซวียนเส้าฉีจึงกล่าวออกมาว่า “เส้าเจี๋ย เจ้าช่างบุ่มบ่ามเหลือเกิน ข้าแค่พูดว่าไม่ชอบหน้าของเซวียนเฟย แต่ข้าไม่ได้หมายความว่าต้องทำให้ใบหน้าของนางต้องเสียโฉม ไม่ว่าอย่างไรเซวียนเฟยก็เป็นน้องสาวของข้า ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร มากที่สุดข้าก็แค่เลี้ยงดูนาง ไม่ปล่อยให้นางมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าเท่านั้น เจ้าไปทำให้นางเสียโฉมแบบนี้ นี่เท่ากับว่าข้าที่เป็นพี่ชายเป็นคนไม่ดี”

กระต่ายตื่นตูม ทำอะไรรีบร้อน มุทะลุเกินไปจนเสียหาย เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น เซวียนเฟยไม่ทนอีกต่อไป นางหันมากัดเซวียนเส้าเจี๋ยและทุบตีเขา โทษเขาที่ทำให้ใบหน้าของตนเองต้องเสียโฉม เซวียนเส้าเจี๋ยพูดอะไรไม่ออก เขารู้สึกขมขื่น ทำได้เพียงปล่อยให้เซวียนเฟยระบายความโกรธ เมื่อไม่มีใคร เขาถึงเผยให้เห็นถึงสายตาที่ดุร้ายราวกับหมาป่า

น่าเสียดาย……ไม่ว่าหมาป่าที่ดุร้ายถูกเลี้ยงดูมานานขนาดไหนสุดท้ายมันก็เชื่อฟัง เซวียนเส้าฉีไม่เห็นเซวียนเส้าเจี๋ยอยู่ในสายตา ตอนแรกได้รับการสนับสนุนจากผู้นำคนเก่า เซวียนเส้าเจี๋ยยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เซวียนเส้าฉีใจดีมาก เขาให้ทั้งสี่คนอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวในตำหนักเพื่อดูแลซึ่งกันและกัน แต่ในความจริงแล้วมันคือการปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเอง

ผู้นำคนเก่าโกรธที่ถูกลู่อีหรานหลอกลวงมาโดยตลอด เพราะลู่อีหราน ผู้ซึ่งเป็นตัวปลอมทำให้ถึงตอนนี้เขากลายเป็นตัวตลกในตลอดระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา ความโกรธและความเกลียดนี้ไม่ต้องพูดก็น่าจะรู้ แต่เซวียนเส้าฉีกลับให้เขาและลู่อีหรานมาอยู่ด้วยกัน แบบนี้ไม่เป็นการปล่อยให้เขาระบายอารมณ์อย่างนั้นหรือ

ลู่อีหรานเสียสติไปแล้ว จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ยอมรับว่านางคือลู่อีหราน นางยังคงคิดว่าตนเองเป็นลู่อี่โม่ เป็นหญิงซึ่งผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกงรักมากที่สุด เป็นฮูหยินแห่งเผ่าเสวียนเซียวกง นางเข้าไปหว่านเสน่ห์ใส่ผู้นำคนเก่าทุกวัน จากนั้นก็ถูกทุบตีจนกระเด็นออกมา

หลังจากถูกทุบตี เซวียนเส้าเจี๋ยก็ส่งคนไปพาตัวนางกลับมา และไม่ให้ลู่อีหรานได้พบเจอกับเซวียนเฟย หากเซวียนเฟยได้พบเจอกับลู่อีหราน นางต้องโทษลู่อีหรานว่าทำไมต้องให้กำเนิดนางออกมาด้วย ทำไมนางถึงไม่ใช่ลูกสาวของลู่อี่โม่……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท