นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 751-2 ตีแตก อะไรที่ควรไปต่อก็ให้ไปต่อ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาขี้เล่นของเฟิ่งชิงเฉิน ท่าทางที่เสด็จอาเก้าแสดงออก เขาพูดไม่ออกว่าเขามาหานางเพื่อขอคืนดีและหาความสุขกับเฟิ่งชิงเฉิน
เฮ้อ……เสด็จอาเก้าถอนหายใจและเงียบไป
ผู้หญิง โง่เกินไปก็ไม่ดี ฉลาดเกินไปก็ไม่ดี การเกลี้ยกล่อมผู้หญิงที่ฉลาดเป็นเรื่องยากจริง ๆ
เห็นใบหน้าขี้เล่นของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าอยากจะกดนางลงบนเตียง อยากจะเห็นว่านางจะเย่อหยิ่งได้สักแค่ไหน แต่น่าเสียดาย……สถานที่ไม่เอื้ออำนวย เสด็จอาเก้าทำได้เพียงเก็บความคิดนี้เอาไว้ จากนั้นก็นำภาพวาดม้วนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นออกไปให้เฟิ่งชิงเฉิน “มอบให้เจ้า”
“มันคืออะไร?” เฟิ่งชิงเฉินเปิดม้วนภาพวาด ขมวดคิ้ว กล่าวออกมาด้วยความตกใจ “ภาพวาดของแม่ข้า?”
“ใช่ ภาพวาดแม่ของเข้า ข้าหามันมาจากเผ่าเสวียนเซียวกง คิดว่าเจ้าน่าจะชอบมัน” เสด็จอาเก้าคิดไปคิดมาก็เปิดเผยร่องรอยของตนเองออกมาเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินพอเข้าใจ
เก็บภาพวาด เฟิ่งชิงเฉินถามออกไป “เจ้าเป็นจนสร้างความวุ่นวายด้านนอกงั้นหรือ?”
“ก็ประมาณนั้น” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ศิษย์ของเผ่าเสวียนเซียวกงเดินไปยังที่พักของเขา ดูจากสถานการณ์แล้ว เซวียนเส้าฉีน่าจะรู้แล้วว่าเขาไม่อยู่ในที่พัก
“หลานจิ่วชิง เจ้าเองก็เป็นคนสั่งให้เขามาอย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เสด็จอาเก้าพยักหน้าและตอบออกไปโดยไม่คิด “ใช่”
“เจ้ามาที่เผ่าเสวียนเซียวกงทำไม? อย่าบอกข้าว่ามาเพื่อมาตามหาภาพวาด หรือเพื่อดึงดูดกองกำลังพันธมิตรของทั้งสามประเทศ แต่ทหารเพียงแค่แสนนาย เจ้าไม่น่าจะเห็นมันอยู่ในสายตาถึงจะถูก”
เฟิ่งชิงเฉินม้วนภาพวาดและพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป หลบตา มองไปยังสิ่งที่ขาดหายบนภาพวาด จากนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ภาพวาดยังไม่ได้ถูกซ่อมแซม นั่นเป็นเพราะว่าเวลาไม่ทัน อีกอย่างเป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการปิดยังเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าพูดด้วยการยอมรับ “ข้ามาเพื่อของที่อยู่ในภาพวาดม้วนนี้”
“ในภาพวาดม้วนนี้มีอะไร? ทำไมถึงต้องยอมเสี่ยงขนาดนี้?” หากเป็นของสิ่งอื่น เฟิ่งชิงเฉินคงไม่มีทางถามออกมาแน่นอน แต่นี่เป็นภาพวาดแม่ของนาง นางจึงจำเป็นต้องถามออกมา
“มันคือแผนที่ แต่มันไม่เกี่ยวกับภาพวาดแม่ของเจ้า มันคือสิ่งที่ผู้นำคนเก่าของเผ่าเสวียนเซียวกงใส่เข้าไป” ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าในเผ่าเสวียนเซียวกงนั้นมีภาพวาดของลู่อี่โม่ การนำภาพวาดนี้ติดมือมาด้วยเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ
“แผนที่?” เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าก็ว่าเจ้าจะส่งทหารไปที่เผ่าเสวียนเซียวกงเพื่อระบายความโกรธได้อย่างไร ที่แท้ก็เป็นเพราะแผนที่ที่เซวียนเฟยพูดถึง”
หากตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเสด็จอาเก้านางก็คงไม่ต่างอะไรกับคนโง่ เนื่องจากทุกอย่างมันชัดเจนถึงขนาดนี้
“ใช่ ข้ามาที่เผ่าเสวียนเซียวกงแห่งนี้เพื่อตามหาแผนที่” กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นเพราะเซวียนเฟยพูดมากเกินไปจึงทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่กับเผ่าเสวียนเซียวกง
รู้จุดประสงค์ของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่มันไม่ได้เป็นอันตรายต่อเผ่าเสวียนเซียวกง นางก็ไม่สนใจ เฟิ่งชิงเฉินเก็บม้วนภาพวาด หันมาถามอีกครั้งว่า “ทำไมต้องบอกเรื่องนี้กับข้า มันไม่ยากเลยที่เจ้าจะปิดบัง”
“มันไม่จำเป็น” เสด็จอาเก้ายื่นมือออกไป โอบเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในอ้อมแขนของตนเอง “บอกเจ้าไป เจ้าก็ไม่มีทางเอาไปบอกคนอื่น”
“จริงหรือ? ข้าคิดว่าเจ้ากำลังจะติดสินบนข้า ให้ข้าร่วมมือกับเจ้าเพื่อโกหก และเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ตอนที่เจ้าไม่อยู่ จึงนำเรื่องนี้มาบอกข้า” เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากสีแดงของนางเผยให้เห็นรอยยิ้ม นัยน์ตาพราวเสน่ห์ด้วยลีลาเย้ายวนชวนหลงใหล
เสด็จอาเก้าก้มหน้าลงพร้อมที่จะจูบไปบนริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อปลอบโยนตนเองในช่วงเวลาที่ผ่านมาตอนที่เยือกเย็นต่อกัน แต่ไม่คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรก หันหน้าหนี ทำให้ริมฝีปากของเสด็จอาเก้าหอมไปบนแก้มของเฟิ่งชิงเฉินแทน
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ เสด็จอาเก้ากดเอวของเฟิ่งชิงเฉิน ควบคุมอีกฝ่ายไว้ และพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เด็กดื้อ”
จากนั้นก็กัดที่แก้มของเฟิ่งชิงเฉินหนึ่งครั้ง
เพื่อเป็นการตอบแทน เฟิ่งชิงเฉินกัดผ่านเสื้อไปบนหน้าอกของเสด็จอาเก้า “เจ้าเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเพศ ไม่ดูเลยว่าที่นี่มันที่ไหน ข้ายังไม่ยกโทษให้เจ้าเรื่องที่เจ้าใช้ประโยชน์จากข้าอีกแล้ว”
ทำอะไรล้วนมีเป้าหมาย ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิดหวังที่เมื่อสักครู่กัดเบาเกินไป
“นี่ไม่ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์ มันเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้าไม่ได้ทำอะไร” เสด็จอาเก้าลูบศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินอย่างอารมณ์ดี ดวงตาอันลึกล้ำของเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันลุกโชน เสื้อผ้ายังเรียบร้อย แต่มีร่องรอยของความดึงดูดใจทางเพศโดยไม่มีเหตุผล
ลูกกระเดือกเลื่อนไปมา และเสียงของเสด็จอาเก้าเบาลงเล็กน้อย “เจ้าพูดถูก ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเรา รอเมื่อกลับไปถึงที่ของพวกเรา ข้าจะกลับไปคิดบัญชีกลับเจ้าพร้อมกับดอกเบี้ย พูดไปพูดมาพวกเราก็ยังไม่เคยทำกันทีจวนอ๋องเก้า ที่จวนของข้านั้นมีบ่อน้ำพุร้อน วันหลังพวกเราไปลองดูกันที่นั่น”
เขาทำอะไรมักจะมีจุดประสงค์อยู่เสมอ แต่……หากเขาต้องการพิสูจน์เรื่องที่ตนเองไม่อยู่ที่พัก เขายังมีวิธีอื่น ไม่จำเป็นต้องมาขอความร่วมมือจากเฟิ่งชิงเฉิน
แต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือเฟิ่งชิงเฉิน
ทำกันในบ่อน้ำพุร้อน ผู้ชายคนนี้จะเปิดเผยเกินไปหรือเปล่า ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นสีแดง “คนอย่างเจ้านี่มัน ออกไป……ด้านนอกวุ่นวายใหญ่แล้ว หากเจ้ายังไม่ออกไป รับรองว่าต้องมีปัญหาแน่”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้ชายคนนี้ เฟิ่งชิงเฉินรีบหลีกเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ผู้ชายที่ไม่พอใจกับความปรารถนาเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด นางเองก็ไม่อยากมีปฏิกิริยาที่ไวต่อสิ่งรอบตัวขนาดนี้ แต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางมักจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว นับประสาอะไรกับการเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของเสด็จอาเก้าซึ่งชัดเจนขนาดนี้
อ้อมแขนของเขาว่างเปล่า เสด็จอาเก้าอดกลั้นกับความต้องการอยากจะฉุดดึงอีกฝ่ายกลับคืนมาในอ้อมแขน แต่ทำได้เพียงพูดออกไปว่า “ไม่อยากออกไปเลย”
และในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่า ชิงสุกก่อนหาบ
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด แต่ก็สามารถเข้าใจได้จากการแสดงออกบนใบหน้าของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินรีบหันหลังและเปิดประตู……
แสงสว่างส่องเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตื่นตัว ความรู้สึกคลุมเครือหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งการต่อสู้ ไม่ใช่ค่ำคืนแห่งความรัก
“ไปกันเถอะ” เสด็จอาเก้าสงบสติอารมณ์และความปรารถนาที่ลุกโชนในใจ ลุกขึ้นยืนอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เดินออกไป
เขาเองก็ไม่อยากออกไป แต่ด้านนอกมีคนตะโกนออกมาว่าเสด็จอาเก้าหายตัวไป แถมยังมีคำสั่งของเซวียนเส้าฉีให้ตามหาร่องรอยของเสด็จอาเก้า
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าเซวียนเส้าฉีเริ่มสงสัยในตัวของเสด็จอาเก้า ก่อนออกไปด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินหันมาพูดกับเสด็จอาเก้าว่า “เห็นแก่ที่เจ้านำภาพวาดแม่ของข้ามาให้ ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้ง”
เสด็จอาเก้าพยักหน้าโดยไม่แสดงออก แต่เสียงฝีเท้าที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาในตอนนี้นั้นดีแค่ไหน
ระหว่างเขากับเซวียนเส้าฉี เฟิ่งชิงเฉินเลือกที่จะช่วยเขา
เสด็จอาเก้ารีบเร่งฝีเท้า เดินไปยังสถานที่ที่มีเสียงดังพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉิน ไม่นานเขาก็ได้พบกับศิษย์คนหนึ่งซึ่งมาตามหาเขา ศิษย์คนนั้นตะโกนออกเสียงดังว่า “เสด็จอาเก้าอยู่นี่”
เสียงนี้ดังขึ้นอย่างชัดเจน ระงับเสียงที่วุ่นวายทั้งหมดในเผ่าเสวียนเซียวกง เซวียนเส้าฉีรีบพาศิษย์ของเผ่าเสวียนเซียวกงเดินเข้ามา หวังจิ่นหลิงเองก็เดินตามมาจากด้านหลัง
เขาเองก็อยากรู้ว่าเสด็จอาเก้าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เพื่ออะไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อถึงจะได้เห็น……
อ่า……เขากลับไปที่ห้องของเขาและแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรได้ไหม
หวังจิ่นหลิงปิดปากเงียบ หันศีรษะออกไป……
เขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น