นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 788 โต้กลับ ไปศาลต้าหลี่เพื่อฟ้องร้อง
ความจริงไม่เคยเปลี่ยนตามความปรารถนาของผู้คน ความเป็นจริงมักจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเสมอ มันเต็มไปด้วยความโหดร้ายและเย็นชา ในตอนที่ทงจือและทงเหยาจ้องมองจั่วอั้นเพื่อพยายามจะหาข้อพิสูจน์ จั่วอั้นก็พูดออกมาว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อสักครู่ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก รถม้าหยุดลงทันที ตอนนี้ถึงจวนเฟิ่งแล้ว
“จั่วอั้น ช่วยข้าอุ้มเขาลงไปที” เฟิ่งชิงเฉินขัดขวางการสนทนาระหว่างทงจือ ทงเหยาและจั่วอั้น ทงเหยาและทงจือรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองหดตัวอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายน้อยที่หวาดกลัว
“ค่าจ้าง!” จั่วอั้นลงมาจากรถม้า เปิดม่านขึ้นมองไปยังซุนซือสิงซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทางเหมือนกับพ่อค้า
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ไม่ดี เมื่อได้ยินคำพูดของจั่วอั้น นางตอบกลับมาอย่างไม่เกรงใจพร้อมกับจ้องมองเขา “จั่วอั้น พวกเราเป็นเพื่อนกัน พูดออกมาแต่ละครั้งไม่เคยห่างจากเรื่องเงิน มันเป็นสิ่งที่ทำลายความรู้สึก แค่ช่วยอุ้มซุนซือสิงออกไปแค่นี้ เจ้ายังต้องการเงินอีกอย่างนั้นหรือ”
“ทำไมจะไม่ต้องการ ข้าจั่วอั้นทำทุกอย่างเพื่อเงิน ไม่เคยทำอะไรเพราะความเป็นเพื่อนมาก่อน อีกอย่างพวกเราก็ไม่ใช่เพื่อนกัน และก็ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นแค่การจ้างงาน เจ้าจ่าย ข้ารับเงิน ทุกอย่างจบ” จั่วอั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่สนใจเรื่องมิตรภาพ
ในสายตาของมือสังหารไม่มีคำว่าเพื่อนอยู่ในพจนานุกรม เพื่อนของเขาขายกินไปหมดแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนทนไม่ไหว แต่จั่วอั้นแสดงอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ก้มหัวเพื่อมิตรภาพ แต่การใช้เงินเพื่อจบเรื่องราวมันก็ถือเป็นเรื่องดี “ได้ เจ้ามาช่วยข้าอุ้มซุนซือสิงลงจากรถม้า และช่วยข้าอะไรอีกเรื่องหนึ่ง หนึ่งพันตำลึง”
ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย นางคิดออกแล้วว่าควรตอบโต้กลับไปอย่างไร เรื่องของซือสิง ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด การที่นางพาคนเข้าไปในเรือนจำเป็นเรื่องผิดอย่างชัดเจน จักรพรรดิจะต้องลงโทษนาง สำหรับโทษนี้ สามารถสั่งประหารได้สามชั่วโคตร แต่หากยังไม่รุ่งสาง นางก็ยังมีโอกาสพลิกกลับมาเอาชนะได้
“เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?” จั่วอั้นไม่ใช่คนโง่ พันตำลึงถือเป็นเงินจำนวนมาก ปกติแล้วต่อให้สังหารถึงสิบคนยังได้เงินไม่มากขนาดนี้ ในขณะเดียวกัน ยิ่งค่าจ้างสูงเท่าไหร่ ภารกิจของมันก็ยิ่งยากและอันตรายขึ้นเท่านั้น
“จั่วอั้น เรื่องที่ข้าอยากให้เจ้าทำนั้นมันไม่ได้ยากอะไร แค่ต้องการให้เจ้าเผยแพร่บางอย่างก่อนรุ่งสาง และเจ้าจะต้องมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดรับรู้หรือเห็นสิ่งที่เจ้าทำลงไป” เรื่องซึ่งต้องทำให้เงียบที่สุด มีแค่จั่วอั้นเท่านั้นที่ทำได้
“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?” เห็นได้ชัดว่าจั่วอั้นไม่เชื่อ จะมีคนโง่ขนาดนั้นอยู่ได้อย่างไร ใช้เงินจำนวนมากเพื่อใช้ให้เขาทำเรื่องง่าย ๆ
“ทำไมหรือ? เจ้าคิดว่าข้าจะใช้ให้เจ้าไปสังหารใครงั้นหรือ? วางใจ ข้าจะไม่ใช้เจ้าไปสังหารใคร ข้าบอกแล้วว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าเจ้าจะคิดเช่นไร อย่างน้อยข้าก็มองเจ้าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง” คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ไม่ได้หลอกลวงโดยทั้งหมด
หลังจากได้อยู่ด้วยกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าตนเองมีความเข้าใจเบื้องต้นกับจั่วอั้น ฝีมือการสังหารของจั่วอั้นไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร
ในสายตาของจั่วอั้น การสังหารเป็นงาน ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตหรือความตาย และเขาก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณธรรมพวกนั้น
จั่วอั้นคล้ายกับนางมากในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าโดยไม่เต็มใจ แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าตนเองสูงส่งหรือศักดิ์สิทธิ์ มือทั้งสองข้างของตนเองยังคงสะอาดอยู่
พวกเขาไม่ได้เป็นคนเริ่มที่จะฆ่า แต่หากจำเป็นต้องฆ่า พวกเขาจะไม่ใจอ่อน และไม่รู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกผิด สิ่งที่พวกเขาทำก็คือสิ่งที่พวกเขาทำ และพวกเขาก็ไม่เคยปกปิดด้านมืดของตนเอง
คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินทำให้จั่วอั้นตกใจ หลังจากตกใจได้ไม่นาน เขากลับมาเย็นชาอีกครั้ง “อย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วข้าจะลดราคาให้เจ้า เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเคยพูดไปแล้ว ข้าไม่มีวันเป็นเพื่อนกับเจ้า ข้าจั่วอั้น เป็นคนไม่มีเพื่อน และไม่ต้องการมัน หนึ่งพันตำลึงจะไม่ลดราคาอย่างแน่นอน”
เมื่อจั่วอั้นพูดจบ เขายื่นมือออกมารับร่างซุนซือสิงจากอ้อมแขนของเฟิ่งชิงเฉินไป ในฐานะมือสังหารผู้หนึ่ง เขารู้จักจุดสำคัญบนร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างดี แม้ดูเหมือนเขาจะอุ้มซุนซือสิงอย่างไม่ระวัง แต่ในความเป็นจริงเขาหลบจุดตายของซุนซือสิงไปหมดแล้ว
ก้มหน้ามองลักษณะของซุนซือสิง แม้แต่จั่วอั้นเองก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดความบริสุทธิ์บนร่างกายของเขาได้
น่าอิจฉาเหลือเกิน!
เขาคิด บางทีเขาอาจเข้าใจได้ว่าทำไมเฟิ่งชิงเฉินจึงให้ความสำคัญกับชายหนุ่มผู้นี้มากเป็นพิเศษ ชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์เช่นนี้หาได้ยากบนโลก หวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่ทำลายความบริสุทธิ์ของเขาไป
รูปร่างของจั่วอั้นดูผอม แต่พละกำลังของเขานั้นมั่นคง จั่วอั้นอุ้มซุนซือสิงเข้าไปในจวนเฟิ่งอย่างราบรื่น เฟิ่งชิงเฉินแอบชมเชยในใจ หนึ่งพันตำลึงของนางถือว่าคุ้มค่า
ทงจือและทงเหยารีบก้าวเข้ามา บอกให้จั่วอั้นพาซุนซือสิงไปยังห้องผ่าตัดด้านหลังของจวน แม้จั่วอั้นจะเป็นคนเยือกเย็น แต่ไม่รู้ว่าทำไมทงเหยาและทงจือจึงไม่รู้สึกกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจเป็นผลมาจากคำพูดซึ่งพูดกันบนรถม้าเมื่อสักครู่
“ทงเหยา เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตามจั่วอั้นเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่หยุดอยู่ด้านหน้าของห้องโถง
นางเองก็อยากเข้าไปตรวจดูอาการของซุนซือสิง จัดการกับบาดแผลบนร่างกายของเขา แต่ตอนนี้ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ นางจำเป็นต้องจัดการเรื่องราวหลังจากบุกรุกเรือนจำ ไม่เช่นนั้นไม่เพียงไม่สามารถรักษาอาการป่วยของซุนซือสิงได้ แต่ยังทำให้ทุกคนในจวนเฟิ่งต้องทุกข์ทรมานอีกด้วย
“คุณหนู” ทงเหยายืนตัวสั่นอยู่ด้านหน้าเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อได้ยินคำพูดของจั่วอั้น ทำให้ทงเหยาเข้าใจว่าอาการบาดเจ็บของซุนซือสิงนั้นรุนแรงเพียงใด มันไม่ได้ปกติเหมือนกับที่พวกนางเห็น
ทงเหยาเข้าใจดีว่าการที่คุณชายซุนได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้เป็นเพราะการบกพร่องหน้าที่ของพวกนาง ก่อนคุณหนูจะไป ได้กำชับกับพวกนางครั้งแล้วครั้งเล่าว่าห้ามให้เกิดเรื่องอะไรกับคุณชายซุนเป็นอันขาด ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้คุณหนูจะลงโทษอะไรพวกนาง แววตาของทงเหยาเต็มไปด้วยความกังวล
เฟิ่งชิงเฉินเห็นมัน แต่นางไม่คิดที่จะปลอบโยน การบาดเจ็บของซือสิง ทงจือและทงเหยาไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกไปอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เจ้ารีบไปหาองค์ชายใหญ่ที่ตระกูลหวัง ให้เขาหาทนายให้ข้าพร้อมกับเขียนคำร้อง เนื้อหาคือจวนซุ่นหนิงโหวใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ ทำร้ายคนดี องครักษ์เสื้อโลหิตใช้อำนาจในทางที่ผิด รับสินบนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง บังคับให้ผู้บริสุทธิ์รับผิดด้วยการทรมาน เน้นย้ำให้ทนายเขียนทุกอย่างให้ชัดเจนและรุนแรง หลังจากเขียนเสร็จแล้ว รุ่งสางให้เจ้าไปยังศาลต้าหลี่กับทนายผู้นั้นเพื่อทำการฟ้องร้องจวนซุ่นหนิงโหว”
เฟิ่งชิงเฉินวางแผนชิงโจมตีก่อนเพื่อความได้เปรียบ
เสด็จอาเก้าถูกเรียกตัวเข้าไปในพระราชวังในชั่วข้ามคืน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ถึงต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสด็จอาเก้าก็ไม่สามารถออกมาจากด้านในได้ในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากจักรพรรดิได้รับความช่วยเหลือจากฝู่หลิน ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่กลับต้องมาสะดุดในเหตุการณ์ของเผ่าเสวียนเซียวกง เกรงว่าคงโกรธจนแทบกระอักเลือด ต่อให้ทำอะไรเสด็จอาเก้าไม่ได้ แต่คงไม่ปล่อยให้เสด็จอาเก้ามีอิสระในช่วงเวลาอันสั้นต่อจากนี้
เสด็จอาเก้าสามารถปกป้องนางได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องจวนเฟิ่งหรือซุนซือสิงได้ และนางเองก็ไม่อยากไปขอความช่วยเหลือจากเสด็จอาเก้าในทุกเรื่อง หากตนเองสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะทำมันให้เต็มที่ แต่หากสุดท้ายยังทำไม่ได้ ก็ค่อยไปหาเสด็จอาเก้าเพื่อขอความช่วยเหลือ
ทงเหยาไม่รู้ว่าการกระทำนี้ของเฟิ่งชิงเฉินมีประโยชน์อย่างไร แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก รีบรับภารกิจและออกไปด้านนอกทันที
ในค่ำคืนนี้ คนในจวนเฟิ่งอย่าหวังว่าจะได้นอน
หลังจากทงเหยาจากไป เฟิ่งชิงเฉินก็เรียกชุนฮุ่ย เซี่ยหว่าน ชิวฮว่าและตงชิงมา “พวกเจ้าทั้งสี่ไปต้มน้ำร้อน เตรียมผ้าสะอาด จากนั้นไปยังห้องผ่าตัดเพื่อดูแลคุณชายซุน”
ทั้งสี่ตอบรับในทันที แม้จะไม่ใช่งานหนักหนาอะไร แต่ในจวนเฟิ่งแห่งนี้ เฟิ่งชิงเฉินถือเป็นผู้นำ ดังนั้นชุนฮุ่ย เซี่ยหว่าน ชิวฮว่าและตงชิงจึงไม่มีอะไรต้องพูด
หลังจากส่งทั้งสี่คนออกไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในที่ลับเพื่อตะโกนเรียกสายลับออกมาหนึ่งคน
“แม่นาง” ร่างซึ่งถูกห่อหุ้มไปด้วยชุดสีดำ ไร้ความรู้สึกเสียยิ่งกว่าจั่วอั้น ปรากฏออกมาจากตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในจวนเฟิ่ง คุกเข่าลงด้านหน้าเฟิ่งชิงเฉิน
หากเป็นเวลาปกติ ไม่แปลกที่เฟิ่งชิงเฉินจะตกใจ แต่วันนี้หัวใจทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่กับซุนซือสิง เห็นสายลับปรากฏตัวออกมา เฟิ่งชิงเฉินจึงรีบออกคำสั่งทันที……