นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 819 ที่จริงข้าสบายดี

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 819 ที่จริงข้าสบายดี

“แต่ข้ากลัว……” เฟิ่งชิงเฉินสะอื้นพร้อมกล่าวออกมา

นี่ไม่ใช่การงอแง นางกลัวจริง ๆ กลัวว่าวันนี้ตนเองจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และกลัวว่าพรุ่งนี้ตนเองจะไม่สามารถขยับเขยื้อน

สำหรับเรื่องนี้ เสด็จอาเก้าไม่เคยปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม นับประสาอะไรกับเขาเอง ปกติครั้งเดียวก็ทำให้นางไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ ครั้งนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

นางกับเสด็จอาเก้าไม่ได้แสดงความรักใคร่เช่นนี้กันมามากกว่าสามเดือนแล้ว ที่จริงนางเองก็เข้าใจเสด็จอาเก้า แต่นึกสภาพเสด็จอาเก้าต้องระงับอารมณ์มานานกว่าสามเดือน นางก็รู้ว่านางไม่มีทางหนีเรื่องพวกนี้พ้น

นางไม่อยากถูกเสด็จอาเก้ารุกใส่จนหมดสภาพ

“กลัวอะไร ข้าไม่ได้กินเจ้าเข้าไปเสียหน่อย” เสด็จอาเก้ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม พร้อมกับพยายามเข้าไปในร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน ทันทีที่เสด็จอาเก้ามุ่งไปด้านหน้า เฟิ่งชิงเฉินก็หดตัวลงอย่างกระวนกระวาย

แบบนี้ยิ่งทำให้เขายากขึ้น และยิ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินเจ็บไปมากกว่าเดิม ความสุขของปลาต้องอาศัยความร่วมมือของนาง เมื่อปลาและน้ำให้ความร่วมมือกันก็จะมีความสุขทั้งสองฝ่าย

อุณหภูมิในห้องสูง เสด็จอาเก้าพยายามอย่างที่สุดเพื่อระงับความต้องการทางเพศของเขา แต่เขาไม่สามารถบังคับน้องชายที่ตั้งตระหง่านของเขาได้ เวลานี้เสด็จอาเก้ารู้สึกโชคดีที่เขาเลือกทางด้านหลังอย่างชาญฉลาด เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเขา

เสด็จอาเก้าวางศอกซ้ายไว้บนเตียงหยก ยกร่างของตนเองขึ้นเพื่อไม่ให้ระยะห่างของทั้งสองนั้นใกล้กันจนเกินไป และแสร้งทำเหมือนว่าตนเองจะยอมแพ้ให้กับเฟิ่งชิงเฉิน

เป็นอย่างที่คิด สัมผัสได้ว่าอันตรายนั้นหายไป ความตื่นตระหนกของเฟิ่งชิงเฉินลดลง ประกอบกับการกระตุ้นของเสด็จอาเก้า ทำให้เฟิ่งชิงเฉินลืมอำนาจการข่มขู่เมื่อสักครู่ไป และตกอยู่ภายใต้ทักษะอันยอดเยี่ยมของเสด็จอาเก้าอีกครั้ง

เสด็จอาเก้าเห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดจะเกรงใจเฟิ่งชิงเฉินอีกต่อไป ฉวยโอกาสที่เฟิ่งชิงเฉินเสียสติ เสด็จอาเก้ารีบพาน้องชายที่รอคอยมานานแสนนานเข้าไปในร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน

รัดแน่น อบอุ่น น้องชายของเขาถูกรัดไว้แน่น รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก ทำให้เสด็จอาเก้าอดไม่ได้ที่จะขยับ และอยากจะระบายทุกอย่างออกมา……

“อร๊าย……เจ็บ” เสด็จอาเก้าสบายเป็นอย่างมาก แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับต้องทนทุกข์ทรมาน พื้นที่ซึ่งไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานานกลับถูกเสด็จอาเก้าใช้งานอย่างหนัก แค่เสด็จอาเก้าขยับ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างของนางบวมขึ้น

ที่จริงทุกอย่างมันก็อยู่ในความพอใจ แต่ตอนนี้มันกลับมากเกินไปทำให้นางรู้สึกว่ากำลังถูกเสด็จอาเก้าครอบงำ พวกเขาสองคน คนหนึ่งมีขนาดใหญ่ อีกคนมีขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ของเสด็จอาเก้ารุกเข้าไปในพื้นที่เล็ก ๆ ของนาง แน่นอนว่ากระบวนการนี้ต้องยากลำบากพอสมควร ดังนั้นเสด็จอาเก้า เจ้าต้องอดทนอีกหน่อย

แพท……เม็ดเหงื่อยังคงร่วงหล่นลงมา

เนื่องจากคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าจึงหยุดการเคลื่อนไหวของเขา หยุดก้าวไปข้างหน้า รอให้เฟิ่งชิงเฉินปรับตัวให้คุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ราวกับว่าเขาเพิ่มขึ้นมาจากบ่อน้ำ

โชคดีว่าที่แห่งนี้คือบ่อน้ำพุร้อน หากเป็นห้องธรรมดา ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะแข็งตายได้

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เสด็จอาเก้าเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เจ็บปวดถึงขนาดนั้น เขาลองขยับอีกครั้ง เขาเองก็เป็นมนุษย์ แม้จะสามารถควบคุมตนเองได้มากกว่าผู้อื่น แต่หากให้เขาอดทนต่อไป ไม่แน่มันอาจจะระเบิดออกมาก็ได้

เฟิ่งชิงเฉินเองก็รู้ว่าเสด็จอาเก้าอดทนกับความทรมานนี้แค่ไหน เมื่อสักครู่เสด็จอาเก้าเพิ่งจะพานางไปสู่จุดสุดยอด นางเองก็ต้องพาเสด็จอาเก้าไปถึงจุดสุดยอดสักครั้ง นางอดทนกับความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย และปรับจังหวะให้คุ้นชินกับเสด็จอาเก้า

เนื่องจากอยู่ด้านหลัง เสด็จอาเก้าจึงไม่สามารถเห็นการแสดงออกของเสด็จอาเก้าได้ ทำได้เพียงรับรู้จากการตอบสนองทางร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินว่าปรับตัวเขากับจังหวะของเขาได้หรือไม่ เห็นสะโพกของเฟิ่งชิงเฉินโยกตามจังหวะ เสด็จอาเก้าตบไปยังสะโพกของเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อไป

เสด็จอาเก้านั่งอยู่บนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน ตอนแรกเขาสามารถควบคุมแรงของเขาได้เป็นอย่างดี โยนไปโยนมาอย่างช้า ๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานเสด็จอาเก้าก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ เขากระแทกแรงขึ้น เร็วขึ้น ลึกขึ้น ราวกับต้องการทะลวงร่างของเฟิ่งชิงเฉิน

ไม่ได้ปล่อยออกมาสามเดือน ครั้งนี้ต้องอดทนรอนานกว่าทุกครั้ง ความรุนแรงจึงมากกว่าที่เคยเป็น ช่วงระยะเวลาอันสั้น คิดจะให้เสด็จอาเก้าปลดปล่อยอาวุธของเขาออกมา บอกได้เลยว่าไม่มีทาง อย่าได้ฝันไปเลย

ร่างกายและพละกำลังของเสด็จอาเก้านั้นเหลือล้น และกว่าจะได้ทำเช่นนี้สักครั้งต้องอดทนรอมาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเขาจึงควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ เปลี่ยนตำแหน่งและใช้กำลังมากขึ้น ทำให้เฟิ่งชิงเฉินถึงจุดสุดยอดในทันที

แน่นอน เฟิ่งชิงเฉินที่กลั้นเสียงเงียบมาตลอด ร้องขอความเมตตาดังลั่น “อา… เจ้าช้าลงหน่อย อา… มันลึกเกินไป อย่า… อย่า ทำเช่นนี้”

ปูชิ ปูชิ……

เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวก็รุนแรงและหนักหน่วงขึ้นเช่นกัน เสด็จอาเก้าชอบการร้องขอความเมตตาของเฟิ่งชิงเฉินมาก ยิ่งเฟิ่งชิงเฉินร้องขอความเมตตามากเท่าไหร่ การเคลื่อนไหวของเขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากเสียงกระทบในบ่อหยกแล้ว ก็มีเพียงเสียงของเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น ท่วงทำนองที่เคลื่อนไหว เสียงทั้งสองประสานกันเป็นบทเพลงอันไพเราะ ทำให้เสด็จอาเก้ารู้ตื่นเต้นและคลั่งไคล้ยิ่งขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เสด็จอาเก้าเข้าไปจากทางด้านหลัง มันทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกแปลกใหม่และบ้าคลั่ง ประกอบกับเรี่ยวแรงที่ใช้นั้นมากกว่าทุกครั้ง ทำให้ทั้งสองแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น เสด็จอาเก้ารู้สึกพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เวลานี้เสด็จอาเก้าจะปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปได้อย่างไร

ใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเทพเซียนของเสด็จอาเก้าถูกคุกคามด้วยกามอารมณ์ ความเย่อหยิ่งและเยือกเย็นที่เคยเห็นเลือนหายไป เวลานี้เสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยเสน่ห์อันชั่วร้าย สามารถทำให้ผู้คนยอมสยบแทบเท้าของเขา ยอมเลียเท้าของเขา เพียงเพื่อแลกกับให้เขาก้มหน้าลงมาพร้อมกับรอยยิ้ม แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้เห็นฉากนี้ นอกจากเฟิ่งชิงเฉิน

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เสด็จอาเก้าไม่มีวี่แววว่าจะหยุด เฟิ่งชิงเฉินถึงกับรู้สึกว่าความรุนแรงของเสด็จอาเก้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าเสด็จอาเก้าคงทำเช่นนี้ต่อไปจนเขาสำเร็จความใคร่ แต่ในตอนที่กำลังจะไปถึงจุดนั้น เสด็จอาเก้าก็ดึงน้องชายของเขาออกมา

ฮู้ว……เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะกระแทกเข้ามาด้วยความรุนแรงอีกครั้ง ทำให้เปี่ยมล้นไปทั่วร่างกายของนาง

“อร๊าย……” เฟิ่งชิงเฉินหุบขาลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายของนางหดลง ไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวเช่นนี้อีกต่อไป ซึ่งทำให้น้องชายของเสด็จอาเก้าแทบจะหายใจไม่ออก

“แน่นขนาดนี้ คิดจะเอาชีวิตน้องชายของข้าหรืออย่างไร” เสด็จอาเก้ายื่นมือออกไป พยุงร่างของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาจากเตียงหยก หลังของเฟิ่งชิงเฉินแนบชิดกับหน้าอกของเขา

เสด็จอาเก้ายังคงไม่ถอนตัวออกจากร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน เขาแค่กอดร่างของเฟิ่งชิงเฉินไว้ จากนั้นหมุนตัวไปโดยรอบ เอนกายลงบนเตียงหยก และให้เฟิ่งชิงเฉินนั่งหันหลังอยู่บนร่างของเขา

ดูเหมือนเสด็จอาเก้าจะหลงรักในท่านี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมถอนตัวออกจากด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉิน

จากมุมมองของเสด็จอาเก้า เขาสามารถมองเห็นใบหน้าอันแดงก่ำของเฟิ่งชิงเฉินได้ โดยมีผมสีดำพันรอบผิวที่ชุ่มเหงื่อของนาง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินหน้าต่อไป รวบผมบนผิวของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็รัดร่างกายของนางไว้แน่น

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเหนื่อยมากในเวลานี้ ดังนั้นจึงปล่อยร่างกายไปตามการเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้า หลังของนางมีมือสองข้างของเสด็จอาเก้าคอยพยุงอยู่ เฟิ่งชิงเฉินพิงอยู่บนร่างของเสด็จอาเก้าอย่างเกียจคร้าน

เห็นเฟิ่งชิงเฉินพึ่งพาตนเองอย่างสมบูรณ์ จิตใจอันชั่วร้ายของเสด็จอาเก้าปรากฏออกมา เขาดึงมือของเขาออก เฟิ่งชิงเฉินซึ่งไร้การป้องกันก็ตกสู่อ้อมแขนของเสด็จอาเก้าในทันที

จูบไปบนหน้าผากของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าซึ่งมีความพึงพอใจในระดับหนึ่ง ตอนนี้กล่าวหยอกล้อเฟิ่งชิงเฉินออกมาว่า “ชิงเฉิน เจ้าพอใจกับการปรนนิบัติของข้าหรือไม่?”

น้ำเสียงซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยราคีแห่งรัก ต่ำและแหบแห้ง เต็มไปด้วยความเย้ายวนสุดจะพรรณนา หลังจากผ่อนคลายได้ไม่นาน เฟิ่งชิงเฉินฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพสดใส แสร้งตอบกลับไปด้วยความเย่อหยิ่ง “ทักษะยอดเยี่ยม ข้าจะให้รางวัลกับเจ้าภายหลัง”

พูดจบนางก็ไม่ลืมใช้สองมือของนางจับไปบนร่างกายของเสด็จอาเก้าเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคือเจ้านาย และผู้ที่อยู่ด้านล่างของเจ้านายก็คือทาส

ผิวหนังอันเรียบเนียน แม่จะไม่ขาวเหมือนหยกขาว แต่ด้วยความสุขภาพดีของผิวทำให้คนรู้สึกถึงความปลอดภัย ประกอบกับร่างกายอันสมบูรณ์แบบของเสด็จอาเก้า มันไม่เหมือนกับหลังซึ่งมีแผลเป็นของนาง

แผลเป็น!

รอยยิ้มและความเสน่หาบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินจางหายไปทันที และน้ำตาก็เปล่งประกายในดวงตาของนาง ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมเสด็จอาเก้าถึงหมกมุ่นอยู่กับหลังของนางในวันนี้ ที่แท้ก็เป็นเพราะปวดใจเมื่อได้เห็นแผลเป็นด้านหลังของนาง

“เป็นอะไรไปงั้นหรือ?” เห็นใบหน้าซึ่งเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเฟิ่งชิงเฉิน เขาต้องการลุกขึ้น แต่ตนเองถูกเฟิ่งชิงเฉินทับไว้ จึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้……

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งชิงเฉินกอดเสด็จอาเก้าโดยนำแขนยืนไปด้านหลัง “อันที่จริงข้าสบายดี ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไร”

ไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดสำหรับคำพูดเหล่านี้ แต่เสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินต่างเข้าใจดี สิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึงก็คือแผลเป็นด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉิน

“ข้าเองก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หากไม่มีจะดีกว่านี้” เสด็จอาเก้าไม่ต้องการให้อารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินถูกทำลาย ดังนั้นจึงโอบกอดเฟิ่งชิงเฉินพร้อมพลิกตัว นอนลงไปบนเตียงหยก

เมื่อกำลังกระทบลงบนเตียง เสด็จอาเก้าใช้มือยันพื้นเพื่อลดแรงกระแทกของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นทำการเปลี่ยนตำแหน่ง และในที่สุดเสด็จอาเก้าก็มาอยู่ด้านบนของเฟิ่งชิงเฉินโดยหันหน้าเข้าหากัน และเริ่มทำการสอดใส่เข้าไปอีกครั้ง

หลังจากโจมตีมาสักระยะ ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็ไปถึงจุดสูงสุด ปลดปล่อยราคะทั้งหมดไว้ในร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน

พอใจเป็นที่สุด!

ฮู้ว……

ทั้งสองนอนอยู่บนพื้นอย่างอิ่มเอมใจ ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าของตนอยู่ไหน แต่มิได้สนใจเลย นอนเคียงข้างกันเงียบ ๆ อิ่มเอมกับความอบอุ่นหลังความสุข และความรัก

กลิ่นของความสุขและความรักยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ หลังจากพักผ่อนเพียงพอแล้ว เสด็จอาเก้าหยิบผ้าขนหนูด้านข้างมาทำความสะอาดร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นอุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา เดินไปยังบ่อน้ำพุ

แม้ว่าร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินจะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่มันก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง นางรู้ว่าร่างกายของเสด็จอาเก้าแข็งแรง แต่นางก็ยังเลือกที่จะยื่นมือออกมาโอบไว้รอบคอของเสด็จอาเก้า

ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเสด็จอาเก้าจะปล่อยนางตกลงพื้น แต่เพื่อเป็นการตอบรับเสด็จอาเก้าว่านางเองก็ชอบให้เสด็จอาเก้าอุ้มนางขึ้นมาเช่นนี้ ทำเหมือนว่านางเป็นสมบัติอันล้ำค่าของเสด็จอาเก้า

ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินโอบคอของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าก้มหน้าลงมา จูบลงบนหน้าผากของเฟิ่งชิงเฉินพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเราลงไปแช่น้ำกันเถอะ น้ำพุร้อนมีส่วนช่วยในการบรรเทาความเหนื่อยล้าของร่างกาย”

“อืม” เฟิ่งชิงเฉินที่ได้แช่น้ำร้อนมาก่อนหน้านี้ แน่นอนว่ารู้ถึงประโยชน์ของน้ำพุร้อน ในตอนนี้นางจำเป็นต้องแช่และรักษาตัวให้ดี

ก่อนหน้านี้ยังดีที่ได้นอนอยู่บนเตียงหยก นางไม่จำเป็นต้องใช้แรง แต่หลังจากที่ทั้งสองคนลงมาบนพื้น เสด็จอาเก้ากอดขาทั้งสองข้างของนางไว้รอบคอของเขา ทำให้เอวของนางแทบหัก นางไม่รู้เลยว่าเสด็จอาเก้าไปเล่าเรียนกระบวนท่าพวกนี้มาจากที่ไหน

ทั้งสองเดินลงบันได ทำให้น้ำในบ่อหยกกระเซ็นออกมาเล็กน้อย เสด็จอาเก้ายังคงกอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ไม่ปล่อย ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินกอดคอแล้วกดเอวเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธ นำศีรษะแนบชิดหน้าอกของเสด็จอาเก้า ในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินถึงได้รู้ว่าระดับน้ำที่พอดีกับนางเมื่อสักครู่นี้ เมื่อเทียบกับเสด็จอาเก้าแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะตื้นเกินไป

แต่เสด็จอาเก้าสามารถลงมาแช่น้ำที่นี่ได้ทุกวัน ส่วนนางกว่าจะมาได้สักครั้งคงเป็นเรื่องยาก แน่นอนว่าต้องทำตามความต้องการของนาง เฟิ่งชิงเฉินแสดงออกมาว่าตนเองไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย

แช่น้ำได้ประมาณสิบหน้านาที เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเวียนหัว รู้ว่าตนเองไม่สามารถแช่ได้นานกว่านี้อีกแล้ว ต่อให้แช่ต่อไปร่างกายของนางก็คงไม่ดีขึ้น ดังนั้นจึงผลักเสด็จอาเก้าออกไปอีกฝั่งหนึ่งของบ่อน้ำ

ก่อนหน้านี้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นของเสด็จอาเก้า คราวนี้ถึงตาของนางแล้ว

เสด็จอาเก้าเตรียมรับการโจมตี!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท