นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 822 เป็นจักรพรรดินั้นช่างยากลำบาก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 822 เป็นจักรพรรดินั้นช่างยากลำบาก

กระตุ้นให้ผู้อื่นทำสิ่งต่าง ๆ โดยคำพูด ดีกว่าขอให้เขาทำให้โดยตรง เสด็จอาเก้าเข้าใจในตัวของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี แม้เฟิ่งชิงเฉินจะกล้าได้กล้าเสียและเป็นกันเอง แต่สำหรับเรื่องบนเตียง เฟิ่งชิงเฉินก็ยังเป็นแค่มือใหม่ นางมีความสุขกับความรักและความสัมพันธ์เช่นนี้ และเช่นเดียวกันนางก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ในหลายกรณี

เฟิ่งชิงเฉินชอบความขัดแย้งเล็กน้อยในอารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉิน การกลั่นแกล้งเช่นนี้ถึงจะน่าสนใจไม่ใช่หรือไง แต่เช่นเดียวกัน เสด็จอาเก้าก็ชอบที่จะปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปมากกว่า

ไม่ง่ายเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยอมปล่อยมือและเท้า เพื่อเตรียมพร้อมกับการรบครั้งใหม่ แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดื่มด่ำกับมันจนถึงที่สุด เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะถอยกลับไป เสด็จอาเก้าถึงพูดประโยคดังกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน

แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังจะพักผ่อน เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ “แน่นอนว่าไม่ เจ้ารอข้าก่อน หากวันนี้ไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจได้ เจ้าก็อย่ามาเรียกข้าว่าเฟิ่งชิงเฉิน”

จิตวิญญาณของเฟิ่งชิงเฉินกลับมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอาการเจ็บที่มือของนางจะดีขึ้นไม่น้อย

มีรอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเสด็จอาเก้า เขาพอใจกับการคำนวณของเขามาก แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็น เนื่องจากนั่งหันหลังให้กับเขา

หลังจากพูดจาอวดดี แน่นอน เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางนั่งอยู่เฉย ๆ กวาดสายตามองไปยังเสาหยกที่ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลง จูบลงด้านบน ใช้ปลายลิ้นกดลงไป เล่นกับน้องชายของเสด็จอาเก้าอย่างซุกซน

“อ่า……” เสาหยกที่เพิ่งหกตัวลงและฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากการจูบอีกครั้งของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้ร่างกายของมันกลายเป็นสีแดง

เฟิ่งชิงเฉินจูบเสาหยกพร้อมกับนำมือลูบไปที่ต้นขาของเสด็จอาเก้า การเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เสด็จอาเก้าสูญเสียการควบคุม

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าความสุขของผู้ชายอยู่ที่ใต้เสาหยก หากนางต้องการทำให้เสด็จอาเก้าพึงพอใจ นางต้องปรนนิบัติเด็กน้อยให้ดีและทำให้เขามีความสุข

“เดี๋ยวก่อน……” หลังจากเฟิ่งชิงเฉินจูบลงไปตรงลูกน้อยของเสด็จอาเก้า นางยืนขึ้นและยกกาสุราเล็ก ๆ ข้างบ่อน้ำน้ำพุเข้ามา หลังจากนั้น……

เฟิ่งชิงเฉินจิบมันเข้าไปในปากของนาง หลังจากแน่ใจว่ามันเป็นสุรา นางลดศีรษะลงและป้อนสุราเข้าไปในปากของเสด็จอาเก้า และแน่นอนว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากการอ้อยอิ่ง ดูดและจูบ

หากจะกล่าวว่าการป้อนสุราและผลไม้เป็นจุดเริ่มต้นเดียวกัน แน่นอนว่า การกระทำต่อไปนี้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ที่นี่ไม่มีเครื่องมือใด ๆ ที่สามารถเพิ่มความสนุก ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเท่านั้น

เฟิ่งชิงเฉินเทสุราลงบนตัวของเสด็จอาเก้า สุราไหลไปตามร่างกายของเสด็จอาเก้า สุดท้ายก็ไหลตรงมาที่สะดือ เฟิ่งชิงเฉินนอนลงบนร่างกายของเสด็จอาเก้า เลียลงไปตามแนวยาว สุราบนร่างกายของเสด็จอาเก้าถูกเลียอย่างหมดจด ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว มันทำให้เสด็จอาเก้าสั่นสะท้านไปทั้งตัว ร่างกายของเขาบิดตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เขาต้องการมากกว่านี้

“เจ้าไปเรียนมาจากไหน ทำไมเจ้าถึง……” เสด็จอาเก้าอ้าปากค้าง ร่างกายอันบอบบางของเขาไม่สามารถทนต่อการสัมผัสใด ๆ ได้ เพียงแค่ดีดนิ้วเบา ๆ หนึ่งครั้งก็ทำให้ร่างกายของเขาชาไปทั้งตัว

“เจ้าไปเรียนมาจากที่ไหน ข้าก็ไปเรียนมาจากที่นั่น ที่รัก เจ้าพอใจหรือเปล่า”

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินใช้ลิ้นเลียสุราหยดสุดท้ายตรงสะดือของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป “พอใจเป็นอย่างมาก แต่หากเจ้าช่วยเติมเต็มให้ข้า ข้ายิ่งพอใจขึ้นไปอีก”

มือทั้งสองข้างของเสด็จอาเก้ากดลงบนหัวไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน พยายามควบคุมน้องสาวของนางให้สัมผัสกับน้องชายของเขา และกดร่างของนางลงไป แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ให้ความร่วมมือ และในตอนนี้เสด็จอาเก้าก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะขัดขืนนาง

เสด็จอาเก้าหมดหนทาง ทำได้เพียงยอมให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ส่งเสียงอ้อนวอนออกมา “ชิงเฉินที่รัก ช่วยข้า เจ้าอย่า อย่าทรมานข้าเลย”

ใช่ ทรมาน การกระทำของเฟิ่งชิงเฉิน สำหรับเสด็จอาเก้าแล้วมันคือการทรมานอันหอมหวาน ส่วนล่างของเขาจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับลีลา ไม่ยอมเติมเต็มมันให้กับเขา แต่กลับทำให้ความต้องการของเขาสูงขึ้น ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกยาปลุกกำหนัด ทรมานจนเกินทน ริมฝีปากของเขาถูกกัด กลิ่นเลือดกระจายไปทั่วระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา แต่มันกลับกระตุ้นให้เขามีความต้องการมากขึ้น

“เร็ว ชิงเฉิน เร็ว ให้ข้าเข้าไปเร็ว หากไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ข้าอาจจะตายได้” เสด็จอาเก้ารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังระเบิด อยากจะเข้าไปทำลายร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินให้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี

เฟิ่งชิงเฉินลูบน้องชายของเฟิ่งชิงเฉินด้วยความรู้สึกปลอบโยน แต่ดวงตาของนางกลับเผยให้เห็นถึงแสงแห่งความชั่วร้าย “ที่รักอย่าเป็นแบบนี้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยทรมานเจ้า เจ้าอย่าได้รีบร้อน ข้าจะทำให้เข้าพอใจในทันที”

ในโลกนี้ไม่มีอะไรประสบความสำเร็จไปมากกว่าการที่ได้เห็นเสด็จอาเก้าสูญเสียการควบคุม และได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของเสด็จอาเก้า

“เร็วเข้า เร็วกว่านี้ ข้ารอไม่ไหวแล้ว” เสด็จอาเก้าหายใจหอบ น้องชายของเขากระตุกขึ้นลงโดยปราศจากการใช้มือ นี่มันเป็นสัญญาณบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่า มันถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว

“ได้เลย นายท่าน” เฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนคำเรียกอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เสด็จอาเก้าทั้งรักทั้งเกลียด

ไม่ปล่อยให้เสด็จอาเก้ารอนาน เฟิ่งชิงเฉินเทสุราที่เหลือทั้งหมดในกาลงไปบนเสาหยกของเสด็จอาเก้า ก้มหน้าลง “ครั้งนี้ข้าจะมอบความพึงพอใจที่สุดให้กับเจ้า เจ้าจะต้องขอร้องความเมตตาภายใต้ร่างกายของข้า”

พูดจบนางก็ก้มศีรษะ และมุ่งหน้าลงสู่เสาหยกของเสด็จอาเก้า

“อ่า……” เสด็จอาเก้าถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาครางอย่างมีความสุข และทันทีที่เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำอะไร เขาก็รีบห้ามไว้ทันที “ชิงเฉิน อย่า……”

การมีเพศสัมพันธ์ทางปากใช้โดยผู้หญิงเท่านั้น เป็นการปรนนิบัติผู้ชายเพื่อเอาใจผู้ชาย คุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้นปรนนิบัติผู้ชายอย่างสุดหัวใจ ท่านี้ถือเป็นความอับอายของผู้หญิง โดยทั่วไปจะใช้ในซ่องโสเภณีหรือนางสนมเท่านั้น

ดังนั้นตอนที่เห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าจึงทั้งรู้สึกประทับใจและไม่เต็มใจ ท่านี้สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชายได้ แต่ไม่สามารถช่วยอะไรผู้หญิงได้ เขาจึงไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินทำ

เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจ เมื่อสักครู่เป็นเพียงแค่การทดสอบ แต่ตอนนี้นางอมน้องชายของเสด็จอาเก้าเข้าไปจนสุดด้าม

“ชิงเฉิน เจ้าเก่งมา เจ้าทำให้ข้ารู้สึกสบายเหลือเกิน” ความสุขนี้แทบทำให้เสด็จอาเก้าลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกในปากของเฟิ่งชิงเฉิน

เสาหยกของเสด็จอาเก้าเต็มอยู่ในปากของเฟิ่งชิงเฉิน แน่นและอบอุ่นเป็นอย่างมากสำหรับผู้ชาย พูดตามตรง ความสุขนี้มันไม่ได้ด้อยไปกว่าการขึ้นสวรรค์ แต่……

“มันใหญ่เกินไป แน่นมาก” ตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินยังอยากจะทนต่อไป แต่เมื่อนางรู้สึกหายใจไม่ออก นางก็ต้องยอมแพ้ในที่สุด

เมื่อสูญเสียความอบอุ่นไปชั่วขณะ เสด็จอาเก้ารู้สึกว่างเปล่า สติของเสด็จอาเก้าคืนกลับมา มองไปยังเฟิ่งชิงเฉินซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านล่างของตนเอง เสด็จอาเก้ารู้สึกปวดใจกับสิ่งซึ่งเฟิ่งชิงเฉินทำลง แต่เขาก็ขยิบตาพร้อมพูดออกมาด้วยความโกรธและสงสารว่า “ยัยโง่ เปลี่ยนท่าได้แล้ว เลิกทรมานตัวเอง มันทำให้ข้าปวดใจ”

พูดจบเขาก็พยายามจะยกร่างของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาบนร่างของเขา เพื่อชิงอำนาจในการควบคุมกลับมา แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้อยู่แล้วว่าเสด็จอาเก้าต้องการอะไร มือทั้งสองข้างของกำเสาหยกของเสด็จอาเก้าไว้แน่น “ไม่ คนอื่นทำได้ ข้าเองก็ทำได้……”

“อย่าเอาคนพวกนั้นมาเทียบกับเจ้า เจ้าแตกต่างจากคนเหล่านั้น อย่าทำเช่นนี้ อย่า……” เมื่อสิ่งสำคัญถูกควบคุมเอาไว้ เสด็จอาเก้าจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาพลิกสถานการณ์ เขาทำได้แค่งอตัวและปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความต้องการของเฟิ่งชิงเฉิน อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกกับความริเริ่มของเฟิ่งชิงเฉินอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นต้องใช้ความร่วมมือ เช่นนั้นถึงสามารถข้ามผ่านทุกอย่างและไปถึงความสุขสูงสุดได้

“เนื่องจากเป็นเจ้า ดังนั้นจึงไม่เป็นไร เนื่องจากเป็นเจ้า……” แม้ว่าท่าทางนี้จะทำให้นางลำบากมาก แต่นางก็พอใจกับรูปลักษณ์ที่ไร้พลังของเสด็จอาเก้ามากกว่า ดังนั้นการทำงานหนักครั้งนี้จึงคุ้มค่า

“อ้าขาออก” เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าใต้ร่างของเสด็จอาเก้าราวกับลูกแมว ใช้แรงและความพยายามเป็นอย่างมาก จากนั้นริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินก็สัมผัสเข้ากับเสาหยกของเสด็จอาเก้าอีกครั้ง เนื่องจากนางไม่สามารถกลืนทั้งหมดเข้าไปในคราเดียว ดังนั้นจึงค่อย ๆ เลียไปรอบ ๆ และกลืนเข้าไปทั้งหมดในท้ายสุด……

เฟิ่งชิงเฉินกลืนน้ำลายเล็กน้อย คายเล็กน้อย แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะช้า แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเฟิ่งชิงเฉิน สำหรับเสด็จอาเก้าก็ถือว่ามันน่าตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าใต้ร่างของเขา หายใจหอบ เสด็จอาเก้ารู้สึกมีความสุขที่ได้พิชิต

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเห็นเสด็จอาเก้านอนลงไป ปล่อยให้นางเป็นผู้ควบคุม เฟิ่งชิงเฉินก็มีความรู้สึกว่านางสามารถพิชิตชายผู้นี้ได้

……

ระหว่างการต่อสู้ของเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินในบ่อน้ำพุร้อน ตอนที่ทั้งสองกำลังใช้ร่างกายของตนเองเพื่อพิชิตฝ่ายตรงข้าม ตอนนั้นผู้คนจากทุกทิศทุกทางก็เคลื่อนไหวไปด้วยเช่นกัน องครักษ์เสื้อโลหิตไม่รู้ว่าตอนนี้ซุนซือสิงไปอยู่ที่ไหน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชนชั้นสูงอย่างจักรพรรดิจะไม่รู้

เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินหวังว่าซุนซือสิงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมีความคิดแบบเดียวกัน ในสายตาของใครหลายคน การตายของซุนซือสิง ถึงเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด

เสด็จอาเก้ากำลังเพลิดเพลินกับความงามในอ้อมแขนของเขา จักรพรรดิผู้แข็งกระด้างยังคงทำงานในห้องหนังสือ เมื่อรู้ว่าเสด็จอาเก้านำซุนซือสิงออกจากเมือง จักรพรรดิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถาม “เสนาบดี เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

ระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีก็ได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิอย่างเปี่ยมล้น สามารถจัดการเรื่องส่วนตัวแทนจักรพรรดิได้ ด้วยความสามารถของฝู่หลิน เขาไม่เคยทำให้จักรพรรดิผิดหวัง เขารู้ว่าในใจของจักรพรรดิได้ตัดสินใจไว้แล้ว แต่สำหรับเรื่องบางเรื่องมันก็พูดยาก

“องค์จักรพรรดิ เสด็จอาเก้ามีเมตตาเกินกว่าสตรี สตรีมิสามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จ คนผู้นั้นสมควรกำจัดให้สิ้นซาก” ฝู่หลินพูดความคิดในใจของจักรพรรดิที่จักรพรรดิไม่กล้าพูดออกมา

ใช่ จักรพรรดิต้องการกำจัดซุนซือสิง แต่ในฐานะจักรพรรดิผู้เมตตาและชาญฉลาด เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้โดยตรง

“พ่อของเขาเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้” นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจักรพรรดิจึงไม่อยากพูดออกมาว่าต้องการกำจัดซุนซือสิงด้วยตัวเอง

เขาไม่สามารถปล่อยให้ขุนนางผิดหวังอย่างเจ็บปวดได้ แต่ฝู่หลินพูดออกมานั้นมันต่างกัน ฝู่หลินเสนอให้กำจัดคนผู้นั้น เขาก็แค่ทำตามคำแนะนำของขุนนาง

“องค์จักรพรรดิ หมอหลวงซุนเป็นหมอหลวง การรักษาจักรพรรดิเป็นความรับผิดชอบของเขา นอกจากนี้หมอหลวงซุนออกจากหน้าที่อย่างกะทันหัน จักรพรรดิ ท่านไม่ลงโทษเขา นี่ก็คือเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่แล้ว องค์จักรพรรดิ ท่านคือผู้นำประเทศ โปรดให้ความสำคัญกับประเทศเป็นอันดับหนึ่ง” หรือพูดอีกอย่างก็คือ จักรพรรดิได้ตอบแทนความช่วยเหลือของซุนเจิ้งเต้าไปตั้งนานแล้ว จักรพรรดิ เจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไป เนื่องจากทุกการกระทำของเจ้านั้น ทำลงไปเพื่อประเทศชาติ

ฝู่หลินกลายเป็นคนสนิทของจักรพรรดิไปโดยปริยาย เมื่อจักรพรรดิต้องการสร้างคุณธรรม เขาเป็นคนสร้างโอกาสให้กับจักรพรรดิ เมื่อจักรพรรดิต้องการกำจัดขวากหนาม เขาก็จะเป็นคนก้าวออกมาพูดในสิ่งที่จักรพรรดิปรารถนา

จักรพรรดิถอนหายใจด้วยความเสียใจ หลับตาลง พยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็เอาตามความเห็นของท่านเสนาบดี”

ด้วยท่าทางเสียใจ หากผู้ไม่รู้เรื่องราวเห็นท่าทางของจักรพรรดิคงคิดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะกำจัดซุนซือสิง แต่ฝู่หลินเข้าใจดี นี่เป็นเพียงท่าทางภายนอกที่จักรพรรดิแสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น

“ขอรับ” ฝู่หลินรับราชโองการ เดินออกไปจากประตู แสงอันเฉียบคมก็ส่องเข้ามาในดวงตาของเขา

ครั้งนี้จักรพรรดิลงมือกับองครักษ์เสื้อโลหิตอย่างเหี้ยมโหด สายลับในองครักษ์เสื้อโลหิต และสายลับในเมืองจักรพรรดิต้องพบกับความโชคร้าย และไม่รู้ว่าหลังจากลู่เส้าหลินหลุดจากตำแหน่ง ใครจะก้าวขึ้นมาแทนที่ และเขาจะได้รับอะไรจากตำแหน่งนั้น……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท