นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 840 ความยุติธรรม ฆาตกรจะไม่ลอยนวล
หัวหน้าศาลต้าหลี่พูดออกมาเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ได้ทันทีว่ามีหวัง จึงรีบกล่าวออกมาว่า “ใต้เท้าโปรดอนุญาตให้ชิงเฉินทำการชันสูตรศพด้วยเถิด จากบันทึกที่แม่นางลิ่วเขียนไว้ นางตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน นั่นแปลว่าเด็กในท้องของนางก่อตัวเป็นรูปร่างเรียบร้อยแล้ว เวลานี้แค่น้ำเลือดเนื้อของเด็กในครรภ์ออกมาตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับคุณชายรองเฉินหรือคุณชายสามเฉินหรือไม่ เท่านั้นก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าบันทึกที่แม่นางลิ่วเขียนไว้เป็นความจริงหรือไม่”
ตอนแรกคุณชายรองเฉินกับคุณชายสามเฉินกังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะใช้วิธีการอันชาญฉลาด แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน แววตาของทั้งสองคนเปล่งประกาย จากนั้นพวกเขาก็ก้มหัวลงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับยอมรับการตัดสินของหัวหน้าศาลต้าหลี่ทุกประการ
“ชันสูตรศพเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ดี วิธีนี้ดีมาก แม้จะเป็นการไม่ให้เกียรติแม่นางลิ่วอยู่บ้าง แต่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับแม่นางลิ่วได้ เชื่อว่าจิตวิญญาณของแม่นางลิ่วที่อยู่บนสวรรค์คงเข้าใจ”
ในตอนที่หัวหน้าศาลต้าหลี่กำลังลังเล เจ้ากรมอาญาเอ่ยปากเห็นชอบ แน่นอนว่าสิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่คดีของจวนซุ่นหนิงโหว แต่เป็นวิธีการชันสูตรสายเลือดของเฟิ่งชิงเฉิน หากวิธีนี้ใช้ได้จริง เช่นนั้นพวกเขาก็จะได้วิธีการพิสูจน์คดีเพิ่มอีกหนึ่งวิธี
“แต่ว่าแม่นางลิ่วเสียชีวิตไปหลายวันแล้ว ศพของนางยังสามารถนำมาชันสูตรได้อยู่อีกงั้นหรือ?” เดิมทีหัวหน้าศาลต้าหลี่กังวลอยู่เล็กน้อย แต่พวกของเสด็จอาเก้าไม่มีใครคัดค้านคำพูดของเจ้ากรมอาญาเลยแม้แต่คนเดียว เขาทำได้เพียงเงียบและยอมรับ เขาจะไปคัดค้านการตัดสินใจของคนพวกนี้ได้อย่างไร
“เวลานี้เป็นช่วงฤดูหนาว แม้ศพของแม่นางลิ่วจะถูกจวนซุ่นหนิงโหวฝังไปแล้ว แต่มันก็น่าจะยังไม่เน่าจนเกินไป นอกจากนี้พวกเราแค่ต้องการเลือดของเด็กในครรภ์เท่านั้น เรื่องพวกนี้จึงไม่น่ามีปัญหา” เฟิ่งชิงเฉินไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาแต่อย่างใด ถึงเวลาขอแค่ได้เลือดมา เท่านั้นนางก็สามารถทำการตรวจสอบได้
หัวหน้าศาลต้าหลี่มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเฟิ่งชิงเฉิน เขาเลิกขัดขวาง โบกมือแล้วกล่าวว่า “ตกลง” จากนั้นหันไปหาคุณชายรองเฉินกับคุณชายสามเฉิน “หลุมฝังศพของแม่นางลิ่วอยู่ที่ใด?”
“เรียนใต้เท้า หลานสาวลิ่วถูกล่วงประเวณี ประกอบกับฆ่าตัวตายด้วยวิธีการพุ่งชนกำแพง จวนซุ่นหนิงโหวของพวกข้าไม่มีวันยอมรับผู้หญิงเช่นนี้ เมื่อนางจากไปได้สามวัน คนในจวนของพวกเราได้ทำการปรึกษากัน ตัดสินใจโยนศพนางลงไปในน้ำ ส่วนเวลานี้ศพของนางอยู่ที่ไหน……พวกข้าเองก็ไม่รู้”
คุณชายรองเฉินพยายามระงับความตื่นเต้นและความสุขในใจของเขา ไม่มีศพ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะพิสูจน์อย่างไร คุณชายรองเฉินยังพอระงับไว้ได้ แต่คุณชายสามเฉินนั้นไม่สามารถระงับมันไว้ได้เลย ฉวยโอกาสตอนที่คนไม่สนใจ จ้องมองไปยังเฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาอันชั่วร้าย
“โยนศพลงน้ำ? พวกเจ้านำศพของแม่นางลิ่วโยนลงไปในน้ำงั้นหรือ พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจสองเดรัจฉานลุงหลานคู่นี้ นางสนใจเพียงศพของแม่นางลิ่ว
ไม่แปลกเลยว่าทำไมเสด็จอาเก้าจึงหาศพของแม่นางลิ่วไม่พบ ที่แท้เจ้าพวกนี้ก็นำศพของนางไปโยนทิ้งน้ำ
“เด็กผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ สมควรแล้วที่จะถูกโยนลงน้ำ พวกข้าไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณชายรองเฉินกล่าวออกมาอย่างไร้ยางอาย เขาดูค่อนข้างภูมิใจ แววตาที่จ้องมองเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเย็นชา
ในสายตาของพวกเขา เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเฟิ่งชิงเฉิน หากเฟิ่งชิงเฉินไม่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องอื้อฉาวในจวนซุ่นหนิงโหวคงไม่ถูกเปิดเผยออกมาเช่นนี้
“พวกเจ้าทำลายศพ เยี่ยม ยอดเยี่ยม พวกเจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะไม่สามารถตรวจสอบความจริงของแม่นางลิ่วได้งั้นหรือ ในเมื่อพวกเจ้าไม่พูด งั้นพวกข้าจะทำการซักถามตามเวลาในบันทึกที่แม่นางลิ่วเขียนเอาไว้ หกปีก่อนหน้านี้ วันที่สิบหกเดือนสาม พวกเจ้าลุงและหลานอยู่ที่ไหน? มีใครเป็นพยานหรือไม่? อย่าบอกข้าว่าพวกเจ้าลืมเรื่องเมื่อหกปีที่แล้วไปแล้ว งั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้หรือหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้เล่า? พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ เวลานั้นพวกเจ้าอยู่ที่ใด มีพยานหรือไม่?”
เฟิ่งชิงเฉินโกรธมาก แม้นางจะชะล้างความบริสุทธิ์ให้กับซุนซือสิงได้แล้ว แต่นางก็ยังไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายนางยังถูกคนของจวนซุ่นหนิงโหวร่วมมือกันเพื่อบ่ายเบี่ยง และโยนความผิดทั้งหมดให้แม่นางลิ่วเป็นผู้แบกรับแต่เพียงผู้เดียว
เวลานี้ เฟิ่งชิงเฉินอยากให้พี่สาวของนางที่เรียนนิติเวชศาสตร์อยู่ที่นี่เป็นอย่างมาก ด้วยทักษะทางการแพทย์ของพี่สาว นางจะต้องพิสูจน์หลักฐานออกมาได้แน่ ทำให้ฆาตกรหมดหนทาง แต่เวลานี้……สิ่งที่แตกต่างกันของพวกนางไม่ใช่ระยะทาง แต่เป็นเรื่องของมิติเวลา
คำถามของเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รับคำตอบ นางไม่ใช่หัวหน้าผู้พิพากษา คุณชายรองเฉินและคุณชายสามเฉินมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถามของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้โกรธ นางแค่จ้องมองไปยังคุณชายรองเฉินและคุณชายสามเฉินด้วยสายตาอันเยือกเย็น
หากกฎหมายไม่สามารถจัดการกับสองคนนี้ได้ งั้นนางก็จะใช้วิธีการของตนเองในการจัดการฝังสองคนนี้ นางไม่เชื่อว่าแมลงสองตัวนี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมายโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้
เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทุกคนจ้องมองมาที่นาง รู้ว่าตนเองขาดสติ จึงรีบก้าวออกไปเพื่อขอโทษ “ใต้เท้าได้โปรดยกโทษให้ข้า เมื่อสักครู่ชิงเฉินรู้สึกกระสับกระส่าย จึงทำให้ขาดสติไปบ้าง”
“แฮ่ม แฮ่ม ไม่เป็นไร” มีเสด็จอาเก้าอยู่ หัวหน้าศาลต้าหลี่จะกล้ากล่าวหาเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร เรื่องนี้ทุกคนแกล้งทำเป็นว่ามองไม่เห็น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าศาลต้าหลี่ดำเนินการสอบสวนคดีต่อไป คำถามที่เขาถามออกมาไม่ต่างอะไรกับคำถามของเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าคุณชายรองเฉินและคุณชายสามเฉินจะไม่ใช่คนฉลาดมากมายอะไร แต่การสร้างหลักฐานเหล่านี้ขึ้นมามันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับพวกเขา ในตอนตอบออกมา พวกเขาไม่ได้กล่าวว่าตนเองอยู่กับปู่โหว แต่พวกเขากล่าวว่าอยู่กับเหล่าคนรับใช้ และคนรับใช้เหล่านั้นเวลานี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่แห่งหนใด บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว หากต้องการหาหลักฐาน บอกได้เลยว่ายาก
เวลานี้ต่อให้ทุกคนรู้ว่าการตายของแม่นางลิ่วมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณชายรองเฉินและคุณชายสามเฉิน แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่ชัดเจน ประกอบกับคำให้การของทุกคนในจวนซุ่นหนิงโหวว่าแม่นางลิ่วนั้นมีการล่วงประเวณี พวกเขาก็ไม่สามารถเอาผิดคุณชายรองเฉินและคุณชายสามเฉินได้
ถามทุกคนในจวนซุ่นหนิงโหว พวกเขาได้เตรียมคำตอบมาตั้งแต่แรก แน่นอนว่าไม่ได้เบาะแสอะไร หัวหน้าศาลต้าหลี่หมดหนทาง ทำได้เพียงตัดสินคดีของแม่นางลิ่วว่าเป็นการล่วงประเวณี ซุนซือสิงไร้ความผิด และชู้ของแม่นางลิ่วผู้นั้นก็ได้หายสาบสูญไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินเฝ้าดูคดีจากด้านข้าง ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นางไม่ได้พูดอะไร แต่ในตอนที่หัวหน้าศาลต้าหลี่กำลังตัดสินคดี จู่ ๆ เฟิ่งชิงเฉินก็เอ่ยปากออกมา “ช้าก่อน……”
“แม่นางเฟิ่งมีเรื่องอันใดงั้นหรือ?” หัวหน้าศาลต้าหลี่ยกค้อนขึ้นครึ่งหนึ่ง และยังหยุดมือเอาไว้ได้ สีหน้าของเขาค่อนข้างอึดอัด เฟิ่งชิงเฉินขัดจังหวะการตัดสินคดีของเขา มันเป็นเรื่องที่ไร้มารยาทต่อหัวหน้าผู้พิพากษาเป็นอย่างยิ่ง
เฟิ่งชิงเฉินเองก็รู้ว่าตนเองทำผิดมารยาท รีบขอโทษออกไปทันที “ใต้เท้าโปรดอภัย ชิงเฉินแค่ร้อนใจ ใต้เท้า เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีใครบางคนในจวนซุ่นหนิงโหวถูกจับขังเอาไว้?”
“ใช่” แม้หัวหน้าศาลต้าหลี่จะไม่พอใจ แต่เขาก็ตอบออกมาจากใจจริง จวนซุ่นหนิงโหวล้ำเส้นไปกล่าวหาเสด็จอาเก้า แน่นอนว่าเขาต้องลงโทษคนในจวนทั้งหมด
“ตามบันทึกที่แม่นางลิ่วเขียนเอาไว้ นางมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง และเนื่องจากน้องสาวของนางคนนี้ ทำให้แม่นางลิ่วอดทนมาโดยตลอด ขอถามว่าน้องสาวของแม่นางลิ่ว แม่นางแปดอยู่ที่ใด?” เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่มั่นใจว่าแม่นางแปดผู้นี้จะมีประโยชน์หรือไม่ แต่เมื่อไม่เห็นนางปรากฏตัวออกมา แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องน่าสงสัย เวลานี้นางทำได้เพียงนำความเป็นไปได้ทั้งหมดมาเดิมพันกับความน่าสงสัยนี้
“ปัง……” ใบหน้าของหัวหน้าศาลต้าหลี่ซีดขาว กลัวว่าเสด็จอาเก้าจะกล่าวหาว่าตนเองพิพากษาคดีไม่เต็มที่ รีบถามถึงความเป็นมาของแม่นางแปด สุดท้ายเป็นอย่างที่เฟิ่งชิงเฉินคิด แม่นางแปดผู้นั้นไม่อยู่ และไม่มีคนใช้คนไหนในจวนซุ่นหนิงโหวรู้ว่าแม่นางแปดอยู่แห่งหนใด
สาวน้อยอายุสิบสี่ปีผู้หนึ่ง อาศัยอยู่ในจวนซุ่นหนิงโหวที่เต็มไปด้วยทหารรายล้อม จะหนีออกไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไรกัน เช่นนั้นแม่นางแปดผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
เดิมทีมันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เวลานี้ความเป็นไปได้ของมันกลายเป็นสิบส่วน น้องสาวของแม่นางลิ่ว แม่นางแปดผู้นี้มีปัญหา นางอาจเป็นกุญแจสำคัญของคดีในครั้งนี้ แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?