นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 876 เจ้าเหยียบย่ำจิตใจข้า
เหล่าองครักษ์ด้านนอกของหวังชี คนพวกนี้ไม่ยอมอ่อนข้อให้ตงหลิงจื่อลั่ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้า พวกเขาจะไปเอาความกล้าเช่นนั้นมาจากที่ไหน เหล่าองครักษ์คุกเข่าลงโดยปราศจากความสงสัย ตะโกนออกมาว่า “ถวายบังคมเสด็จอาเก้า ขอฝ่าบาทอายุยืนนาน หมื่นปี หมื่น หมื่นปี”
แน่นอนว่าสิ่งก่อสร้างในจวนเฟิ่งไม่สามารถป้องกันการแพร่กระจายของเสียงได้ และเสียงขององครักษ์ก็ไม่เบา มีหรือที่เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้ยิน
“ช่างใจร้อนเสียเหลือเกิน” ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม แต่มือของนางยังคงเคลื่อนไหว เคาะฝาขวดออก ยกเข็มขึ้นเพื่อดึงสิ่งที่อยู่ในขวดออก แล้วโยนขวดเปล่าไปไว้ด้านข้าง
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอก นางเชื่อว่าเสด็จอาเก้ารู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ ไม่มีทางเข้ามาเพื่อรบกวนนาง ดังนั้นนางจึงนำยาออกมาและเตรียมฉีดให้กับหวังชี
เนื่องจากในหลอดฉีดยามียาอยู่ปริมาณมาก ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงเลือกฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ แขนของหวังชีเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เฟิ่งชิงเฉินจึงทำได้เพียงฉีดยาไปยังบั้นท้ายของเขา
บั้นท้ายอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ ระคายเคืองน้อย เส้นเลือดใหญ่ ดูดซึมง่าย และยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เฟิ่งชิงเฉินสั่งให้สาวใช้ที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏตัวออกมา และบอกให้พวกนางช่วยถอดกางเกงของหวังชีออกเล็กน้อย
สาวใช้หญิงที่เป็นสายลับ เมื่อได้ยินว่าเสด็จอาเก้าเสด็จมา ตอนแรกพวกนางรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นความสงบของเฟิ่งชิงเฉิน พวกนางก็รู้สึกสงบ และช่วยถอดกางเกงของหวังชีออก
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวอันคุ้นชินของสาวใช้ทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกนาง อีกอย่างเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ให้พวกนางถอดกางเกงออกทั้งหมด แค่สั่งให้ถอนเพียง 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินหยิบสำลีที่ด้านข้างเช็ดไปที่บั้นท้ายของหวังชี ทำให้สามารถฉีดยาได้ง่ายขึ้น แต่ในตอนที่นางกำลังจะฉีดก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง” จากด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินตกใจ รีบเงยหน้าขึ้นมา และเผชิญหน้ากับความโกรธของเสด็จอาเก้า
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าคิดจะทำอะไร?” ทันทีที่เขาเข้ามา เขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินแตะบั้นท้ายของหวังจิ่นหาน ประกอบกับเรื่องที่ถูกคนด้านนอกขวางไว้ ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
“ข้า?” หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นรัว ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นมืออาชีพและมือที่มั่นคงของนาง เฟิ่งชิงเฉินคงทิ้งเข็มไว้ที่บั้นท้ายของหวังชี
“ข้ากำลังฉีดยาให้หวังชี” เมื่อตระหนักได้ว่าจิตใจของนางกำลังฟุ้งซ่าน เฟิ่งชิงเฉินถอนใจอย่างรวดเร็ว มองไปยังเสด็จอาเก้าด้วยสายตาขอโทษ และส่งสัญญาณว่านางมีเรื่องจะพูดในภายหลัง
เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้า ค่อย ๆ ฉีดยาเข้าไปในร่างกายของหวังชี ด้วยความกลัวว่าอาจจะเกิดปัญหา เฟิ่งชิงเฉินจึงตั้งสมาธิกับมันเป็นอย่างมาก แต่ในสายตาของเสด็จอาเก้า นางกำลังจ้องมองบั้นท้ายของหวังจิ่นหานโดยไม่กะพริบตา
เสด็จอาเก้าไม่อยากเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าเขา ถอดกางเกงของผู้ชาย และจ้องมองบั้นท้ายของชายผู้นั้นต่อหน้าเขา นี่เป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้
มือของเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดของเขาปูด เสด็จอาเก้าบอกกับตนเองให้ใจเย็น อย่ารีบร้อนเป็นอันขาด หากเขารบกวนการเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินจะต้องไม่พอใจเขาอย่างแน่นอน แต่……
ขั้นตอนการฉีดยาสั้น ๆ นี้สำหรับเสด็จอาเก้านั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่เนิ่นนาน เสด็จอาเก้าเฝ้าดูเฟิ่งชิงเฉินดึงเข็มออกมา ถือไม่ขนาดเล็กกดลงไปตรงจุดที่ฉีดยา หลังจากนั้นก็ได้ยินเฟิ่งชิงเฉินสั่งสาวใช้ทั้งสองว่า “สวมเสื้อผ้าหวังชีให้เรียบร้อย”
นี่เป็นครั้งแรกที่เสด็จอาเก้ารู้สึกว่าความอดทนของตนเองนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน จนกระทั่งสาวใช้ทั้งสองสวมเสื้อผ้าให้หวังชีเป็นที่เรียบร้อย เสด็จอาเก้าก็พูดออกมาว่า “ออกไป”
น้ำเสียงที่เศร้าหมอง ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสด็จอาเก้าโกรธมากแค่ไหน สาวใช้ทั้งสองไม่พูดอะไรออกมาสักคำ วิ่งออกไปพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา
เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว จากนั้นหันมามองเสด็จอาเก้า แต่นางไม่ได้พูดอะไร เก็บเข็มและขวดเปล่าลงถังขยะ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย นางถึงหันมาพูดกับเสด็จอาเก้า “พวกเราออกไปคุยกันด้านนอก”
เสด็จอาเก้าโกรธมาก ขอแค่มองเห็นก็สามารถรับรู้ได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าโกรธนางเรื่องอะไร แต่นางรู้ดีว่าคงไม่เหมาะสมหากต้องมาคุยกันในที่แบบนี้
“หึ……” เสด็จอาเก้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น จ้องมองเฟิ่งชิงเฉินและหันหลังเดินจากไป
สายตานั้น……ช่างเป็นสายตาที่เย่อหยิ่ง ไม่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ไม่สนใจเรื่องราวหรือผู้ใดทั้งนั้น เป็นสายตาเดียวกับที่เขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินครั้งแรกในสภาพสะบักสะบอม แค่เห็นก็ทำให้คนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองแผ่นหลังของเสด็จอาเก้าด้วยความงุนงง ไม่กล้าเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
เกิดอะไรขึ้น?
“ตามมา” เสด็จอาเก้าเห็นเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมเคลื่อนไหว เขาหยุดเดินและหันหลังกลับมา แต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะรอเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป
“คุณหนู” พ่อบ้านรับแรงกดดันมหาศาลจากเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา และกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉิน จึงมองมาที่นางด้วยความเป็นห่วง
เฟิ่งชิงเฉินฝืนยิ้มออกมา “ข้ามิเป็นไร”
สูดลมหายใจเข้า ระงับความหนาวเย็นในหัวใจ เฟิ่งชิงเฉินรีบเดินตามออกไป คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา นอกจากทำลายชุดพระชายาอ๋องเก้า เฟิ่งชิงเฉินก็คิดว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร
เสด็จอาเก้าคงไม่ได้ขี้เหนียวถึงขนาดโกรธเรื่องที่นางทำลายชุดถึงขั้นนี้?
แค่ชุดเพียงชุดเดียว แม้จะเป็นชุดที่บ่งบอกถึงสถานะของพระชายาอ๋องเก้า แต่แค่ให้คนในพระราชวังทำออกมาใหม่ก็สิ้นเรื่อง หากไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นเขาโกรธเพราะเรื่องใด?
เฟิ่งชิงเฉินนึกไม่ออกเลยว่านางไปทำอะไรให้เสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าถึงได้โกรธถึงเพียงนี้
คนที่อยู่ด้านนอกห้องหนังสือต่างถูกเสด็จอาเก้าขับไล่ออกไป แม้แต่สายลับที่คอยคุ้มกันก็ทำได้เพียงจ้องมองอยู่ห่าง ๆ เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปในห้องหนังสือ เห็นเสด็จอาเก้านั่งอยู่หน้าโต๊ะ รอบกายของเขาปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น
“ปิดประตู” เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างเยือกเย็น เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกังวล แม้จะไม่ชอบให้เสด็จอาเก้าออกคำสั่งด้วยอารมณ์โกรธ แต่นางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ปิดประตู ร่างของนางพึงอยู่หน้าประตู ไม่กล้าก้าวออกมาด้านหน้า
“เสด็จอาเก้า เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาด้วยความระมัดระวัง ยืนพิงอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางป้องกันตัว
“ข้ามิได้เป็นอะไร คนที่เป็นคือเจ้า” เสด็จอาเก้าจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความอบอุ่น
ครั้งนี้เสด็จอาเก้าโกรธจริง นึกถึงภาพที่เกิดขึ้นในกระท่อมเมื่อครู่ จิตสังหารของเสด็จอาเก้าแรงกล้า หากไม่ใช่ว่ายังมีสติอยู่ หวังจิ่นหานคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่จมูกของตนเอง กล่าวออกมาด้วยใบหน้าสงสัย “ข้า? ข้ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
หรือเสด็จอาเก้าจะรู้ว่านางเป็นคนทำลายชุดพระชายาอ๋องเก้า และใส่ความตงหลิงจื่อลั่ว? น่าจะไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะเรื่องนั้นไม่มีหลักฐานแต่อย่างใด
“อยากให้ข้าบอกกับเจ้าทุกเรื่องเลยงั้นหรือ?” เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างเยือกเย็น
เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว “ชิงเฉินมิเข้าใจ เสด็จอาเก้าโปรดอธิบาย”
“ดื้อด้าน ทำผิดมิยอมรับผิด ข้าขอเตือนเจ้า ชุดพระชายาอ๋องเก้า” เสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมรับว่าเขาโกรธเฟิ่งชิงเฉินเพราะเรื่องที่นางไปสัมผัสบั้นท้ายของหวังจิ่นหาน
ขนาดเรื่องที่หวังจิ่นหลิงนอนในห้องเดียวกับเฟิ่งชิงเฉินเขายังไม่สนใจ แล้วเขาจะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร แต่เรื่องที่นอนห้องเดียวกัน เขาไม่ได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง
ดังนั้นการที่มองไม่เห็นถือเป็นสิ่งที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้น การที่ต้องนอนด้วยกันอาจเป็นเพราะหมดทางเลือก และทั้งสองคนอาจนอนห่างกันและป้องกันตัวอย่างแน่นหนา ไม่แม้แต่จะเผยให้เห็นถึงผิวพรรณ แต่เมื่อสักครู่เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสกับบั้นท้ายของหวังชีโดยตรง นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถรับได้……
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องชุดพระชายาอ๋องเก้า เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “เสด็จอาเก้า ชุดพระชายาอ๋องเก้า เจ้าเป็นคนมอบให้ข้า มันถือว่าเป็นของข้า ข้ามีอำนาจในการจัดการมัน ข้ารู้ว่าวิธีการของข้าค่อนข้างหยาบคายและเกินเหตุไปบ้าง แต่ข้าหมดหนทางที่ดีกว่านั้นแล้ว”
เฟิ่งชิงเฉินไม่ปฏิเสธอีกต่อไป เมื่อเสด็จอาเก้าถามก็แสดงว่าเสด็จอาเก้ารู้ความจริงเกี่ยวกับมัน หากนางไม่ยอมรับ อาจทำให้เสด็จอาเก้าโกรธมากไปกว่านี้……