นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 880 สนับสนุนฝั่งใดดี
หนานหลิงจิ่นสิงกำลังใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ในตอนแรกเหยาหวาใช้ข่าวลือเพื่อโจมตีเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้เขาก็ใช้ข่าวลือเพื่อทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเหยาหวากลับ
เห็นได้ชัดว่ากลอุบายของหนานหลิงจิ่นสิง ฉลาดกว่าขององค์หญิงเหยาหวา หนานหลิงจิ่นสิงกำข่าวลือในหมู่ขุนนางมาใช้กับชื่อเสียงของเหยาหวา นางทั้งชื่อเสียงถูกทำลาย และส่งผลต่อความโกรธของซีหลิงด้วย
ซูโหรวมีประโยชน์จริงเสียด้วย ไม่น่าแปลกใจที่หนานหลิงจิ่นสิงพานางเข้ามาในวัง
เสด็จอาเก้าจ้องมองไปที่หนานหลิงจิ่นสิง เขาสบตากับหนานหลิงจิ่นสิงแล้วละสายตากลับมา ในสายตาของทุกคน เสด็จอาเก้านั้นมีจิตใจที่ลึกซึ้งกว้างขวาง
หากเสด็จอาเก้ารู้ว่าทุกคนคิดอย่างไร คงจะเยาะเย้ยพวกเขาอย่างแน่นอน เขาเพียงแค่ไม่มีอารมณ์มาสนใจ ไม่ได้จิตใจลึกล้ำอย่างที่ทุกคนคิด……
เหยาหวาในวันนี้แน่นอนว่าคงจะว่าง่าย ไม่ว่าซูโหรวจะยั่วยุหรือพูดจาไม่น่าฟังแค่ไหน นางก็ไม่ตอบสนอง ราวกับว่าผู้คนและสิ่งที่ซูโหรวเอ่ยถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง ไม่เพียงแค่นั้น ใบหน้าที่แข็งทื่อของเหยาหวาก็ดูอ่อนลงเช่นกัน ทั้งยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนางด้วย
องค์หญิงเหยาหวานับว่ายังมีสมอง รู้ว่าในเวลานี้การแสดงท่าทีสงบไม่แยแสเท่านั้นจึงจะสามารถขจัดความสงสัยของทุกคนได้ ทำให้ทุกคนละสายตาเช่นนั้นกลับไป
แต่น่าเสียดายที่ไฟยิ่งร้อนยิ่งนำความร้อนได้ดี ไม่มีสตรีคนใดในโลกนี้ยอมรับได้ว่านางเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงานและตั้งครรภ์ เมื่อถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ และทุกคนจ้องมองมาทางนาง เหยาหวาอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะเดินจากไปทันที ซึ่งนับว่าไม่เลวแล้ว
ชีวิตที่ไม่มีคู่ต่อสู้นั้นเงียบเหงา ยิ่งซูโหรวเอ่ยออกมามากเท่าไหร่นางก็เบื่อมากขึ้นเท่านั้น แต่หนานหลิงจิ่นสิงไม่ยอมพูด ดังนั้นนางจึงได้แต่พูดต่อไปจนกระทั่งขันทีตะโกนว่า “องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีเสด็จ” จึงเข้ามาช่วยชีวิตเหยาหวาไว้
เหยาหวาแอบหยิกตัวเอง แล้วยืนขึ้นพร้อมกับทุกคน แสดงรอยยิ้มที่สง่างามออกมา นางจะต้องได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ แสวงหาการสนับสนุนจากราชวงศ์ตงหลิง
ในเวลานี้หากมีกระจกละก็ องค์หญิงเหยาหวาคงได้เห็นว่านางน่าสมเพชเพียงใด……
ณ จวนเฟิ่งถูกตกแต่งไปด้วยโคมไฟและพู่ห้อย เป็นฉากรื่นเริงยิ่งนัก ก่อนรับประทานอาหาร เฟิ่งชิงเฉินออกมาจากห้องเพื่อรับการเคารพจากคนรับใช้ หลังจากดื่มไปแก้วหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินก็จากไป เพื่อไม่ให้ทุกคนในจวนอึดอัดใจเนื่องจากนางอยู่ที่นี่
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแดงก่ำด้วยรอยยิ้มที่สดใส นางเดินมายังโต๊ะเล็กๆ ในห้องเพื่อทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่ากับซีหลิงเทียนอวี่ แม้ว่าจะมีเพียงสองคน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้รู้สึกว่าเงียบเหงา
เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถามว่า “องค์ชายอวี่ เคยชินกับที่นี่หรือไม่?”
“มื้อค่ำส่งท้ายปีเก่าปีนี้เป็นปีที่เงียบสงบที่สุดสำหรับข้า” ซีหลิงเทียนอวี่ยกแก้วสุราขึ้นและชนแก้วกับเฟิ่งชิงเฉิน คิดในใจว่าเสด็จอาเก้าคงจะอิจฉาเขามากแน่
“ดียิ่งนักที่องค์ชายหยูมีความสุขดี” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เอ่ยต่อ นางเข้าใจดีว่าในช่วงเวลานี้ของปีก่อน ๆ ซีหลิงเทียนอวี่จะต้องเดินทางเข้าวังเพื่อรับประทานอาหารค่ำกับจักรพรรดิเช่นเดียวกับเสด็จอาเก้า
ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าจะชื่นชอบอาหารในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าของพระราชวังหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินมีความคิดอย่างหนึ่งขึ้น
“ข้ามีความสุขที่สุดในปีนี้ก็ว่าได้ นี่คือบรรยากาศของวันส่งท้ายปีเก่าที่เรียกว่าวันตรุษจีนอย่างแท้จริง” ซีหลิงเทียนอวี่ยกแก้วขึ้นดื่ม
“องค์ชายหยู ดื่มให้น้อยลงหน่อยเถอะ มันไม่ดีต่อบาดแผล” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าซีหลิงเทียนอวี่มีความสุข แต่ไม่ว่าจะอารมณ์ดีแค่ไหน เขาก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป
“น่าเบื่อจริง นี่เป็นวันตรุษจีน เจ้าจะให้ข้าดื่มตามใจข้าไม่ได้หรือ?” กล่าวจบ ซีหลิงเทียนอวี่ก็วางแก้วไวน์ลงอย่างเชื่อฟัง “เอาล่ะ ไม่ดื่มก็ไม่ดื่ม มากินอาหารกันเถอะ”
เสด็จอาเก้านั่งหิวรอให้จักรพรรดิเสด็จมาถึง แต่ซีหลิงเทียนอวี่และเฟิ่งชิงเฉินบนโต๊ะกลับเต็มไปด้วยอาหาร……
องค์จักรพรรดิเสด็จมา สายตามองไปที่ขุนนางซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น องค์ชายและองค์หญิงของแคว้นอื่น ๆ ยืนขึ้นเพื่อถวายพระพร พระพักตร์สง่างามแสดงรอยยิ้มอันพึงพอใจ ความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
นี่คือแคว้นของเขา นี่คือดินแดนของเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ผู้คนนับพันล้วนคุกเข่าคารวะ แต่เมื่อองค์จักรพรรดิทอดพระเนตรไปทางเสด็จอาเก้าที่นั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ตรงโต๊ะ ความภาคภูมิใจของเขาก็พังทลายลงทันที
ตงหลิงจิ่ว เจ้าเป็นตัวซวยของข้าชัด ๆ
จักรพรรดิเหลือบมองไปที่เสด็จอาเก้าอย่างรวดเร็ว คาดว่านอกจากองค์จักรพรรดิและเสด็จอาเก้าแล้ว คงไม่มีบุคคลที่สามรู้ถึงการกระทำนี้ แม้แต่จักรพรรดินีที่อยู่ข้างจักรพรรดิด้วย
จักรพรรดิและจักรพรรดินีเดินทางมาพร้อมกัน องค์จักรพรรดิไม่พอพระทัยเสด็จอาเก้า จักรพรรดินีก็เกลียดเสด็จอาเก้า หากไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้า โอรสนางจะถูกจักรพรรดิเกลียดได้อย่างไร แม้แต่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าก็ยังมิได้
หากไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้า พระราชวังจะวุ่นวายจนทำให้งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่ายุ่งเหยิงได้อย่างไร
จักรพรรดิยังคงสามารถซ่อนอารมณ์ของเขาไว้ได้ แต่จักรพรรดินีทำไม่ได้ นางทอดสายตาไปมองเสด็จอาเก้าอย่างดุดัน ก่อนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดพร้อมกับจักรพรรดิ
เสด็จอาเก้าไม่มีการแสดงออกใดๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ นี่เป็นสิทธิพิเศษของเขา สิทธิพิเศษที่จักรพรรดิองค์ก่อนมอบให้เขา เขาทำอย่างนี้ทุกปี แต่ทำให้จักรพรรดิและจักรพรรดินีไม่ชินกับมัน
จักรพรรดินีเสด็จขึ้นบันไดและหันไปเผชิญหน้ากับประชาชน พระนางช่างสง่างามเหลือหลาย ความไม่พอใจของนางที่มีต่อเสด็จอาเก้าถูกเก็บซ่อนไว้
องค์จักรพรรดิตรัสให้ทุกคนนั่งลง ขณะที่เขากำลังจะประกาศเปิดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ จักรพรรดินีก็ชี้ไปที่ที่นั่งว่างตรงข้ามกับเสด็จอาเก้า “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทอยู่ที่ใดเล่า?”
มีที่นั่งว่างเพียงที่นั่งเดียวในงานเลี้ยงนี้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งอันโดดเด่น ทว่าจักรพรรดิแสร้งที่จะไม่เห็น ชี้ว่าในใจของจักรพรรดินั้น องค์รัชทายาทไม่ได้มีความสำคัญใด
คำถามของจักรพรรดินีทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงตึงเครียด ความเยาะเย้ยฉายในดวงตาของเสด็จอาเก้าปรากฏขึ้น งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าปีนี้น่าสนใจจริงๆ
“กระหม่อมอยู่ที่นี่ ขอบพระทัยจักรพรรดินีที่เป็นห่วง” องค์รัชทายาทปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้ ท่าทีช่างแตกต่างจากตามปกติที่อ่อนโยน น้ำเสียงของรัชทายาทแหลมสูงมีสีสัน สวมชุดองค์รัชทายาท ความอ่อนโยนแตกต่างไป ความเคร่งขรึมเข้ามาแทนที่
ในวันส่งท้ายปีเก่านี้ จักรพรรดิเป็นผู้จัดงานเลี้ยง แต่รัชทายาทกล้าเดินทางมาถึงช้ากว่าจักรพรรดิ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมรับความผิด รัชทายาทใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ ลั่วอ๋องและคนอื่นๆ กำมือแน่น ตั้งใจจะฟ้องร้องรัชทายาทหลังปีใหม่
องค์หญิงเหยาหวาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดการมาถึงขององค์รัชทายาทก็เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนไปสักที คนเหล่านี้หยุดจ้องมองนาง
รัชทายาทไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่าจะกลายเป็นจุดสนใจ เขาเดินตรงไปที่ด้านหน้าโดยไม่รีบร้อน ไม่สนใจใบหน้าที่ขุ่นมัวของจักรพรรดิ เขายกมือขึ้นคารวะ “ลูกมาสาย เสด็จพ่อโปรดลงโทษลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ลงโทษ?
บัดนี้ไม่เพียงแต่มีขุนนางบู๊บุ๋นเท่านั้น แต่ยังมีคนภายนอกอยู่ด้วย จะลงโทษองค์รัชทายาทอย่างไร?
แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่พอใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงมองอย่างเฉยเมย “นั่งลงเถิด”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” จักรพรรดิไม่ได้ลงโทษหรือปฏิเสธการลงโทษ นั่นหมายความว่าจะลงโทษในภายหลัง แต่รัชทายาทไม่ได้นำมาใส่ใจ กลับเดินไปยังที่นั่งอย่างสง่า เมื่อนั่งลงแล้วก็หยิบแก้วสุราขั้นยกไปทางเสด็จอาเก้า
รัชทายาทเพียงแค่แสดงความขอบคุณออกมา แต่เขาคิดไม่ถึงว่าในสายตาคนอื่นจะมองเป็นรัชทายาททักทายแต่เสด็จอาเก้า ไม่เห็นจักรพรรดิอยู่ใดสายตา
องค์รัชทายาทรู้ตัวในเวลาต่อมา แต่เขาก็เพียงยิ้มรับ จักรพรรดิไม่ได้แสดงความคิดเห็นของเขาออกมา ขุนนางต่างก็ไม่สบายใจ
เจ้าลูกเหล่านี้!
ข้ายังไม่ตายสักหน่อย แต่ละคนก็พากันมาแก่งแย่งตำแหน่ง การแย่งชิงบัลลังก์เริ่มให้เห็นตรงหน้า
ขุนนางทุกคนเหงื่อตก ผู้ที่มีฝั่งจะสนับสนุนคาดคะเนการชนะอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ยังไม่ได้สนับสนุนฝั่งใดกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไร หากไม่รีบตัดสินใจอาจถูกรังแก แต่หากยืนผิดฝั่งก็คงแย่? ครอบครัวอาจเดือดร้อนไปด้วย
ปวดหัวยิ่งนัก……