นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 895 ความวุ่นวายของหุบเขาหมอเทวดา
เฟิ่งชิงเฉินตกจากเก้าอี้โดยบังเอิญ และได้รับการช่วยเหลือโดยซูโหรวได้ทันเวลาพอดี
หากกล่าวเช่นนี้ มีเพียงคนที่ไม่รู้จักเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่จะเชื่อ หนานหลิงจิ่นสิงได้เห็นทักษะของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ต้องพูดถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินระมัดระวังเพียงไร นางไม่สามารถตกจากเก้าอี้ได้แน่ แม้ว่านางจะล้มลงจริงๆ ก็ไม่เป็นอะไร
คำอธิบายของเฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงแต่ไม่ทำให้หนานหลิงจิ่นสิงวางใจ แต่ยังทำให้เขาขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “พี่สาว บอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงตกจากเก้าอี้ได้ ทักษะของซูโหรวนั้นไม่สู้เจ้า นางจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”
เฟิ่งชิงเฉินไม่แน่ใจว่านางควรสงสัยหนานหลิงจิ่นสิงหรือไม่ ดังนั้นนางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้ายังงุนงงอยู่เช่นกัน ซูโหรวบอกว่าข้ากำลังพูดถึงจักรพรรดินี จากนั้นข้าตกจากเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้น อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”
เรื่องการสะกดจิตของซูโหรว เฟิ่งชิงเฉินตั้งใจจะบอกกับเสด็จอาเก้าเท่านั้น และนางจะจัดการซูโหรวอย่างหนัก เพื่อให้รู้ว่าการใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยเหล่านี้จะต้องเอาสิ่งใดมาแลก
“ตื่นเต้นหรือ? พี่สาว เจ้าจะตื่นเต้นเพราะจักรพรรดินีหรือ? ข้าไม่เชื่อ จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันเหมือนเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บ ต่อให้เป็นจักรพรรดินีพระองค์ก่อน พี่สาวก็มิเห็นนางในสายตา”
หนานหลิงจิ่นสิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเฟิ่งชิงเฉิน จึงอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับซูโหรวอย่างชัดเจนรวดเร็ว “พี่สาว ซูโหรวและข้าเพียงแค่มีประโยชน์ต่อกัน นางต้องการเข้าวัง และข้าต้องใช้นางเพื่อสืบเรื่องตระกูลซูแห่งหนานหลิง ครั้งนี้ข้าพานางมาหาเจ้า เพราะนางต้องการขอโทษเจ้าอย่างจริงใจ หากโหรวทำสิ่งใดลงไป พี่สาวเจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับนาง”
“อย่ากังวลใจไป ข้าไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบใครง่ายๆ และไม่กล่าวขอบใจใครอย่างโง่เขลา ซูโหรวไม่ได้ทำอะไรเลย อาจเป็นเพราะช่วงนี้ข้ายุ่งเกินไป จิตใจของข้าจึงตกอยู่ในภวังค์” เฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าการกระทำของซูโหรวในวันนี้ หนานหลิงจิ่นสิงไม่รู้เรื่องด้วย
ไม่มีทางที่ตระกูลซูและจิ่นสิงจะร่วมมือกันได้ มีเพียงซูโหรวและจิ่นสิงเท่านั้นที่สามารถร่วมมือกันได้ และเป็นไปไม่ได้ที่ซูโหรวจะขัดคำสั่งของตระกูลซูกับหนานหลิงจิ่นสิง
ต้องการที่จะเอาชนะนาง ต้องการชีวิตนาง ให้นางตายด้วยทักษะการขี่ม้าที่ดีที่สุดของนาง ซูโหรวเก่งกาจกว่าซูหว่านมากจริงๆ
หนานหลิงจิ่นสิงยังคงกังวล แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวอะไรกับเขาเลย ดังนั้นเขาจะทำอย่างไรได้ “พี่สาว ระวังตัวด้วย ซูโหรวเป็นคนลึกลับ นางดูแปลกๆ ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรพานางไปที่จวนเฟิ่ง พี่สาว ในอนาคตหากเจ้าจะพบซูโหรว ควรหาคนไว้รอบกายมากสักหน่อย”
“อืม แต่ซูโหรวกับข้าไม่มีโอกาสพบกันตามลำพังอีกแล้ว หลังการแข่งขัน นางควรจะเดินทางเข้าวัง ตราบใดที่ข้าไม่อยากเห็นสตรีในวังหลัง พวกนางก็จะมิมีใครได้พบข้า” เฟิ่งชิงเฉินล้มเลิกความสงสัยในใจของนางลง ทักษะนั้นของซูโหรว คาดว่าคงจะมีค่าที่สุดสำหรับนางแล้ว นอกจาหนานหลิงจิ่นฝาน นางคงมิได้บอกคนอื่น
หลังจากขจัดความสงสัยในใจของตนลงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ป้องกันหนานหลิงจิ่นสิงอีก ในขณะที่ซูโหรวยังไม่ตื่นขึ้น เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ให้หนานหลิงจิ่นสิงรับประทานอาหารกลางวันในจวนเฟิ่งของนาง หนานหลิงจิ่นสิงตกลงและสนทนากันอย่างมีความสุข ทั้งสองสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย โดยมิได้มีเรื่องจริงจังเข้ามาเกี่ยวข้อง
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหนานหลิงจิ่นสิงกลัวว่านางจะไม่มีความสุข ดังนั้นนางจึงยิ้มแย้มขึ้น แต่นางอดเห็นใจสงสารหนานหลิงจิ่นสิงไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จิ่นสิงจะอาศัยอยู่ในหนานหลิง สำหรับองค์ชายที่ไร้ซึ่งมารดาคอยดูแล และไร้ซึ่งคนสนับสนุน
จิ่นสิงเรียกนางว่าพี่สาว ดังนั้นนางคือผู้ช่วยสนับสนุนของจิ่นสิง นางไม่สามารถหดอยู่ในกระดองได้ เพราะไม่ว่านางจะช่วยหนานหลิงจิ่นสิงหรือไม่ หนานหลิงจิ่นฝานก็เห็นนางเป็นศัตรูอยู่ดี
เมื่อตอนที่ส่งหนานหลิงจิ่นสิงออกไป เฟิ่งชิงเฉินก็มองไปที่ใบหน้าแหลมคมของหนานหลิงจิ่นสิง พูดว่า “จิ่นสิง ขอบใจสำหรับงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่านี้ หากเจ้ามีอะไรให้ช่วย เจ้าจงมาหาข้า ข้ามิได้ใสซื่อตามที่เจ้าคิด และมิได้ใจดีมีเมตตาอย่างที่เข้าคิด”
“จิ่นสิงการที่เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาว เจ้าควรเข้าใจว่าในฐานะพี่สาวข้าจะสนับสนุนน้องชายโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีถูกหรือผิด ข้าแค่รู้ว่าคนรอบตัวข้าควรจะมีชีวิตที่ดี”
นางช่วยชีวิตผู้คน นางบรรเทาภัยพิบัติ นางอาจดูเสียสละ แต่ที่จริงนางเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด นางไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้กอบกู้ และนางไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ทุกอย่างที่นางทำก็เพื่อให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
“พี่สาว……”จิ่นสิงสะอึก ดวงตาของเขาแดงเรื่อเล็กน้อย “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ข้าแค่……”
เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเลย เขาไม่สามารถบอกเฟิ่งชิงเฉินอย่างตรงไปตรงมาว่าทุกสิ่งที่เขาทำไม่มีจุดประสงค์ใด ระหว่างที่เขาอยู่ในตงหลิง เขาคอยระมัดระวังตลอดเวลา กลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่มีความสุข
“ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นองค์ชายแห่งหนานหลิง เจ้าต้องต่อสู้เพื่อหน้าที่และเกียรติยศของเจ้า ไม่ต้องกังวล แม้ว่าข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้ ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้ ปล่อยเรื่องของซูโหรวไปเถอะ ในเมื่อเจ้าอยู่ในตงหลิง ดังนั้นปล่อยให้ข้าจัดการเอง เจ้าจงก้าวไปข้างหน้าและทำมันอย่างกล้าหาญ เมื่อเจ้าเอาชนะหนานหลิงจิ่นฝานได้ ข้าจะมาฉลองกับเจ้า”
ด้วยคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน หนานหลิงจิ่นสิ่งจึงไม่จำเป็นต้องระแวดระวังสิ่งใดในตงหลิงอีกต่อไป ทำสิ่งต่างๆ อย่างต้องการ โดยมิต้องกังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่พอใจ
หนานหลิงจิ่นสิงพยักหน้า เขาสัญญาอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “พี่สาว ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถิด” เฟิ่งชิงเฉินโบกมือส่งสัญญาณให้หนานหลิงจิ่นสิงขึ้นรถม้าโดยเร็ว
ในฐานะองค์ชายแห่งหนานหลิง วันปีใหม่เช่นนี้คงเป็นวันที่ยุ่งมากเช่นกัน ดังนั้นการที่หนานหลิงจิ่นสิงจึงมาที่นี่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนนางหนึ่งวัน ถือว่าดีมากแล้ว
เมื่อส่งหนานหลิงจิ่นสิงออกไป ความหดหู่ใจที่ซูโหรวนำมาให้ก็หายไปเช่นกัน บางสิ่งหากกล่าวออกมาตามตรงก็เป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน หนานหลิงจิ่นสิงสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลพฤติกรรมของหนานหลิงจิ่นสิงว่าทำให้นางเห็นเท่านั้น
แม้ว่าซูโหรวจะทำให้นางหงุดหงิดเล็กน้อย แต่อารมณ์ดีของเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ลดลง เมื่อนางกลับเข้าไปในบ้าน ก็ได้ไปหาซีหลิงเทียนอวี่เพื่อวัดอุณหภูมิและให้ยาเขา ขณะที่นางจะจากไป ซีหลิงเทียนอวี่กล่าวขึ้นว่า “น้องชายเจ้าคนนั้นมิเลว”
เฟิ่งชิงเฉินหยุดชะงัก หันกลับมาพูดว่า “ขอบใจ” จากนั้นเดินไปที่ห้องโถงพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ
หวังจิ่นหานฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เวลาตื่นของเขายงไม่มากพอ เฟิ่งชิงเฉินควรไปให้ยาเขาในเวลานี้ แฃะเปลี่ยนใส่ยาให้แก่เขา
เรื่องเล็กน้อยทั้งหมดเหล่านี้นางต้องทำด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินคิดถึงซือสิงมากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะเดียวกันก็กังวลเป็นห่วงซือสิงที่อยู่ในหุบเขาหมอเทวดา
ส่วนเรื่องของจั่วอั้น เฟิ่งชิงเฉินยังคงสบายใจไร้กังวล แต่เพียงมั่นใจในความสามารถของเขา ซุนซือสิงจะไม่ตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอนหากมีจั่วอั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซือสิงจะมีชีวิตที่ดีในหุบเชาหมอเทวดานั้นได้ พวกเขามีความสามารถก็จริง แต่ไม่ใช่หมอที่ดีนัก
“ข้าหวังว่าหัวหน้าหุบเขาหมอเทวดาจะเห็นแก่ของขวัญชิ้นนั้น แล้วไม่ทำให้ซือสิงลำบากใจ และคงไม่กระทำการโหดเหี้ยว เปิดแผลที่ศีรษะด้านหลังของซือสิง ให้ซือสิงหายในเร็ววัน และรีบกลับมาเถิด”
ความกังวลของเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่เป็นความกังวลไปเอง เมื่อตอนที่หัวหน้าหุบเขาหมอแทวดาเห็นขาเทียมที่ขาของซีหลิงเทียนอวี่ เขาก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะตัดขาเทียมแล้วนำกลับไปที่หุบเขาแล้วทำการวิจัย หลังจากได้เห็นการผ่าตัดที่ด้านหลังศีรษะของซือสิง หากเขาไม่รู้สึกประหลาดใจละก็ คงจะไม่ใช่หัวหน้าหุบเขาแน่……