นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 896 ร่วมมือกัน ภารกิจลอบสังหารครั้งใหม่
เมื่อซุนซือสิงถูกส่งตัวมาที่หุบเขาซวนยีครั้งแรก ปรมาจารย์ซวนยีแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไม่ยอมมองหน้าซุนซือสิงเลย เขาให้หมอยาพาซุนซือซิงไปในสถานที่ห่างไกลจากสายตาเขา และส่งลูกศิษย์ไปดูแลแทน
แต่ตอนที่ปรมาจารย์ซวนยีได้ยินว่าศีรษะของซุนซือสิงมีบาดแผล และหลังจากเห็นวิธีการรักษาของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว สีหน้าและกริยาท่าทางของปรมาจารย์ซวนยีก็เปลี่ยนไปทันที และรีบแย่งหน้าที่นี้มาทำแทน เขาป้อนยาให้กับซุนซือสิงเองกับมือ
เมื่อเห็นซุนซือสิงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนศีระของเขามีผ้าพันแผลพันอยู่ ดวงตาทั้งสองของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที และเอาแต่ตำหนิตัวเองว่าไร้วิสัยทัศน์มาก วัสดุชั้นดีมาหาเขาเองถึงที่ แต่เขาไม่ไปศึกษามันตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น
แต่ก็ตอนนี้มันยังไม่สายเกินไป ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกลืนน้ำลายตัวเอง ระงับความเร่งรีบในใจตัวเอง และเขาก็รีบแกะผ้าพันแผลที่พันอยู่บนศีรษะของซุนซือสิงออกทันที เมื่อเห็นรอยเย็บบนหลังกระโหลกแล้ว น้ำลายของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแทบจะไหลออกจากปากของเขา “รอยแผลนี้ถูกเย็บให้ประสานเข้ากันอย่างสวยงาม น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดายที่ข้าไม่เห็นมันตั้งแต่เมื่อวันก่อน”
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็หักห้ามใจตัวเองไม่อยู่อีกแล้ว เขาไม่พูดพร่ำทำเพรีบหยิบเครื่องมืออกมา และเตรียมตัดรอยเย็บหลังกระโหลกของซุนซือสิง ส่วนซุนซือสิงจะตายหรือไม่ตาย เรื่องนี้ไม่อยู่ในแนวคิดและการตัดสินใจของเขาเลย
มักจะมีคนที่ต้องเสียสละเพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์อยู่เสมอ การเสียสละของคนคนนึงที่แลกมากับความสุขของคนนับพันนับหมื่นคน เขาจึงคำนึงถึงแค่ผู้ป่วยอีกหลายชีวิตที่รออยู่ ส่วนคนที่เสียสละจะยินยอมหรือมไม่ ก็ไม่ได้อยู่ในแนวความคิดและการตัดสินใจของเขาเลย ถ้าคุณมีน้ำยามากพอก็ลุกขึ้นมาพูดเลยสิ
ซุนซือสิงไม่สามารถคัดค้านได้ แต่ใช่ว่าคนอื่นจะคัดค้านไม่ได้ ในขณะที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกำลังจะแตะต้องตัวของซุนซือสิงนั้น จั่วอั้นที่นั่งรอจนราจะเกาะตัวแล้วก็ได้เข้ามามีบทบาทกับเขาสักที。。
“หยุดมือของเจ้าซะ” จั่วอั้นก็ลงจากหลังคาอย่างห้าวหาญ และเอาดาบที่แสนจะยาวและเบาบางขั้นกลางระหว่างปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีและซุนซือสิง ทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งออร่าสังหารอันเยือกเย็นออกมา
เมื่อใดที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีขยับเพียงเล็กน้อย ก็จะลงมือสังหารเขาทันที
น่าเสียดาย ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่มีความเกรงกลัวต่อเขาเลย เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธและถามว่า: “เจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาสร้างปัญหาในหุบเขาซวนยีของข้า ทหาร! มาเอาไอ้เศษสวะที่อยู่ตรงนี้ออกไปที ”
หลังจากที่พูดเสร็จ หมอยาและพวกอันธพาลที่อยู่ด้านนอก ก็รีบบุกเข้ามา ล้อมรอบตัวจั่วอั้นทันที
“ หึ”จั่วอั้นถอนหายใจด้วยท่าทีเหยียดหยาม ต่อหน้าฝูงอันธพาล และในดวงตาทั้งคู่ของเขาไม่มีความเกรงกลัวอยู่เลย ตรงกันข้ามกลับมีแต่ความกระตือรือร้นพร้อมที่จะสู้อยู่เสมอ
“ไม่ได้ต่อสู้มานานมากแล้ว เขารู้สึกเบื่อมากแล้ว กับบ้านห่วยๆหลังนี้แสงก็ไม่ดี วิวก็ไม่ดี ตอนสู้กันเดี๋ยวข้าช่วยพังมันไปด้วยละกัน”
ลูกคิดของจั่วอั้นก็ดี แต่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็ไม่เลวเหมือนกัน เขาฉวยโอกาสตอนที่จั่วอั้นกำลังสู้กับพวกฝูงอันธพาลอยู่ ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยียิ้มอย่างเยาะเย้ย ก่อนเจ้าตัวจะทำการแกะผ้าพันแผลที่พันอยู่บนศีระษะของซุนซือสิงอีกครั้ง
น่าเสียดาย คนที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเจอวันนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่น เพราะเขาคือ’จั่วอั้น’่สุดยอดนักฆ่า ดาบยาวที่แหลมคมข้ามฝูงชนมากมาย และพุ่งตรงมาทางปรมาจารย์ซวนยี
ปรมาจารย์ซวนยีร้องดังลั่น และรีบถอยหลัง”อ๊า……ไอ้สารเลว ไอ้นี่มันมาจากไหน พวกเจ้าจะยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ไปจับมันสิลุยเลย แต่อย่าให้มันถึงตาย ไอ้คนที่กล้ามาทำลายแผนการของข้า หึหึหึ…..ถ้าเกิดข้าไม่ได้บดเจ้าเป็นยา ก็อย่าเรียกข้าว่าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเลย”
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีสั่งด้วยอารมณ์ที่โกรธมาก และยิ่งอยู่ยิ่งมีคนเข้ามาในห้องรักษาตัวของซุนซือสิง จนคนอัดแน่นทั้งห้อง เขาไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อมานานมากแล้ว จั่วอั้นกำลังสู้ได้อย่างมีความสุข แต่เพราะว่าไม่ใช่ภารกิจสังหาร ก็เลยได้แต่เตะพวกนี้เหมือนกระสอบทราย โดยใช้ท้าวซ้ายเตะบินไปคนนึง และใช้ท้าวขวาเหยียบอีกคนลง
ก๊อกๆๆ….อันธพาลของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีโดนซ้อมจนนอนกองเต็มอยู่บนพื้น และเขาต้องการใช้ประโยชน์จากความโกลาหลนี้ในการเปิดบาดแผลของซุนซือสิงอยู่หลายครั้ง แต่ก็มักมีคนลอยผ่านมาอยู่เสมอ เขาจึงต้องถอยออกห่างไปก่อน
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีโกรธมาก และเตรียมลักพาตัวของซุนซือสิง เขาจะไม่มีวันปล่อยเคสดีๆ แบบนี้ไป การผ่าตัดสมอง เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำกัน เขาเคยทำการผ่าตัดมาหลายเคสแล้ว แต่อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 50%เท่านั้น
ก็แสดงว่า ถ้าหากทำการผ่าตัดสมองจำนวน10คน ก็จะมีผู้รอดชีวิตเพียง5คนเท่านั้น เขาหมกมุ่นและทำวิจัยเกี่ยวกับพวกนี้อยู่ยาวนาน จึงทำให้เขาสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ว่าวิธีการเย็บบาดแผลบนหลังกระโหลกของซุนซือสิงนั้น แม่นยำเป็นอย่างมาก ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อยนิด ถ้าเกิดเขาไม่ได้นำไปศึกษาต่อ เขาก็จะรู้สึกผิดต่อพวกที่นับถือเขา
แม้ว่าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีจะมีอายุที่มากแล้ว แต่เขาค่อนข้างมีความว่องไวเป็นอย่างมาก ท่ามกลางผู้คนที่กำลังชุลมุน เขายืนเฝ้าอยู่ข้างกายของซุนซือสิงตลอดเวลา และใช้จังหวะที่ผู้คนกำลังชุลมุนอยู่นั้น เขาอุ้มซุนซือสิงแล้ว หนีไป
อีกแค่เพียงพริบตาก็จะถึงหน้าประตูแล้ว แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังโครมคราม กระท่อมนั้นรับน้ำหนักไม่อยู่ พังถล่มลงมาทันที
ขณะเดียวกันกับตอนที่กระท่อมนั้นถล่มลงมา ในหัวของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีคิดแค่เพียงต้องปกป้องร่างกายของซุนซือสิงให้ดี แต่ก็โชคร้ายตอนที่เขาล้มลงมานั้น ปรากฎว่าคนในอ้อมแขนของเขาได้หายไป เงยหน้าขึ้นมอง ก็ได้เห็นจั่วอั้นอุ้มซุนซือสิงอยู่ และบินออกไปนอกบ้าน
“ไอ้สารเลว เอาซุนซือสิงคืนให้ข้าเดียวนี้” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีได้กระโกนบอกไป และพุ่งตัวออกไปแย่งซุนซือสิง แต่ระหว่างนั้นก็โดนก้อนหินก้อนใหญ่ปาเข้าใส่อย่างจัง เขาล้มลงกับพื้นเสียงดังโครมคราม และในขณะเดียวกันคานบ้านและหลังคาบ้านก็ได้พังถล่มลงมาทับตัวของเขา
เสียงถล่มดังกึกก้องไปทั่ว….เศษหญ้าแห้งและท่อนไม้ก็พุงไปทิศทาง ที่มีฝูงอันธพาล และปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอยู่เศษหญ้าแห้งและท่อนไม้ได้ทับพวกเขาทั้งหมด พวกเขาร้องดังลั่นไปทั่วทั้งหุบเขา จากนั้นจั่วอั้นได้อุ้มซุนซือสิง และยืนดูด้วยสายตาอย่างเย็นชาอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี กำลังคลานออกมาจากกองไม้อย่างอนาจ จั่วอั้นเองไม่มีความเมตตาปราณีแม้แต่น้อยนิด“เหมือนอย่างที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้เลยว่า ในสายตาของไอ้เถ้าผู้นี้มีแต่ศาสตร์ทางการแพทย์ ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลือแม้แต่น้อยนิด ต้องทำการสั่งสอนชุดใหญ่ให้แก่เขา ถึงจะได้รู้ว่าคนแบบไหนสามารถแตะต้องได้ คนแบบไหนไม่สามารถแตะต้องได้ ”
จั่วอั้นพูดถูกว่า เสด็จอาเก้าเป็นคนที่เฉลี่ยวฉลาดเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นคนที่ต้องใช้ไม้แข็งเท่านั้น ชอบข่มเหงผู้ที่ด้อยกว่าตนและกลัวผู้ที่เป็นใหญ่กว่า หลังจากที่โดนจั่วอั้นซ้อมไปชุดใหญ่ ก็รีบพาจั่วอั้นและซุนซือสิงไปห้องที่ดีที่สุด และให้หารดูแลรักษาเป็นอย่างดี
ส่วนตัวเขาเองล่ะ?หลังจากที่โดนคานบ้านและหลังคาทับใส่ เขาได้พักฟื้นไปหลายวัน และทันทีที่เดินได้ ก็เร่งเตรียมอุปกรณ์ไปหาซุนซือสิงอีก กำลังจะลงมือกระทำ แต่ก็ไม่วายโดนจั่วอั้นซ้อมจนจมูกฟกช้ำและดวงตาที่บวมช้ำสภาพดูแย่มากจากนั้นเขาก็ถูกโยนออก
จากที่พยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็ยอมแพ้ หลังจากที่เห็นเห็นความแข็งแกร่งและความเหี้ยมโหดของจั่วอั้นแล้ว และเขาสาบานกับฟ้าว่า:”ข้าจะไม่ยุ่งกับซุนซือสิงอีกเด็ดขาด และถ้าหากตอนที่อยู่ที่หุบเขาซวนยีมีใครไปแตะต้องตัองตัวของซุนซือสิงแม้แต่ปลายเล็บ ขอให้คนทำยาที่อยู่หลังหุบเขาของข้าต้องตายทั้งหมด”
“จงจำคำของเจ้าไว้ ถ้าหากมีคนมาแตะต้องตัองตัวของซุนซือสิงแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจะทำลายหุบเขาซวนยีของเจ้าให้ราบกองไปกับดิน”สำหรับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแล้วคนทำยาหลังหุบเขานั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา
หลังจากที่ได้รับคำมั่นสัญญาจากปรมาจารย์ซวนยีแล้ว ภารกิจของจั่วอั้นก็ได้สำเร็จ เขาได้ฝากตัวซุนซือสิงไว้กับปรมาจารย์ซวนยีให้เขาช่วยดูแล และได้จากไปอย่างสง่างาม
น้ำตาของปรมาจารย์ซวนยีได้คลอเบ้า เขาเดินไปส่งจั่วอั้นที่หน้าหุบเขา จนกระทั่งมองไม่เห็นเงาของจั่วอั้นแล้ว เขาได้กระโดดขึ้นมาและพูดว่า:”โอ้พระเจ้า ไอ้สารเลวนี้มันมาจากไหนเนี่ย ไร้มารยาทสิ้นดีไม่รู้วิธีเคารพคนแก่ และยังปฏิบัติต่อคนแก่อย่างฉันอย่างโหดเหี้ยม ”
บนใบหน้าของปรมาจารย์ซวนยีอาบไปด้วยน้ำตา หลังจากที่จั่วอั้นได้ออกไปแล้ว เขารีบไปห้องของซุนซือสิง บ่อยครั้งที่คิดจะลงมือกับซุนซือสิง แต่เมื่อคิดถึงความเหี้ยมโหดของจั่วอั้นแล้ว ก็ต้องกัดฟันทนไป บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย ตอนเดินออกไปมักหันกลับมามองเขาอยู่หลายครั้ง
บนโลกนี้ไม่มีอะไร โหดร้ายไปมากกว่านี้แล้ว
นั่นเรียกว่าความเกลียดชังของปรมาจารย์ซวนยี แต่จั่วอั้นกลับเกลียดเขามากขึ้น พอออกจากหุบเขาซวนยีแล้ว ก็พบกับผู้นำหนึ่งในใต้หล้ายอดชุมชนอย่างปู้จิงหยุน ทั้งสองได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ต่างคนต่างถอยคนละครึ่งก้าว ปู้จิงหยุนบอกกับจั่วอั้นว่า เป้าหมายครั้งนี้ของข้าคือร่วมมือกับเจ้าเพื่อฆ่าคนคนนึง
จั่วอั้นเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้!