นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 915 หวั่นไหว วันแห่งความรักอันหอมหวาน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 915 หวั่นไหว วันแห่งความรักอันหอมหวาน

ความกล้าของเฟิ่งชิงเฉินโด่งดังในเมืองจักรพรรดิ เด็กกำพร้าคนหนึ่งกล้าที่จะยั่วยุฮองเฮา และกล้าสังหารยาจก ชื่อเสียงอันย่ำแย่ของนางเติบโตอย่างรวดเร็ว นางคือคนโปรดของเสด็จอาเก้า ผู้ซึ่งมีเกียรติที่สุดในตงหลิง แน่นอนว่าทุกการกระทำของนางจึงถูกคนจำนวนมากคอยจับจ้อง

ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุฮองเฮาหรือการสังหารยาจกที่สร้างความวุ่นวายบนถนน ทั้งหมดต่างเป็นเรื่องราวใหญ่โตไม่แพ้กัน หมอหลวงหลายคนในพระราชวังได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าว แต่พวกเขาก็แค่ได้ยินมาเท่านั้น แต่เมื่อได้มาเห็นวิชามีดของเฟิ่งชิงเฉินที่เหนือกว่ามือสังหารนักโทษประหาร เหล่าหมอหลวงถึงเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความกล้า

“แม่นาง นั่นมันเนื้อมนุษย์ เวลาที่แม่นางลงมีด แม่นางช่วยประณีตกว่านี้ได้หรือไม่”

“แม่นาง นั่นมันเส้นเลือด เวลาที่แม่นางตัดมัน ช่วยช้ากว่านี้ได้หรือไม่”

“แม่นาง นั่นมันเลือดและเนื้อ เมื่อแม่นางเหยียดนิ้วออกไปคุ้ยเส้นเลือดด้านใน อย่าทำให้มันรุนแรงนักได้หรือไม่”

“แม่นาง……”

การจัดการกับบาดแผลภายนอกไม่เกี่ยวอะไรกับความงดงาม เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นหมอทหารคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี วิธีการอันเรียบง่าย ป่าเถื่อนก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเกิดผลมากที่สุดก็เพียงพอ ส่วนช่วงเวลาที่ลงมือจะมีนองเลือดมากแค่ไหน เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

ผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดม้วนเป็นก้อนกลม เศษเนื้อเสียวางอยู่เต็มถาดสีเงิน หากคนไม่รู้เข้ามาเห็นคงคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังแยกส่วนศพ

มันช่างเต็มไปด้วยกลิ่นความเลือด!

แอว๊ก……หมอหนุ่มสองสามคนเมื่อเห็นภาพดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะขย้อนออกมา ชิงอ๋องมองอย่างไม่มีความสุข พวกหมอตกใจมากรีบปิดปาก

ในบรรดาหมอหลวงสิบกว่าคนที่อยู่ตรงนี้ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เชี่ยวชาญเรื่องของบาดแผลภายนอก นอกจากสามคนนี้แล้ว สีหน้าของหมอหลวงคนอื่นก็ดูไม่ดีนัก

แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็มีทักษะทางการแพทย์ เมื่อเห็นวิธีการรักษาของเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาก็รู้ได้ทันใดว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา แม้จะรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังยืดคอและเดินหน้าต่อไป ฉวยโอกาสช่วงที่ชิงอ๋องไม่ได้สังเกต พูดคุยกับคนรอบตัวและแลกเปลี่ยนความรู้สึกเป็นครั้งคราว

“หากเส้นเลือดที่แม่นางเฟิ่งดึงออกมานั้นไม่ถูกเย็บกลับเข้าไป ในอนาคตจะต้องเกิดปัญหาเป็นแน่”

“เจ้าพูดถูก แม่นางเฟิ่งจริงจังเป็นอย่างมาก แม้แต่เนื้อเน่าติดกระดูกนางก็ยังนำออกมา ดวงตาคู่นั้นของงานช่างละเอียดอ่อนเหลือเกิน”

“มิใช่ว่าแม่นางเฟิ่งมีดวงตาที่ดี เจ้าไม่เห็นวัตถุเล็ก ๆ ที่นางถืออยู่ในมือหรืออย่างไร ข้าสงสัยว่าของสิ่งนั้นสามารถขยายภาพได้ เจ้ายังจำวันที่แม่นางเฟิ่งสลักอักษรลงบนเมล็ดข้าวได้หรือไม่?”

“มีเหตุผล มีเหตุผล ช่างเป็นของที่ยอดเยี่ยม หากสามารถซื้อมาได้คงจะดีมิใช่น้อย” หมอหลวงอยากได้แว่นขยายในมือของเฟิ่งชิงเฉิน

“เส้นเลือดที่เล็กขนาดนั้นยังสามารถมองเห็นและลงเข็มได้ เฟิ่งชิงเฉินช่างมีความชำนาญเป็นยอด เมื่อก่อนข้าเคยดูถูกว่านางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงถือเข็ม แต่เวลานี้ได้เห็นทักษะเย็บแผลของนาง ทุกอย่างช่างยอดเยี่ยม และสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้” หมอหลวงผู้มีเคราสีขาวมีใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ ดูจากท่าทางของเขาแล้วเกรงว่าเมื่อกลับถึงบ้านคงบอกให้ภรรยาหรือไม่ก็ลูกสาวเพื่อเล่าเรียนวิธีการเย็บแผล

ชิงอ๋องพยายามเฝ้าดูและจดจำทุกการเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉิน คิดว่าหลังจากกลับไปเขาจะไปพูดคุยกับหมอและทหารของเขาว่าคนเหล่านั้นสามารถเล่าเรียนได้หรือไม่ หากพวกเขาสามารถเล่าเรียนวิธีการรักษาบาดแผลภายนอกของเฟิ่งชิงเฉินได้ เช่นนั้นจำนวนทหารที่บาดเจ็บล้มตายจะลดลงเป็นอย่างมาก

ชิงอ๋องไม่มีเวลาว่างที่จะมาสนใจหมอหลวงพวกนี้ เสียงการพูดคุยของเหล่าหมอหลวงเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น สมาธิทั้งหมดของเฟิ่งชิงเฉินจดจ่ออยู่กับแผลที่ขาของฝู่หลิน แน่นอนว่าไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอก จนกระทั่งเหงื่อรวมตัวกันและไหลลงมาจากหน้าผากของนาง นางถึงกล่าวออกมาว่า “มานี่คนหนึ่ง ช่วยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้ข้าหน่อย”

คำพูดนี้เหมือนกับคำสาป ทำให้หมอหลวงทุกคนตกใจจนและเงียบเสียง ชิงอ๋องลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน และดวงตาที่งุนงงของฝู่หลินก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง

ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหว แต่ไม่มีใครก้าวเข้าไปเช็ดเหงื่อให้เฟิ่งชิงเฉิน เห็นเหงื่อที่ตกลงมา เฟิ่งชิงเฉินจึงกล่าวออกมาอีกครั้ง

“ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน” เหล่าหมอหลวงที่อยู่ใกล้ ๆ รีบก้าวออกมาด้านหน้า แต่มีคนผู้หนึ่งที่ว่องไวกว่าพวกเขา

“ข้าเอง” ชิงอ๋องก้าวออกมารุดหน้าเหล่าหมอหลวงเหล่านั้นพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูติดตัวไป

เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นในเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ชิงอ๋องสามารถเช็ดหน้าได้อย่างสะดวก

ใบหน้าอันงดงามไร้ซึ่งการตกแต่ง ดวงตาอันสดใส ลูกตาสีดำรวมตัวกันชัดเจน มันเต็มไปด้วยสมาธิ ชิงอ๋องรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ

เขายื่นมือออกไปเช็ดเหงื่อของเฟิ่งชิงเฉินด้วยความงุนงง และดึงผ้าขนหนูกลับมาโดยไม่รู้ตัว ชิงอ๋องเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเช็ดหน้าให้เฟิ่งชิงเฉินเสร็จตั้งแต่เมื่อใด เขารู้แค่ว่าเฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลงไปอีกครั้งเพื่อรักษาบาดแผลให้ฝู่หลิน สายตาที่จับจ้องของเขาราวกับบนโลกนี้มีพื้นที่เพียงแค่จุดซึ่งเฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่

ชั่วขณะหนึ่ง ชิงอ๋องพบว่าตนเองกำลังอิจฉา อิจฉาบาดแผลที่แย่งความสนใจของเฟิ่งชิงเฉินไปจากเขา แต่เขารู้สึกอิจฉาเสด็จอาเก้ามากกว่า

ชิงอ๋องอดคิดไม่ได้ หากตนเองถูกเฟิ่งชิงเฉินจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาจะรู้สึกเช่นไร?

เพียงแค่คิดชิงอ๋องก็รู้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วกว่าปกติ และเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!

ชิงอ๋องตื่นตระหนก รีบดึงสติของตนกลับคืนมา เขาต้องการหนีออกไป ออกไปให้ไกลจากเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นฝู่หลินกำลังมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาอันจริงจัง สายตาแบบนั้นมัน……

มันช่างเร่าร้อนเหลือเกิน!

ฝู่หลินเขา……

ชิงอ๋องมองไปที่ฝู่หลิน จากนั้นก็มองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน

เขายอมรับว่าท่าทางที่จริงจังของเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก และยอมรับว่าเมื่อสักครู่เขาเองก็รู้สึกหวั่นไหว แต่เขาควบคุมสติและบอกกับตัวเองว่า ความรู้สึกเช่นนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรมี เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนของเสด็จอาเก้า

เขาสามารถชื่นชม สามารถนับถือ แต่สิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้คือความรู้สึกรักใคร่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ทางเดียวที่รอเขาอยู่ก็คือความตาย

จื่อลั่วคือบทเรียนจากอดีต บุตรชายอันเป็นที่รักของจักรพรรดิถูกทำให้แปดเปื้อนในพริบตา ครอบครัวและคนสนิททั้งหมดถูกตัดขาดโดยเสด็จอาเก้า คู่ต่อสู้เช่นเสด็จอาเก้า คือคู่ต่อสู้ที่เขาไม่อาจต่อกรได้

หากความรู้สึกของฝู่หลินที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงความรู้สึกซาบซึ้งของผู้ช่วยชีวิต เช่นนั้นคงดี เพราะหากมีความคิดอื่น เส้นทางข้างหน้าของฝู่หลินคงจะไม่เป็นอย่างที่เขาวาดฝัน ฝู่หลินไม่ใช่เชื้อพระวงศ์หรือลูกหลานของจักรพรรดิ เมื่อเสด็จอาเก้าลงมือขึ้นมา เขาคงไม่มีความเมตตา

ชิงอ๋องรีบหยุดความคิดของเขา ควบคุมหัวใจอันวุ่นวายของตัวเอง ถอยออกไปด้านข้างอย่างเงียบ ๆ และเข้ามาเช็ดเหงื่อให้กับเฟิ่งชิงเฉินยามที่นางต้องการ นอกจากนั้นชิงอ๋องก็ไม่คิดเรื่องอื่นเลย

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็เข้าใจมาโดยตลอดว่าอะไรคือหน้าที่ อะไรคือสถานะ ในฐานะองค์ชายที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมารดาและเสด็จพ่อซึ่งเป็นจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ หากเขาคิดจะมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องยึดมั่นในตัวตนและหน้าที่ของตัวเอง ห้ามละเลยหรือคิดไปมากกว่านั้นเป็นอันขาด

ชิงอ๋องยืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งห้าเริ่มมืด หรือพูดอีกอย่างก็คือ เฟิ่งชิงเฉินรักษาบาดของฝู่หลินจนถึงมืด และในเวลานี้ ฝู่หลินได้หมดสติไปแล้ว

หลังจากจัดการบาดแผลที่อันเรียบร้อย สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูขาวซีด นางยืนอยู่ด้วยร่างกายซึ่งเต็มไปด้วยเลือด การรักษาที่มีความเข้มข้นสูงต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก แม้เฟิ่งชิงเฉินยังอยากที่จะยืนหยัดต่อไป แต่นางก็เหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวแล้ว

นางทุบขาทั้งสองข้างของตนเอง หยิบเข็มออกมาจากกล่องยา จากนั้นดูดยาเข้าไปในเข็มและฉีดเข้าไปในแขนพร้อมกับฉีดน้ำตาลเข้าไปในร่างกายของฝู่หลิน สุดท้ายนำยาแก้อักเสบและลดไข้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ อธิบายและมอบหมายให้หมอหลวงเป็นผู้ดูแลฝู่หลินต่อไป

สิ่งที่นางสามารถทำได้มีเพียงเท่านี้ ที่เหลือก็ต้องปล่อยให้ฝู่หลินพึ่งพาตนเอง จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ นางไม่ได้เป็นคนตัดสิน ทุกอย่างเป็นลิขิตจากสวรรค์

ชิงอ๋องเห็นท่าทางอันเหนื่อยล้าของเฟิ่งชิงเฉินเขาก็ไม่บังคับให้นางอยู่ดูแลฝู่หลินต่อไป ชิงอ๋องออกมาส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับจวนเฟิ่งด้วยตัวเอง จากนั้นถึงกลับเข้าไปในพระราชวังเพื่อรายงานผล

ทันทีที่เข้าประตู พ่อบ้านก็รับวิ่งเข้ามา ยื่นจดหมายให้หนึ่งฉบับพร้อมกล่าวว่า “คุณหนู คุณชายซูส่งจดหมายมาให้ท่าน”

“คุณชายซู? ซูเหวินชิง?”

“ขอรับ” พ่อบ้านพยักหน้า

เฟิ่งชิงเฉินรับจดหมายไว้ เปิดอ่านพร้อมกับยิ้มออกมา……

ค่ำคืนของวันพรุ่งนี้ นางไม่ได้เห็นแสงสว่างอย่างที่คิด

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท