นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 926 ค้างหรือไม่ นี่เป็นคำถามที่จริงจัง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 926 ค้างหรือไม่ นี่เป็นคำถามที่จริงจัง

“คืนนี้เจ้าจะค้างที่นี่หรือไม่?”

คำพูดนี้ช่างทำให้คนหวั่นไหว ตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินก็อยากจะตอบกลับไปว่าค้าง แต่……

เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงการผ่าตัดที่จะเกิดขึ้นในวันมะรืน นางก็แอบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนใจดีเป็นแน่ เขาจะต้องกินตนเองอย่างราบคาบ เมื่อถึงเวลานั้นนางยังจะเหลือแรงทำการผ่าตัดหรือไม่?

ค้างหรือไม่ค้างไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือหลังจากค้างคืนอยู่ที่นี่ไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือปัญหาอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดี

เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ได้รีบร้อน สาวสวยอยู่ในอ้อมกอด เขาจำเป็นต้องรีบร้อนอะไร ในเมื่อเข้ามาในจวนอ๋องเก้าแล้ว คิดจะออกไปคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ประตูและหน้าต่างของห้องหนังสือถูกปิด ความมืดเข้ามาปกคลุม เสด็จอาเก้าเห็นเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมตอบคำถามจึงกล่าวเสริมออกมา “เจ้าจะค้างคืนอยู่ที่นี่หรือจะให้ข้าพาเจ้ากลับไปส่งที่จวน?”

เสียงต่ำแหบเล็กน้อย บ่งบอกถึงความต้องการทางเพศ เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรวันนี้นางก็ต้องตกอยู่ในกำมือของเสด็จอาเก้า ไม่เช่นนั้นชายผู้นี้คงไม่มีทางรามือ

“วันมะรืนข้ามีผ่าตัด อ่า มันคือการผ่าตัดของหยุนเซียว คาดว่าจะต้องยืนนานกว่าสิบชั่วโมง” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบตกลง นางโยนปัญหานี้ไปให้ทางเสด็จอาเก้า

เจ้าทนเห็นข้าเหนื่อยล้าได้งั้นหรือ?

“ข้าพูดถึงเรื่องของวันนี้เท่านั้น” เสด็จอาเก้าใจร้ายกว่า เขาใช้ริมฝีปากกัดไปที่ติ่งหูของเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ เขารู้ว่านี่คือจุดอ่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉิน

เป็นอย่างที่คิด เฟิ่งชิงเฉินส่งเสียงครวญครางออกมา “อย่าทำอะไรซี้ซั้ว”

“ข้ามิเคยทำอะไรซี้ซั้ว” เสด็จอาเก้าใจดีขึ้นมา เขาปล่อยปากจากติ่งหูของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นอุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้น “นี่ก็เย็นมากแล้ว มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยพูดกันหลังจากทานอาหารเสร็จ”

ขาทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินอ่อนแรง รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หากไม่ใช่ว่าเสด็จอาเก้ากำลังอุ้มนางอยู่ ไม่แน่ว่านางอาจจะขาอ่อนจนล้มลงพื้นไปแล้ว

อ่า……เมื่อทานอาหารในจวนอ๋องเก้าเรียบร้อยแล้ว นางยังสามารถกลับไปยังจวนเฟิ่งได้อีกงั้นหรือ? แต่เวลานี้จะให้นางปฏิเสธอย่างไร?

เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองเสด็จอาเก้าด้วยความเศร้าโศก บ่นด้วยสายตา เจ้าจะเอาเปรียบข้าเกินไปแล้ว

เสด็จอาเก้าแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น อุ้มเฟิ่งชิงเฉินเดินออกไปด้านนอก

เขาไม่เคยเห็นใจใครมาก่อน นับประสาอะไรกับเรื่องที่ตนเองทำให้คนอื่นมีความสุขแต่ตนเองกลับดูแย่ ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงไร้ทางเลือกนอกจากรู้สึกผิดและยอมจำนนต่อเขา

ตามที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการไว้ หลังจากทานอาหารในจวนอ๋องเก้าเสร็จสิ้นเป็นอันเรียบร้อยก็อย่าคิดว่าจะได้จากไปง่าย ๆ

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ เสด็จอาเก้าเดินออกไปตามลำพัง ทิ้งเฟิ่งชิงเฉินไว้เพียงคนเดียว เฟิ่งชิงเฉินกำลังใช้โอกาสนี้ในการหนีกลับไป แต่ก็ถูกพ่อบ้านเข้ามาขัดขวาง หลังจากนั้น……

ภายใต้การนำทางของสาวใช้ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเข้านอน

สาวใช้ต้องการพาเฟิ่งชิงเฉินไปยังบ่อน้ำพุร้อน แม้เฟิ่งชิงเฉินจะคิดถึงรสชาติของน้ำพุร้อนเป็นอย่างมาก แต่นางก็ไม่อยากค้างคืนอยู่ในบ่อน้ำพุกับเสด็จอาเก้า นางจึงพยายามอดทนไว้

สาวใช้พาเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในตำหนัก มันก็คือตำหนักที่เฟิ่งชิงเฉินอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเก้าเป็นประจำ ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ แต่หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่าตำหนักที่นางอยู่ก็คือห้องนอนของเสด็จอาเก้า

แน่นอนว่าถึงแม้เฟิ่งชิงเฉินจะรู้ นางก็ไม่รู้สึกเกรงใจแต่อย่างใด นางเองก็แบ่งห้องของนางครึ่งหนึ่งให้กับเสด็จอาเก้า ห้องของเสด็จอาเก้าก็ถูกแบ่งให้นางครึ่งหนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง

เหมือนกับที่ผ่านมา เมื่อสาวใช้นำทางเฟิ่งชิงเฉินมาถึงห้องห้องนอน พวกนางก็ไม่กล้าเดินเข้าไป เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่อนุญาตให้สาวใช้เข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวของเขา นางไม่ได้ใส่ใจและเดินเข้าไปอาบน้ำเพียงลำพัง

เดินลากผมยาวอันเปียกชุ่มออกมาจากห้องน้ำ เนื่องจากในห้องไม่มีคนรับใช้อยู่ ปกติแล้วเฟิ่งชิงเฉินเคยชินกับการมีคนรับใช้มาปรนนิบัติ นางจึงต้องหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมของตนเองจนแห้ง

การเช็ดผมให้แห้งนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะเฉพาะ และจำเป็นต้องใช้แรง เฟิ่งชิงเฉินที่ไม่ได้ทำมานานก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะทำให้ผมของนางแห้งลงได้ และในตอนที่นางจะเข้านอนเสด็จอาเก้าก็เดินเข้ามาในชุดซึ่งดูสะอาดตา

เห็นเส้นผมอันงดงามที่ยาวสลวยและชุดที่ดูธรรมดาของเฟิ่งชิงเฉิน เขาที่กำลังรอเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในห้อง สีหน้าของเสด็จอาเก้าดูอ่อนโยนและเป็นมิตร เขาค่อย ๆ ก้าวเข้ามา

กลับมาถึงห้อง เผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้งดงามพร้อมกับบรรยากาศสบาย ๆ ช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้

“ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับไปแล้วเสียอีก” นี่คือคำพูดในแบบฉบับของเสด็จอาเก้า

เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ใช่คนที่ถูกรังแกได้ง่าย ๆ นางโต้ตอบกลับไปทันใด “ข้าก็กำลังจะกลับ เสด็จอาเก้า ท่านจะไปส่งข้าหรือไม่”

อ่า……เสด็จอาเก้าถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำตอบนี้ เขาทำได้เพียงเข้าไปโอบกอดและกล่าวว่า “ฟ้ามืดแล้ว เดินทางอันตราย”

“มีเสด็จอาเก้าอยู่ด้วย ข้ามิกลัว” เฟิ่งชิงเฉินโยนความรับผิดชอบให้เสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้ามองไม่เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนาง

“เจ้ามิกลัว แต่ข้ากลัว” ริมฝีปากของเสด็จอาเก้าสัมผัสลงบนซอกคอของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและหลบไปพร้อมกัน จากนั้นถามออกมาว่า “เสด็จอาเก้าผู้สง่างาม เจ้าจะกลัวอะไร?”

“ข้ากลัวความมืด……”

เสด็จอาเก้ากอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ มือของเขาสอดเข้าไปในเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉิน “ข้ากลัวความมืด เจ้าค้างคืนที่นี่เถิด อยู่เป็นเพื่อนข้า”

“ไม่……”

“ห้ามปฏิเสธ……”

เสด็จอาเก้าอุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้น เดินไปยังเตียงใหญ่ มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินประสานกันอยู่ด้านหลังคอของเสด็จอาเก้า ในตอนที่เสด็จอาเก้าวางเฟิ่งชิงเฉินลงบนเตียง เฟิ่งชิงเฉินขยับร่างกายเบา ๆ ไปตามการเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้า

เฟิ่งชิงเฉินจูบไปบนร่างกายของเสด็จอาเก้าอย่างรุนแรง และพูดออกมาอย่างยิ่งใหญ่ “วันนี้เจ้าจะต้องปรนนิบัติข้าให้ดี”

“ฮูหยินมิต้องรีบร้อน ข้าจะปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี” เสด็จอาเก้าให้ความร่วมมือ ริมฝีปากของเขาประกบกับริมฝีปากสีแดงของเฟิ่งชิงเฉินอย่างแนบชิด

“ใครกันที่รีบร้อน?” เฟิ่งชิงเฉินเลิกที่จะเล่น นางบิดร่างหนีจากการเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้า แต่ก็ถูกเสด็จอาเก้ากดเอาไว้ แน่นอนว่านางไม่มีแรงต่อต้าน เฟิ่งชิงเฉินโกรธ ยกขาขึ้นเพื่อจะเตะ แต่ข้าทั้งสองข้างของนางกลับถูกหยุดไว้โดยเสด็จอาเก้า

“ได้ ได้ ได้ ฮูหยินมิได้รีบร้อน เป็นข้าเองที่รีบร้อน ฮูหยินอย่าใจร้อน ท่านใจร้อน ข้าเองก็ใจร้อนไปด้วย” เสด็จอาเก้าไร้ยางอาย จับขาของเฟิ่งชิงเฉินและเคลื่อนไหวไปบนร่างกายของนางอย่างช้า ๆ ไม่นานใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็เริ่มกลายเป็นสีแดง

“ไร้ยางอาย” เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้ ทำได้เพียงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นางไม่มีทางหลุดพ้น และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายคนนี้

“ฮูหยินพูดถูก ข้านั้นไร้ยางอายเป็นที่สุด ดังนั้นข้าต้องขอโทษสำหรับคำตำหนิของฮูหยิน” เสด็จอาเก้ายื่นมือออกไปอย่างไร้ยางอาย ถอดเสื้อผ้าสองสามชิ้นของเฟิ่งชิงเฉินออก เหลือไว้เพียงผ้าพื้นเล็ก ๆ ที่ปกปิดอยู่บนจุดส่วนตัว

“ฮูหยิน ค่ำคืนกับสาวสวยอันงดงามนั้นช่างแสนสั้น ข้ารู้ว่าท่านร้อนใจ ข้ามิมีทางทำให้ฮูหยินผิดหวัง” มือของเสด็จอาเก้าหยุดลงบนจุดส่วนตัวของเฟิ่งชิงเฉิน เขายื่นมือออกไปกุมมันไว้อย่างไม่คิด จากนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนไหวไปมาอย่างนุ่มนวล

“อ่า!” เฟิ่งชิงเฉินส่งเสียงออกมา เท้าซ้ายที่เตะออกไปเมื่อครู่วางไว้ด้านหลังคอของเสด็จอาเก้า มือทั้งสองข้างประสานกันเพื่อยกร่างกายส่วนบนขึ้น มองไปที่เสด็จอาเก้าที่กำลังฝังศีรษะอยู่ตรงท้องส่วนล้างของนางพร้อมกับร้องอ้อนวอน

นางไม่คิดว่าเสด็จอาเก้าจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมามันค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้ถึงได้เป็นเช่นนี้……

“ฮูหยินอย่างได้รีบร้อน” เสด็จอาเก้าไร้ยางอายอย่างสุดหัวใจ เขาหยุดการเคลื่อนไหวของเขาอย่างกะทันหัน เอนตัวไปด้านหน้า จับมือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินไว้ จากนั้นก็ยกร่างของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาร่างกายของเขา

“หากฮูหยินรีบ เช่นนั้นก็ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ข้าด้วยเถิด”

“ข้ามิได้รีบ” เฟิ่งชิงเฉินโกรธ นางไม่ได้รีบแต่อย่างใด เสด็จอาเก้าจะมาใส่ร้ายนางเช่นนี้ไม่ได้

“ข้าพูดผิดไปแล้ว ฮูหยินมิเคยรีบร้อนแต่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนที่รีบร้อนเป็นตัวข้าเอง” รูปลักษณ์ที่ตื่นตระหนกและดูโกรธของเฟิ่งชิงเฉินทำให้ใจของเสด็จอาเก้าเร่าร้อน ช่องท้องส่วนล่างของเขาแข็งตัว แข็งตัวจนยากจะยืนหยัดต่อไป เขาอยากจะเข้าไปในร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน ปลอดปล่อยความกำหนัดของเข้าในร่างกายของนาง……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท