นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 933ท่านผู้ช่วย ให้ข้าไสหัวออกไปอย่างนุ่มนวล
ใช่ หากว่าเพื่อให้ซุนซือสิงหายดี เฟิ่งชิงเฉินต้องเห็นด้วยกับคำแนะนำของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี แต่นางไม่มีทางเห็นด้วย ถึงแม้ว่านางจะมีบางอย่างที่ไม่ดี ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี แต่นางก็ยังคงปล่อยมันไป
ภายใต้อาการยกตนข่มท่านของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินได้เพียงแค่ถอนหายใจลึก ๆ แล้วหลับตาลง ความรู้สึกอับอายขายขี้หน้าอีกทั้งเก็บอการตำหนิตัวเองไว้อยู่ภายในใจ
เมื่อตอนที่ดวงตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของเฟิ่งชิงเฉินเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ไม่แม้แต่จะเลี่ยงทั้งสองตาของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเลยแม้แต่น้อย แล้วจึงเอ่ยด้วยถ้อยคำเด็ดเดี่ยวว่า “ท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขา ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด ข้าเองไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจขนาดนั้น ที่จะทำให้ซือสิงได้มากมาย แต่ข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเขา ”
“ท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขา เจ้าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเอ่ยอะไรออกมาอีกก็ตาม ข้าก็ไม่สามารถเลิกความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ผู้ติดตามของข้าและซือสิงได้ หากว่าท่านมาเพื่อจะพูดเรื่องนี้กับข้า ตอนนี้ข้ารับรู้แล้ว หากว่าไม่มีเรื่องอื่นใด ท่านก็ออกไปได้แล้ว หากว่าสามารถขอให้ท่านพาซือสิงมาด้วย ข้าก็มีธุระที่จะไปหาเขา ”
เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากดูถูกตัวเองมากเกินไป แต่ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือฐานะก็ตาม นางยังเทียบกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่ได้จริง ๆ ดังนั้น……
นางจึงอยากจะลองถามความคิดของซือสิง นางไม่ได้อยากคิดไปเองว่ากำลังร่วมมือกับชีวิตของคนอื่น แม้ว่าจะเป็นการวางตัวดีก็ตาม
หากว่าซุนซือสิงเห็นด้วย นางก็จะถอยออกมาหนึ่งก้าว เพียงถอยออกมาหนึ่งก้าวเท่านั้น นางแทบจะไม่ได้สนใจชื่อเสียงของท่านอาจารย์เลยแม้แต่น้อย นางสนใจเพียงแค่อนาคตของซุนซือสิงเพียงเท่านั้น
ซุนซือสิงมีพรสวรรค์ด้านการเรียนแพทย์ แต่นางก็หวังว่าซุนซือสิงจะมีชีวิตดั่งเช่นคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่เหมือนกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเช่นนี้ ที่เหมือนกับคนบ้าเรียนการแพทย์ ชีวิตนี้นอกจากความชำนาญในการรักษาแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเผยยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด “ใครกนที่พูดว่าซือสิงมาแล้ว อย่างไรกัน? ข้าไม่ได้บอกเจ้าว่าซือสิงตั้งใจที่จะศึกษาเรื่องการแพทย์ที่หุบเขาซวนยี จนไม่มีเวลาออกไปด้านนอก ”
ไม่ได้อธิบายให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าเขาจะปล่อยให้หมอตัวน้อยไปอยู่ด้านนอกได้อย่างไร นั่นมันอันตรายเกินไปแล้ว
“ว่าอย่างไรรึ? เจ้าพูดว่าซือสิงไม่ได้มาที่นี่งั้นหรือ? เจ้าให้ซือสิงไปกักตัวอยู่ที่หุบเขาซวนยีแล้วหรือ? ” เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ในเวลานี้นางกลับไม่สามารถเคารพความอาวุโสที่มีเกียรติได้เลย ทั้งยังชี้ไปที่จมูกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาพร้อมกับพร่ำคำรามออกมา
“กักตัวอะไร ข้าเพียงแค่ให้พักอาศัย ข้าพาคนไปพักอยู่ที่หุบเขาซวนยี เขาพักอยู่ที่นั่นด้วยความสมัครใจ ข้าไม่ได้เคี่ยวเข็ญเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าข้าคุยโวโอ้อวด ข้าเพียงเก็บรักษาเอาไว้ที่หุบเขาซวนยีเท่านั้นเอง นั่นคือจิ่วโจวแผ่นดินที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าซุนซือสิงจะอยู่ที่ไหนก็ตามจะมีแต่คุณงามความดีไม่มีเรื่องเสื่อมมเสีย รอเขากลับมาจากหุบเขาซวนยี ความสามารถด้านการแพทย์ของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า ” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่สบายใจ เขาจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใช้การแพทย์อันเลวทรามทำให้ซือสิงอยู่ที่นั่น ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ข้าต้องการให้เขาช่วยเหลือ? ตอนนี้เจ้าจะให้ข้าไส้หัวออกไปอย่างนุ่มนวล ข้าไม่อยากเจอเจ้าแล้ว ” เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง ก่อนจะหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อไม่ให้ตนรู้สึกแย่ไปชั่วขณะ ในการควักปืนออกมาฆ่าคน……
ซือสิงไม่ได้กลับมา อย่างนั้นนางจะไปหาผู้ช่วยผ่าตัดจาดที่ไหน?
ไอ้คนระยำ!
เฟิ่งชิงเฉินอยากจะฆ่าคนเสียจริง และตัวการก็คือปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี และแน่นอนว่าผู้ที่ช่วยก่อกรรมทำชั่วนี้ก็คือเสด็จอาเก้า
ทางด้านเฟิ่งชิงเฉินนี้ก็โกรธจัด ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีจึงไม่กล้าที่จะทำอันใดที่เสี่ยงอันตรายสูงอย่างเด็ดขาด แล้วจึงออกไปอย่างนุ่มนวล มองเห็นเพียงเงาของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีที่หนีออกไป แม้แต่เสียงหัวเราะแค่นิดเดียวท่ามกลางความมืดมิดก็ไม่มี
มันช่างเป็นการแสดงทีดีจริง ๆ
หลังจากที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีสร้างความวุ่นวายให้กับเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น ก็เดินตบก้นออกไป ทิ้งให้เฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นผู้รับรู้ความรู้สึกนั้นไว้ จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ฝันร้ายในยามเช้าตรู่ ทั้งยังนำพาข่าวไม่ดีมาอีก ที่ช่างเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีความเมตตาเอาซะเลย แต่ตัวการก็ถูกนางไล่ออกไปแล้ว เหตุใดนางถึงยังเป็นเช่นนี้อยู่
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา ก่อนจะตบไปที่แก้มของตนเอง ตบตีไปให้ถึงจิตวิญญาณ “ชุนฮุ่ย ชิวฮว่า เข้ามานี่ ”
ในเมื่อไม่มีวิธีที่จะทำให้นอนหลับได้ อย่างนั้นก็ตื่นขึ้นมาเถอะ ในเมื่อหาผู้ช่วยผ่าตัดไม่ได้ อย่างนั้นก็คงต้องพึ่งพาตัวเองหล่ะ นางไม่สามารถปฏิเสธทุกสิ่งที่เคยทำมาก่อนเพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ ส่วนเรื่องของซือสิง……
นางสามารถมอบให้เสด็จอาเก้าไปจัดการ เสด็จอาเก้าจะส่งคนไป แล้วตอนนี้ก็ต้องรับผิดชอบในการเอาคนกลับมาด้วย
“คุณหนูเจ้าคะ” ภายใต้คำพูดที่ทรงอำนาจของเฟิ่งชิงเฉินชี้ให้เห็นถึงสาวรับใช้สองคน ที่เดินเข้ามาด้วยความนอบน้อม ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
“ข้าไม่เป็นไร เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า” หากว่าน้ำเสียงไม่ได้ฟังดูแข็งทื่อ นั่นถือเป็นเรื่องดีแล้ว
ชุนฮุ่ยและชิวอว่ากลัวจนตัวสั่นเทาอยู่ตรงหน้า ถึงแม้พวกนางจะรู้ดีว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนที่ชอบพาลใส่คนอื่น แต่ด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้นางทั้งสองเกรงกลัวขึ้นมา
สาวใช้ทั้งสองต่างก็ระมัดระวังและพิถีพิถันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฟิ่งชิงเฉินเรียบร้อยแล้ว จึงทำการสำรวจอีกสามครั้ง จนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ดูรุงรังน่ารำคาญจนมีผลกระทบต่อการทำงานของเฟิ่งชิงเฉิน
“คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้จะทานอาหารเลยหรือไม่เจ้าคะ” ตอนที่ชุนฮุ่ยและชิวฮว่าเข้ามา เซี่ยหว่านและตงชิงก็ไปแจ้งคนในครัวให้ตื่ตขึ้นมาแล้ว
นายท่านตื่นขึ้นมาแล้ว แล้วคนอื่นจะยังนอนอยู่ได้อย่างไร
“อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยว่ากัน” เมื่อครู่นี้เพิ่งกินไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินยังจะเหลือท้องที่ไหนไว้กินข้าวเช้าอีกล่ะ มองสีหน้าที่เซื่องซึมของชุนฮุ่ยกับชิวฮว่า แล้วทั้งสองก็เดินออกไป เฟิ่งชิงเฉินจึงเดินไปที่ห้องรับรองเล็ก
ไม่มีวิธีที่ซิอสิงจะมาช่วยได้ นางจึงต้องนำเครื่องมือไปวางไว้ในที่ที่สะดวกสำหรับตนเองก่อน
นางไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่ว่าไม่มีผู้ช่วยในการผ่าตัดแล้วจะไม่สามารถทำเองได้ หากว่าพูดอีกครั้งนางยังมีทงจือและทงเหยาที่อยู่ข้างกาย ทั้งสองคนนี้มีความเข้าใจอยู่บ้าง จึงสามารถช่วยนางในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้
“การผ่าตัดในวันนี้ จะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน! ”
การผ่าตัดในวันนี้จะต้องผ่านไปได้อย่างราบรื่นแน่ เพราะว่าผู้ช่วยในการผ่าตัดเปลียนจากซือสิงเป็นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี
“เจ้า? สามารถทำเรื่องที่ผู้ช่วยผ่าตัดควรทำได้หรือไม่? ” หลังจากที่ให้ยาชากับหยุนเซียวแล้วนั้น ก็หันมาดูว่าใส่ชุดผ่าตัดเรียบร้อยดีแล้ว จึงไม่ทำให้ตนเองสะอาด แล้วจึงพูดว่าอยากให้นางเป็นผู้ช่วยของท่านปรมาจารย์ เฟิงชิงเฉินทำหน้างุนงงขึ้นมา
“เหตุใดข้าถึงจะทำได้ไม่ดี หากไม่เชื่อข้าก็ลองทดสอบดูได้ ” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีรู้ข้อควรระวังในการผ่าตัดอยู่บ้าง จึงไม่ได้นำมือมาสัมผัสที่อก เพียงแค่แกว่งมือด้วยความระวังเท่านั้น ด้วยความกลัวอย่างมากวาจะทำให้มือสกปรกได้
ทดสอบ อย่างไรก็ต้องทดสอบอยู่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นผู้ช่วยในการทำงานเพียงเพราะคำพูดของเขาเพียงแค่ประโยคเดียวหรอก อีกทั้งนางก็ไม่ได้อยากทำให้ตนเองยุ่งยากลำบาก ถึงแม้ว่าความชำราญด้านการแพทย์ของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีจะดี แต่ก็ยังจำกัดไว้เพียงแค่ฝีมือด้านการแพทย์แผนจีนเท่านั้น ในด้านการแพทย์แผนปัจจุบันเขากลับไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย รวมถึงเครื่องมือเหล่านั้นก็แบ่งแยกได้อย่างไม่ชัดเจน
“มีดผ่าตัดหมายเลขสาม”
“มีดผ่าตัดหมายเลขสาม”
“คีมห้ามเลือด”
“ถือไว้”
“ท่อสลิม”
“เลื่อยไฟฟ้า”
……
ตามที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีได้กล่าวไว้ ว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่ผู้ช่วยคนหนึ่งควรทำได้จริง ๆ เขาไม่ได้แย่ไปว่าซุนซือสิงที่เรียนกับเฟิงชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าเขาเป็นบุคลที่มีชื่อเสียงทางการแพทย์คนหนึ่งที่มาเป็นผู้ช่วยตนเอง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงแสดงท่าทีที่เต็มไปด้วยความกดดันออกมา
“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร” เฟิ่งชิงเฉินหันหน้าไปทางแพทย์หลวงที่ทยอยเดินเข้ามาทีละคน รวมถึงท่านอ๋อง แพทย์ตระกูลอวิ๋นทั้งสองต่างก็ก้มหัวให้ เพื่อส่งสัญญาณให้ทงจือทักทายทั้งสี่คนนี้ จากนั้นก็ให้พวกเขานั่งลงข้าง ๆ
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแสดงสีหน้าลำพองออกมา “นี่มันมีอะไรยากหรือ ชายชราที่เป็นอัฉริยะด้านการแพทย์ ของพันธุ์นี้สอนข้าแค่รอบเดียวก็ใช้เป็นแล้ว”
“ซือสิงสอนเจ้ารึ?” ถึงจะไม่มีเสียงที่แสดงออกถึงความสุขหรือความทุกข์ของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ทงจือกับทงเหยาก็รับรู้ได้ว่า เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีความสุขเลย
“ก็ใช่น่ะสิ ใช่สิ ไม่ใช่ข้าพูด แต่ศิษย์ข้าคนี้ช่างฉลาดเสียจริง” ตามความเป็นจริงแล้ว ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอยากพูดออกมาว่า ซือสิงนั่นโง่เขลาซะเหลือเกิน นอกจากการล้อเล่นทั้งสองตามใจตน เขาก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้อีก ช่างเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจและการป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่แหละคือเขาหล่ะ อะไรก็รับได้ไปหมด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาช่วยทำ เฟิ่งชิงเฉินคงดูน่าสงสารเกินไป
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มแห้ง “อัฉริยะมากเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าศิษย์ของข้าไม่ใช่ศิษย์ของเจ้า ในเมื่อซือสิงสอนเจ้าแล้ส อย่างนั้นก็ดี งั้นเจ้าก็มาเป็นผู้ช่วยข้าเถอะ ใครกันที่ให้ซือสิงไปกักตัวอยู่ที่หุบเขาซวนยีจนทำให้เขากลับมาไม่ได้”
เฟิ่งชิงเฉินเรียกใช้ให้ท่านปรมาจารย์มาเป็นผู้ช่วยของนาง อย่างไม่มีสิ่งใดมากีดขวางใจเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีปัญหา เจ้าวางใจเถอะ ข้าต้องทำออกมาได้ดีแน่” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแสดงสีหน้าออกมาครบรส เพื่อเป็นการรับประกัน สองตาของเขาส่องแสงสว่างที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงออกมา……