นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 935 ดำเนินต่อไป อย่าบูชาพี่สาวมากเกิน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 935 ดำเนินต่อไป อย่าบูชาพี่สาวมากเกิน

หมอทุกคนคิดว่าวิธีการของเฟิ่งชิงเฉินนั้นโหดร้ายและนองเลือด แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากพวกเขาทั้งหมดเป็นเหมือนซือสิง พวกเขาอาจจะเป็นลมเมื่อเห็นนางผ่าศพ

วิชาแรกที่นางเรียนคือกายวิภาคศาสตร์ หลังจากดูกายวิภาคศาสตร์แล้วก็ไม่มีการผ่าตัดหนักใด ๆ ที่จะทำให้นางตกใจกลัว นางปฏิบัติต่อซือสิงด้วยวิธีเดียวกันในช่วงแรก ๆ

ศัลยแพทย์ที่สามารถผ่าศพด้วยมีด ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของศพ นางก็กล้าลงมีดทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือจากไปแล้ว เมื่อนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด สำหรับหมอแล้วมันก็ไม่ต่างกัน

แม้ว่าการผ่าตัดเปิดกะโหลกจะมีหลายขั้นตอน แต่เลือดที่ออกมานั้นมีจำนวนน้อยมาก การผ่ากะโหลกอาจจะดูรุนแรง แต่ไม่ได้เป็นการทำร้ายผู้ป่วยอย่างแน่นอน เฟิ่งชิงเฉินคิดว่านางปฏิบัติต่อหมอเหล่านี้ดีกว่าตอนที่นางปฏิบัติต่อซือสิงมาก

แน่นอน แม้ว่าการผ่าตัดเปิดกะโหลกมักจะไม่ค่อยมีเลือดออก แต่ในกรณีนี้ เฟิ่งชิงเฉินได้เตรียมถังเก็บเลือดสำรองไว้แล้ว เป็นถังสะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน เหมือนกับห้องผ่าตัดของนาง

หมอทุกคนคิดว่าวิธีการของเฟิ่งชิงเฉินนั้นโหดร้ายและนองเลือด แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากพวกเขาทั้งหมดเป็นเหมือนซือสิง พวกเขาอาจจะเป็นลมเมื่อเห็นนางผ่าศพ

วิชาแรกที่นางเรียนคือกายวิภาคศาสตร์ หลังจากดูกายวิภาคศาสตร์แล้วก็ไม่มีการผ่าตัดหนักใด ๆ ที่จะทำให้นางตกใจกลัว นางปฏิบัติต่อซือสิงด้วยวิธีเดียวกันในช่วงแรก ๆ

ศัลยแพทย์ที่สามารถผ่าศพด้วยมีด ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของศพ นางก็กล้าลงมีดทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือจากไปแล้ว เมื่อนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด สำหรับหมอแล้วมันก็ไม่ต่างกัน

แม้ว่าการผ่าตัดเปิดกะโหลกจะมีหลายขั้นตอน แต่เลือดที่ออกมานั้นมีจำนวนน้อยมาก การผ่ากะโหลกอาจจะดูรุนแรง แต่ไม่ได้เป็นการทำร้ายผู้ป่วยอย่างแน่นอน เฟิ่งชิงเฉินคิดว่านางปฏิบัติต่อหมอเหล่านี้ดีกว่าตอนที่นางปฏิบัติต่อซือสิงมาก

แน่นอน แม้ว่าการผ่าตัดเปิดกะโหลกมักจะไม่ค่อยมีเลือดออก แต่ในกรณีนี้ เฟิ่งชิงเฉินได้เตรียมถังเก็บเลือดสำรองไว้แล้ว เป็นถังสะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน เหมือนกับห้องผ่าตัดของนาง

เฟิ่งชิงเฉินกวาดสายตามองแววตาของหมอทุกคน จากนั้นยื่นมือออกมารับกรรไกรทางการแพทย์จากมือของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี สอดนิ้วเข้าไปด้านในพร้อมที่จะนำเนื้องอกออกออกมา

“ช่วยข้าหน่อย” ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็กล่าวประโยคแรกออกมา ใบหน้าของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ก้าวไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น มองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความคาดหวัง และรอคำสั่งจากเฟิ่งชิงเฉิน

“จับไว้ให้แน่น” เฟิ่งชิงเฉินยื่นแหนบคู่หนึ่งให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี จากนั้นสาธิตออกมาหนึ่งครั้ง ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็สามารถปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม เฟิ่งชิงเฉินอดที่จะรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ จากประสบการณ์สิบกว่าปี นางได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีและซุนซือสิง นางกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย

สามารถสัมผัสกะโหลกศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือด ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่โชคดีที่เขายังไม่รู้จักหนักเบา ดังนั้นจึงไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า

มีปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีคอยให้ความช่วยเหลือ เฟิ่งชิงเฉินพบตำแหน่งของเนื้องอกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่นางเคยตรวจมาก่อนหน้านี้ หันหลังกลับ หยิบมีดออกจากถาดผ่าตัดและนำเนื้องอกออก

ขั้นตอนการเอาเนื้องอกออกมานั้นใช้เวลาไม่นาน แต่สำหรับคนอื่น มันคือขั้นตอนที่สามารถทำให้หัวใจแหลกสลายได้เลย การผ่าตัดเผื่อนำบางสิ่งบางอย่างออกจากสมอง คนทั่วไปจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร?

“เฟิ่ง……” หมอของตระกูลหวังและตระกูลหยุนได้รับคำเตือนล่วงหน้า แม้ว่าพวกเขารู้สึกกังวล แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ ส่วนหมอหลวงทางฝั่งของสำนักหมอหลวงยังมีความกล้าหลงเหลืออยู่ เพียงแต่เขาพูดออกมาได้เพียงคำเดียวก็ถูกทงเหยาและทงจือหยุดเอาไว้

เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเสียง แต่นางก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน การผ่าตัดเนื้องอกดูเหมือนกับการถือมีดเฉือนขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ความแรงและทิศทางของมีดจะต้องระมัดระวังอย่างมาก เพื่อไม่ให้เลือดออกในกะโหลกศีรษะมากเกินไป

มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังนำเนื้องอกออกจากสมอง หมอหลายคนก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่ละคนกลั้นหายใจ รอให้เฟิ่งชิงเฉินนำเนื้องอกดังกล่าวออกมาจากสมอง

ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เฟิ่งชิงเฉินนำก้อนเนื้อร้ายออกจากสมองได้อย่างราบรื่น วางลงบนแผ่นกระจกใส หลังจากเอาเนื้องอกออกมาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหยิบแหนบเพื่อทำการห้ามเลือดต่อไป

ไม่รู้ว่ารวดเร็วเกินไปหรือเพราะตั้งใจมากเกินไป ก็เห็นกันอยู่ว่าในห้องผ่าตัดนั้นไม่ได้ร้อนแต่อย่างใด แต่กลับมีเม็ดเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ทงเหยาและทงจือเข้าร่วมการผ่าตัด แต่พวกนางก็รู้ถึงข้อควรระวัง จึงส่งสัญญาณให้หมอทุกคนเงียบ จากนั้นทงเหยาก้าวออกมาพร้อมกับผ้าสะอาดในมือ รีบเช็ดเหงื่อให้เฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็ถอยกลับไป ในขั้นตอนนี้ มือของเฟิ่งชิงเฉินยังคงดำเนินการผ่าตัดต่อไปไม่ได้หยุดพัก

นำเนื้องอกออกมา ห้ามเลือดเรียบร้อย ทำความสะอาดบาดแผลเสร็จ สุดท้ายเฟิ่งชิงเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น เนื้องอกในสมองของหยุนเซียวถูกนำออกมาเรียบร้อย หลังจากนี้สิ่งที่ต้องทำก็เหลือเพียงแค่ตรวจสอบโดยการฉายแสง

“เสร็จแล้วงั้นหรือ?” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเห็นเฟิ่งชิงเฉินหยุดการเคลื่อนไหว จึงถามออกมาด้วยความสงสัย

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า ยกนิ้วให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี บ่งบอกว่าเขาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยียิ้มออกมา หลังจากเฟิ่งชิงเฉินถอยหายเข้าออกด้วยความกดดัน รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ปรากฏออกมา และหันมาดำเนินขั้นตอนให้เสร็จสิ้นต่อไป

ตรงกันข้ามกับการผ่าตัดเปิดกะโหลก เวลานี้ขั้นตอนแรกคือการเย็บบาดแผลให้ปิดลง เข็มและด้ายเล็ก ๆ ก็เหมือนสิ่งมีชีวิต เฟิ่งชิงเฉินที่เต็มไปทักษะทางการแพทย์ เวลานี้มันได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้า เย็บแผลผ่าตัดด้วยไหมเย็บแผล แม้จะไม่สามารถทำให้เหมือนไม่มีรอยมีดได้ แต่หากมองไกล ๆ ก็ไม่เห็นร่องรอยของการผ่าตัดครั้งนี้

งดงามยิ่งนัก!

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าหากเขาได้ทำการฝึกฝนสักสองสามครั้ง เขาจะสามารถจับมีดและทำเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉินได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักมีดหรือว่าแม่นยำ เขาสามารถทำมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ดวงตาของเขา……

เขาอาจจะยังไม่แก่ แต่เขาก็ไม่ได้เด็กเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน ต่อให้ดวงไฟจะสว่างแค่ไหน สายตาของเขาก็ไม่ดีเท่ากับเฟิ่งชิงเฉิน การเย็นแผลที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ เขาไม่สามารถทำได้

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทำได้เพียงยืนมองเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง เฝ้ามองการเย็บผิวของกะโหลกศีรษะให้เข้ากันทีละน้อยของเฟิ่งชิงเฉิน

กะโหลกศีรษะจำเป็นต้องยึดด้วยคลิปโลหะ หากไม่เช่นนั้น ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีและหมอทุกคนคงสงสัยว่าเมื่อสักครู่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นในตอนนี้คือภาพลวงตา และเฟิ่งชิงเฉินก็สามารถทำมันให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากจัดการกับกะโหลกศีรษะเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินยังคงเย็บส่วนเชิงกรานต่อไป ซึ่งเชิงกรานเป็นเพียงชั้นบาง ๆ และไม่มีความรู้สึกใดๆ เมื่อถูกสัมผัส

ใบหน้าของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีดูน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ เอาล่ะ เวลานี้เขาไม่มีความมั่นใจที่จะแย่งลูกศิษย์ไปจากเฟิ่งชิงเฉิน เขาอาจจะสร้างชื่อเสียงและเกียรติยศให้กับซุนซือสิงได้ก็จริง แต่สิ่งแปลกใหม่เหล่านี้ เขาไม่สามารถนำไปสอนซุนซือสิงได้

แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกำลังคิดอะไรอยู่ สมาธิของนางจดจ่ออยู่กับการผ่าตัด หลังจากที่เย็บบริเวณเชิงกรานแล้ว นางก็ถอดที่หนีบหนังศีรษะออกและเย็บหนังศีรษะเข้าด้วยกัน

หนังศีรษะถูกเย็บเข้าหากัน แต่มันไม่ได้บางเท่าเชิงกราน แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก แต่ก็มีเลือดไหลออกมาให้เห็น รอยแผลเหมือนกับตะขาบที่เกาะอยู่บนศีรษะของหยุนเซียวอย่างดุร้าย

“เสร็จแล้วอย่างนั้นหรือ?” หมอทุกคนมองหน้ากัน พวกเขานั่งอยู่ที่นี่ราว ๆ สี่ชั่วโมง สุดท้ายกลับพบว่าพวกเขามองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงแค่ความตกใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“ไม่ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินเช็ดสิ่งสกปรกบนมือออก และมองไปที่หมอทั้งสี่ที่นั่งอยู่ที่นั่น

“การนำสิ่งแปลกปลอมในสมองของคุณชายหยุนออกเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น”

ใช่ การผ่าตัดเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น การรักษาหลังจากนี้ถึงเป็นกระบวนการสำคัญที่แท้จริง เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเนื้องอกอย่างสมบูรณ์ การฉายแสงครั้งต่อไปถึงมีความจำเป็นอย่างมาก แต่……

สิ่งเหล่านี้มันไม่เกี่ยวข้องกับหมอพวกนี้!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท