นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 941 มุทะลุ ผู้กล้าที่มิเกรงกลัวต่อทะเลเพลิง
“เฟิ่งชิงเฉิน!”
“ไม่……”
“ชิงเฉิน!”
“เฟิ่ง……”
ในขณะที่เปลวเพลิงปะทุขึ้น ในช่วงที่ยังไม่มีใครตอบสนอง มีร่างของชายสามคนกระโดดลงมาจากแท่นรับชมด้วยความรวดเร็ว แม้แต่ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีซึ่งอยู่ด้านข้างยังรู้สึกชื่นชม
สามคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือ เสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิงและหนานหลิงจิ่นสิง ทั้งสามคนพุ่งไปยังทิศทางที่มีม้าผูกอยู่ ขโมยม้าขององครักษ์ และมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุ
“เร็วเข้า!” ชิงอ๋องกำมือแน่น เห็นทั้งสามคนพุ่งไปหาเฟิ่งชิงเฉินราวกับลูกธนู เขาก็กลับมานั่งลงตรงตำแหน่งของเขาอย่างรุนแรง
ในตอนนั้นทุกคนถึงได้สติกลับคืนมา ตะโกนออกมาว่า “ไฟไหม้ เป็นพื้นน้ำอยู่ดี ๆ เหตุใดถึงเกิดไฟไหม้ขึ้นมา”
“แย่แล้ว แม่นางเฟิ่งและแม่นางซู ทั้งสองคนอยู่บนสะพาน”
“เร็ว เร็วเข้า รีบไปช่วยพวกนางเร็ว”
ผู้ชมบนแท่นรับชมต่างตื่นตระหนก รีบเร่งให้เหล่าองครักษ์ออกไปให้ความช่วยเหลือ แต่ทั้งพื้นน้ำเต็มไปด้วยเปลวเพลิง องครักษ์จะเข้าไปช่วยอย่างไร เฟิ่งชิงเฉินกับซูโหยวเป็นตายร้ายดีอย่างไร เวลานี้พวกนางอยู่บนสะพาน พวกเขาจะไปช่วยได้อย่าไง?
“เสด็จอาเก้า อย่าเข้ามา อันตราย” ตี๋ตงหมิงอยู่ใกล้สุด เขาเห็นเสด็จอาเก้ากำลังพุ่งกระโจนเข้ามา เขาจึงเข้ามาขวางทันทีโดยไม่ต้องคิด
พื้นน้ำเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ทอดยาวไปหลายลี้ แน่นอนว่าไม่มีทางเข้าไปด้านในได้ ต่อให้เข้าไปได้ก็ไม่สามารถช่วยใครได้
“หลบไป!” แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าไม่สนใจตี๋ตงหมิง เขาพุ่งเข้าไปด้านหน้าโดยตรง และเขาก็ไม่สนใจว่าการกระทำเช่นนั้นเขาของจะทำให้ตี๋ตงหมิงบาดเจ็บหรือล้มตายอย่างไร
“จิ่นหลิง บอกให้เสด็จอาเก้าหยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าเองก็อย่าบ้าไปหน่อยเลย มีองครักษ์อยู่ เหล่าองครักษ์ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว พวกเจ้าเข้าไปมันก็ไม่มีประโยชน์” ตี๋ตงหมิงอารมณ์เสียมาก แต่ไม่กล้าแตะต้องเสด็จอาเก้า ทำได้เพียงหลีกม้าออกให้พ้นทาง
“ตี๋ตงหมิง เจ้าเองก็อย่ามาขวางข้า” หวังจิ่นหลิงเองก็ไม่สนใจตี๋ตงหมิงเลยแม้แต่น้อย เขาควบม้าวิ่งเข้าไป ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ มีแสงวาบออกมาจากแววตา ดูเหมือนว่าจะมีน้ำตาไหลออกมา……
ตี๋ตงหมิงพูดถูก พวกเขาบุกเข้าไปในเปลวเพลิงมันก็ไร้ประโยชน์ เวลานี้เปลวเพลิงได้ปกคลุมไปทั่วทั้งสะพานแล้ว แม้แต่พื้นน้ำยังเต็มไปด้วยเปลวเพลิง นอกจากบนสะพานก็ไม่มีที่ซึ่งสามารถยืนได้ พวกเขาพุ่งเข้าไปก็ไม่สามารถช่วยใครได้ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังจะพุ่งเข้าไป เนื่องจาก……
เฟิ่งชิงเฉินอยู่ข้างใน!
พุ่ง พุ่งเข้าไป พุ่งเข้าไปในทะเลเพลิง ช่วยเฟิ่งชิงเฉินออกมา!
เมื่อพูดถึงเปลวไฟที่ลุกโชนในช่วงเวลานั้นทำให้จักรพรรดิตกตะลึง แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
จักรพรรดิหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงจะบุกเข้าไปในเปลวเพลิง และตายไปพร้อมกันในเปลวเพลิง หากเป็นเช่นนี้เรื่องทุกอย่างก็ง่ายขึ้นเป็นกอง
สังหารเสด็จอาเก้ากับหวังจิ่นหลิงด้วยวิธีการวางระเบิดธรรมดาเช่นนี้ เขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน และคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีโอกาสทำสำเร็จ
น้องเก้าเอ๊ย น้องเก้า วันนี้ข้าได้เข้าใจ ว่าสิ่งที่เจ้าทำลงไปนั้นเป็นความจริง ผู้ชายของราชวงศ์จักรพรรดิล้วนพูดจริงทำจริง ข้าควรจะบอกว่าเจ้าโง่หรืออะไรดี?
จักรพรรดิยิ้มอย่างเยือกเย็น เย้ยหยันด้วยแววตาของเขา ไท่เป่าและไท่ฟู่ที่อยากให้จักรพรรดิสั่งให้คนไปช่วยก็หุบปากทันที ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
จักรพรรดิหมายความว่าอย่างไร หากพวกเขาเดาไม่ออก พวกเขาก็ควรจะออกไปจากพระราชวังและกลับบ้านไป สำหรับความคิดของจักรพรรดิ พวกเขาไม่ออกความเห็นแต่อย่างใด เนื่องจากการตายของเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง สำหรับตงหลิงหรือราชวงศ์ มันเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย!
เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงอยู่ห่างจากทะเลเพลิงเพียงแค่ห้าสิบเมตร ดวงตาทั้งสองข้างของเสด็จอาเก้าแดงก่ำ หัวใจของเขารัดแน่นจนไม่อาจทนต่อไปได้
เร็ว เร็ว เข้าไปเร็ว รีบเข้าไป!
เสียงตะโกนดังก้องในหัวใจของจักรพรรดิ เนื่องจากประหม่าและความหวัง มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นโดยไม่รู้ตัว มันสั่นไหวเล็กน้อย โจวอ๋องเองก็หวังเช่นเดียวกับจักรพรรดิ เขาอยากให้เสด็จอาเก้าตายอยู่ในทะเลเพลิง เพียงแต่จักรพรรดิยังคงให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ของเขา แต่โจวอ๋องนั้นไม่เลย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ชิงอ๋องเห็นฉากนี้ในดวงตาของเขา หัวใจของเขาเย็นตัวลง เป็นห่วงเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ หากทั้งสองต้องมาตายในทะเลเพลิง ตามความปรารถนาของจักรพรรดิ มันคงไม่คุ้มค่า
สี่สิบเมตร……
สามสิบเมตร……
เสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิง ตี๋ตงหมิงและหนานหลิงจิ่นสิงเข้าใกล้ทะเลเพลิงมากขึ้นเรื่อย ๆ จักรพรรดิเองก็ตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
จบเสียที ทั้งสามคนคือพวกที่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวมากที่สุดในตงหลิง แต่สุดท้ายกลับมาถูกเปลวไฟกระจอกฆ่าตาย ฮ่าฮ่าฮ่า……
น่าเสียดาย จักรพรรดิดีใจเร็วเกินไป เพราะความจริงไม่อาจเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นจักรพรรดิก็ตาม
สิบเมตร……เสด็จอาเก้าห่างจากทะเลเพลิงเพียงแค่สิบเมตร ความร้อนแผ่ซ่านมาบนใบหน้าของเขา แต่ดูเหมือนว่าเสด็จอาเก้าจะไม่รู้สึกอะไร เขายังคงก้าวไปด้านหน้าอยู่อย่างนั้น
เมื่อหัวของม้าสัมผัสกับเปลวไฟ ความตั้งใจของจักรพรรดิก็เสร็จสิ้นไปแล้วสามส่วน แต่ในตอนนั้นเอง ฉากอันแสนน่าทึ่งก็เกิดขึ้น มีเงาของเปลวไฟเคลื่อนไหวและพุ่งออกมาจากทะเลเพลิง
“หลีกไป หลีกไป!” เงาของเปลวไฟนั่งอยู่บนหลังม้า ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น แม้ว่าร่างกายจะถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ และเสียงก็ฟังดูแหบเล็กน้อย แต่เมื่อทุกคนได้ยินเสียงดังกล่าวกลับดีใจและร้องไห้ออกมา
“เฟิ่งชิงเฉิน!” เสียงของเสด็จอาเก้าดังขึ้น นี่เป็นเสียงที่คนทั้งโลกไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเสียงอันสั่นคลอน สามารถสัมผัสได้ถึงความกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เสด็จอาเก้าเปล่งเสียงเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้ไม่มีใครสังเกต ทุกคนมุ่งความสนใจไปยังร่างที่กำลังพุ่งออกมาจากทะเลเพลิง
เฟิ่งชิงเฉินควบม้าออกมาจากทะเลเพลิง ทันทีที่นางกระโดดออกมาจากกองเพลิง นางก็กระโจนลงมาจากหลังม้าและกลิ้งไปบนพื้น
และสิ่งที่ออกมาพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉินก็คือซูโหยว เฟิ่งชิงเฉินใช้แส้ของนางพัดรอบตัวของซูโหยวเอาไว้ แต่ซูโหยวไม่ได้โชคดีถึงเพียงนั้น ทันทีที่ออกมา ร่างของนางกระทบพื้นและหมดสติไปตั้งแต่แรก
“โจ๊ก……โจ๊ก……” ถังน้ำจำนวนมากสาดซัดใส่ร่างของเฟิ่งชิงเฉินและซูโหยว ร่างกายของพวกนางเปียกโชก ไม่นานเปลวไฟที่อยู่บนร่างของเฟิ่งชิงเฉินก็ดังไป
“เฟิ่งชิงเฉิน” เสด็จอาเก้าที่กำลังจะควบม้าเข้าไปในเปลวไฟโดยไม่สนใจสิ่งใด เวลานี้เขาลงมาจากหลังม้า เนื่องจากเขาตื่นเต้นเกินไป ฝีเท้าของเขาไม่มั่นคง ทำให้เขาล้มลงพื้น
เสื้อคลุมบนร่างกายของเขาแปดเปื้อน มือของเขาเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก แต่เสด็จอาเก้าที่หมกมุ่นอยู่กับความสะอาดมาโดยตลอดไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เสด็จอาเก้าก้าวไปด้านหน้า โอบกอดเฟิ่งชิงเฉินที่ดำคล้ำและมอมแมมไว้ในอ้อมแขน
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่” ความสุขที่ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา ความบ้าคลั่งหลังจากเสียสติ ทำให้ดวงตาของเสด็จอาเก้าปวดร้าวจนน้ำตาแทบไหลออกมา
ตอนที่เขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินถูกขังอยู่ในทะเลเพลิง สิ่งแรกที่เขาอยากทำคือการฆ่าคน สังหารจักรพรรดิที่อยู่ด้านข้าง สังหารทุกคนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่ใช่ว่าการช่วยคนนั้นสำคัญกว่า เขาคงลงมือสังหารจักรพรรดิไปแล้ว
ในตอนที่เขาเข้าใกล้ทะเลเพลิง เขาบอกกับตนเองว่า หากเฟิ่งชิงเฉินต้องมาตายอยู่ที่นี่ เขาจะฝังทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้!
“แครก แครก……เจ็บ ปล่อยได้แล้ว ข้ายังไม่ตาย” เฟิ่งชิงเฉินที่มอมแมมไปทั้งร่างกาย ผมยาวสีดำของนางมีกลิ่นไหม้ แม้ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของนางจะสกปรก แต่โชคดีที่ไม่มี ได้รับความเสียหาย กลับกัน ทางฝั่งของซูโหยวดูน่าจะทุกข์ทรมานมากกว่า
เสื้อผ้าของนางไหม้เกรียม ผิวหนังเป็นแผลไฟไหม้ น่าเกลียดและน่ากลัว แต่น่าเสียดายที่เวลานี้ไม่มีใครสนใจนางเลยแม้แต่คนเดียว หวังจิ่นหลิง ตี๋ตงหมิงและหนานหลิงจิ่นสิงต่างยืนอยู่ด้านหลังของเสด็จอาเก้า มองดูทั้งสองที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและกอดกันไม่ไปไหน
หนานหลิงจิ่นสิงมีความสุข มีความสุขที่หนานหลิงจิ่นสิงรอดชีวิตจากหายนะครั้งนี้มาได้ โชคดีเหลือเกิน!
ตี๋ตงหมิงตกใจ ตกใจที่เฟิ่งชิงเฉินโดยขนาดนี้แล้วยังรอดชีวิตออกมาได้ บ้าไปแล้ว!
ส่วนหวังจิ่นหลิงกลับรู้สึกเจ็บปวด เจ็บปวดที่เขามาช้าไปก้าวหนึ่ง เขาจึงทำได้เพียงยืนมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างโง่เขลาเช่นนี้!