นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 964 ตาย,สนทนากับลั่วอ๋องสักเล็กน้อย
ใครบอกว่าชุนอ๋องบริสุทธิ์ ไม่รู้จักการวางแผน? นี่ไม่ใช่การหยั่งลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ เสด็จอาเก้ากวาดสายตามองไปที่ตงหลิงจื่อชุน ตงหลิงจื่อชุนหดคอด้วยความตกใจ
ซู่ชินอ๋องรู้ว่าเสด็จอาเก้าเสด็จมาในเวลานี้จะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ในฐานะผู้ควบคุมการอภิเษกครั้งนี้ เขาไม่สามารถเฝ้ามองงานอภิเษกของชุนอ๋องพังทลายไปต่อหน้าต่อตาของเขาได้ เขาก้าวออกมาพร้อมกล่าวว่า “ท่านอ๋องเก้า วันนี้เป็นวันอภิเษกของฝ่าบาทชุนอ๋องกับองค์หญิงเหยาหวา หากมีเรื่องอันใดหลังจากนี้ค่อยพูดคุยกัน”
นี่คือการแจ้งเตือนเสด็จอาเก้าว่าอย่าทำลายงานแต่งงานซึ่งเป็นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ถึงเวลานั้นต่อให้เสด็จอาเก้าสูงศักดิ์แค่ไหนก็ไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้
“ซู่อ๋อง ท่านวางใจ ข้าไม่มีเจตนาร้ายที่จะมาทำงานการอภิเษกของจื่อชุน แต่ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพียงเพราะได้รับการไหว้วานจากผู้อื่นให้นำคำพูดนี้มาส่งถึงองค์หญิงเหยาหวา”
เสด็จอาเก้ากวาดสายตาอันเยือกเย็นของเขาไปทางเหยาหวา เหยาหวาที่สวมชุดแต่งงานสีแดงรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นและความเย้ยหยันจากดวงตาของเสด็จอาเก้า
ในตอนที่เสด็จอาเก้ากำลังจะกล่าวออกมา เหยาหวารู้สึกไม่สบายใจ ร่างกายของนางแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของเสด็จอาเก้า นางรู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้มาดี ที่มาที่นี่ในเวลานี้ เขาจะต้องมาเพื่อระบายความโกรธให้แก่เฟิ่งชิงเฉินเป็นแน่
แต่วันนี้เป็นวันอภิเษกของนาง ต่อให้นางรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหนก็ทำได้เพียงอดทน ต้องทำงานที่เจ้าสาวผู้สง่างามและใจกว้าง จะทำให้ซีหลิงเสียหน้าไม่ได้เป็นอันขาด
ซู่ชินอ๋องเห็นว่าคำเตือนของตนไร้ผล สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือส่งสายตาไปหาองค์ชายอย่างโจวอ๋อง แต่โจวอ๋องกลับเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราว ทำเป็นพูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
ซู่ชินอ๋องหมดหนทาง เขาทำได้เพียงกล่าวออกมาในฐานะของผู้อาวุโส “เจ้าเก้า ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของชีวิต นี่เป็นงานอภิเษกอันเป็นมงคล ต่อให้เข้าไม่คิดถึงทั้งสองประเทศ แต่อย่างนั้นเจ้าก็ต้องคิดถึงจื่อชุน ไม่ว่าอย่างไรจื่อชุนก็เป็นหลานของเจ้า”
ซู่อ๋องรู้ว่าเสด็จอาเก้ามาเพื่อระบายอารมณ์ให้เฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นเขาจึงเตือนเสด็จอาเก้าเป็นพิเศษ อย่าลืมความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ ไม่ว่าอย่างไรชุนอ๋องก็เป็นญาติของเสด็จอาเก้า จะทำให้หลานของตนเองต้องเจ็บช้ำเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้
“ซู่อ๋อง ข้าไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักหนักเบา ข้าพูดจบข้าก็จะจากไปในทันที การอภิเษกยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซู่อ๋อง หากท่านยังขวางข้าอยู่เช่นนี้ ท่านอาจจะทำให้พลาดฤกษ์งามยามดี” เสด็จอาเก้าร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถโยนความผิดทั้งหมดไปไว้ที่ซู่อ๋อง ต่อให้ซู่อ๋องอยากจะขัดขวางแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้
“ท่านปู่ซู่อ๋อง เสด็จอารักและเป็นห่วงข้าที่สุด ท่านให้เสด็จอาพูดออกมาเถิด จื่อชุนเองก็อยากจะรู้ว่าเสด็จอาจะพูดอะไรกับองค์หญิงเหยาหวา” ยังไม่ได้ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ชุนอ๋องก็ไม่สะดวกจะที่จะเรียกองค์หญิงเหยาหวาว่าพระชายาชุนอ๋อง
ขุนนางฝ่ายของตนไร้ซึ่งอำนาจ ต่อให้ซู่ชินอ๋องร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานอำนาจของเสด็จอาเก้าเอาไว้ได้ ซู่ชินอ๋องหมดหนทาง ทำได้เพียงถอยออกมา แสดงออกว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าอยากพูดอะไรออกมาก็เชิญ ทั้งหมดมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
เยี่ยมมาก เขาเข้าไปในพระราชวังเพื่อสารภาพผิดต่อจักรพรรดิ การอภิเษกถูกเสด็จอาเก้าและจื่อชุนทำลาย เขาได้เข้าไปขัดขวางแล้ว จักรพรรดิก็คงลำบากใจที่จะตำหนิเขา
“ขอบคุณซู่อ๋อง” เสด็จอาเก้าหันไปพยักหน้าให้กับซู่ชินอ๋องเพื่อแสดงถึงความเคารพ จากนั้นถึงหันมาพูดกับองค์หญิงเหยาหวา “องค์หญิงเหยาหวา ทูตแห่งซีหลิงฝากข้ามาบอกกับองค์หญิง เสด็จพ่อของเจ้าฟื้นแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของเสด็จพ่อของเจ้า นอกจากนั้นเสด็จแม่ของเจ้าทำให้ราชสำนักต้องแปดเปื้อน ถูกจักรพรรดิสั่งให้ปลิดชีพตนเอง เวลานี้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเสด็จพี่ของเจ้า เขาประพฤติตนไม่ดีในยามที่เขาได้ปกครองประเทศ เวลานี้กำลังรอรับพระราชโองการ……”
ความเร็วในการพูดของเสด็จอาเก้าไม่ได้ช้าหรือเร็วจนเกินไป แต่ละคำกล่าวออกมาอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้เหยาหวาคิดว่าเสด็จอาเก้าล้ำลึกจนน่ากลัว แต่วันนี้เพิ่งจะรู้ว่าน้ำเสียงของเสด็จอาเก้านั้นเฉียบคมราวกับใบมีด แต่ละคำชั้นทิ่มแทง พุ่งทะลุเข้ามายังร่างกายของนาง
เหยาหวาไม่รอให้เสด็จอาเก้าพูดจบ นางรีบขัดคำพูดของเสด็จอาเก้าในทันใด “เสด็จ เสด็จอาเก้า ท่านพูดอะไรออกมา? ท่านแม่ของข้า นาง……”
“เสด็จแม่ของเจ้าจากไปแล้ว” รับคำพูดของนางอย่างโหดร้าย สุดท้ายองค์หญิงเหยาหวาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางเดินเซ ชนเข้ากับโต๊ะด้านหลังนาง ทำให้เทียนสีแดงล้มลงพื้น
ผู้ดูแลนางกรีดร้องออกมา รีบเข้าไปพยุงนาง แต่เหยาหวาไม่มีจิตใจที่จะสนเรื่องพวกนี้ ฉีกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงออกทันที “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เสด็จแม่ของข้าไม่มีทางเป็นเช่นนั้น เสด็จพี่ของข้าเองก็เช่นกัน นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องจริง……”
เสด็จอาเก้าเฝ้ามองท่าทางขององค์หญิงเหยาหวาอย่างพึงพอใจ ยิ้มออกมาตรงมุมปาก จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้อบอุ่นเลยแม้แต่น้อย “องค์หญิงเหยาหวา ตามที่เจ้าได้ยิน เสด็จแม่ของเจ้าจากไปแล้ว องค์หญิงได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย สุดท้ายนี้ข้าขออวยพรให้องค์หญิงเหยาหวามีความสุขในการอภิเษก อยู่กับจื่อชุนไปชั่วชีวิต ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง”
หลังจากกล่าวประโยคสุดท้ายออกมา เสด็จอาเก้าก็ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป หันไปทักทายซู่ชินอ๋อง มาอย่างไรก็กลับอย่างนั้น ไม่สนใจความเห็นของผู้ใด
ทำอย่างไรได้อย่างนั้น เหยาหวาเคยทำลายการแต่งงานของเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะปล่อยให้เหยาหวาแต่งงานอย่างมีความสุขได้อย่างไร
ข่าวจากซีหลิงแพร่กระจายออกมานานแล้ว เพียงแต่เขาสั่งให้คนปิดข่าวนี้ไว้เป็นเวลาสองวัน จนกระทั่งวันนี้ เขาเป็นคนเปิดเผยมันในดินแดนตงหลิงด้วยตัวเอง
เจ้าดู เขาดีกับเหยาหวาเพียงใด สองวันที่ผ่านมา เขาทำให้เหยาหวามีความสุขมากเพียงใด
เสด็จอาเก้าจากไปแล้ว ทุกคนต่างมองมายังห้องจัดงานอภิเษก อยากรู้ว่าการอภิเษกจะดำเนินต่อไปอย่างไร อยากรู้เรื่องที่แม่ของทำให้ราชสำนักแปดเปื้อนจนส่งผลมายังลูกของนาง ชื่อเสียงของเหยาหวาที่เดิมทีก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ในเวลานี้กลับแย่ลงไปเสียยิ่งกว่าเดิม
“เสด็จแม่ตายแล้ว แม่ของข้าตายแล้ว” องค์หญิงเหยาหวายืนอยู่ที่เดิมราวกับท่อนไม้ ไม่เคลื่อนไหว แต่น้ำตาของนางไหลออกมาไม่ยอมหยุด ทำให้สีแดงที่อยู่บนหน้าเลอะออกมา
จบแล้ว มันจบแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว เสด็จพ่อฟื้นขึ้นมา เสด็จแม่จากไปแล้ว เสด็จพี่ก็ถูกเสด็จพ่อตั้งข้อกล่าวหา ห่างไกลจากตำแหน่งจักรพรรดิยิ่งไปกว่าเดิม……
องค์หญิงเหยาหวาร้องไห้จนตัวสั่น ราวกับนางสามารถล้มลงได้ทุกวินาที ตงหลิงจื่อชุนยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีวี่แววว่าจะเข้าไปปลอบใจ ตรงกันข้าม เขากลับมองมาที่ซู่ชินอ๋อง หวังว่าซู่ชินอ๋องจะปล่อยเขาไป หยุดงานอภิเษกไว้เพียงเท่านี้ เขาไม่อยากอภิเษกกับผู้หญิงที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อนบนร่างกายราวกับนางบำเรอ
ซู่ชินอ๋องจ้องมองมาที่ตงหลิงจื่อชุนอย่างดุร้าย หยุดความคิดนั้นของเขา หากเด็กคนนี้ไม่หันหลังให้กับสนามรบ เขาคงสามารถใช้ใบหน้าอันแก่ด้านของเขาหยุดคำพูดเหล่านั้นของเสด็จอาเก้าเอาไว้ได้ เวลานี้ทุกอย่างแย่ลงไปทุกที องค์หญิงเหยาหวาได้ข่าวการตายของแม่ในวันอภิเษกของนาง เช่นนี้การอภิเษกยังเป็นการเฉลิมฉลองอยู่อย่างนั้นหรือ?
“การอภิเษก……” คำพูดหลังจากนั้น ซู่ชินอ๋องยังไม่ทันได้พูดมันออกมา เขาก็เห็นองค์หญิงเหยาหวายกกระโปรงขึ้นและวิ่งออกไปด้านนอก
“หลานจิ่วชิง เจ้ากลับมา กลับมาเดี๋ยวนี้ เจ้ากลับมาบอกข้า ว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหก เสด็จแม่ของข้ายังปลอดภัย เสด็จพี่ของข้าก็ยังคงสบายดี หลานจิ่วชิง เจ้าอย่าเพิ่งไป เจ้าอย่าเพิ่งไป เจ้ากลับมาบอกข้าว่าทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องจริง……”
ถือว่าเหยาหวายังมีสติ นางไม่ได้พูดเรื่องที่เสด็จพี่ของนางต้องการครอบครองบัลลังก์ ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องดังกล่าวไปถึงซีหลิง มันอาจเป็นการก่อกบฏ แต่น่าเสียดายที่เหยาหวาไม่รู้ สิ่งที่นางทำลงไปในวันนี้ เมื่อทุกอย่างไปถึงซีหลิง จักรพรรดิแห่งซีหลิงเองก็จะไม่ชอบนาง
เนื่องจากไม่มีจักรพรรดิองค์ไหนรับได้กับการที่ลูกสาวของตนเองรู้สึกโกรธและเสียใจเมื่อรู้ว่าพ่อของตนหายป่วย เว้นแต่ซีหลิงเทียนเหล่ยจะขึ้นครองบัลลังก์ ไม่เช่นนั้นซีหลิงคงไม่มีทางช่วยเหลือนางอีกเป็นอันขาด
“ยังจะยืนทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รับไปขวางพระชายาชุนอ๋อง” ไม่สนว่าชุนอ๋องจะพอใจหรือไม่ แต่การอภิเษกดำเนินมาถึงตรงนี้ อย่างไรเขาก็ต้องอภิเษก ซู่ชินอ๋องรีบออกคำสั่งให้คนไปหยุดเหยาหวาไว้ทันที
ไม่ว่าอย่างไร การอภิเษกก็ต้องดำเนินต่อไป ชุนอ๋องไม่ได้อภิเษกกับเหยาหวาแห่งซีหลิง แต่เขาอภิเษกกับองค์หญิงแห่งซีหลิง……
การอภิเษกดำเนินต่อไป แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่นหรือครื้นเครงเหมือนก่อนหน้านี้ เหยาหวารู้ว่าต่อให้นางกลับไปซีหลิงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ หลังจากสงบลง เหยาหวาก็จัดผ้าคลุมเจ้าสาวของนางและเดินเข้ามายังห้องโถงเพื่อทำพิธีบูชาฟ้าดิน
ใบหน้าของเจ้าสาวเต็มไปด้วยน้ำตาและความโศกเศร้า ใบหน้าของเจ้าบ่าวเต็มไปด้วยความไม่ยินดี เหล่าผู้ร่วมงานเห็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่อาจหาประโยชน์จากการอภิเษกครั้งนี้ได้ พวกเขาจึงหาข้ออ้างในการปลีกตัวออกไป โจวอ๋องเป็นคนแรกที่เดินทางกลับ แต่เขาไม่ได้กลับไปยังจวนของเขา เขาไปที่จวนลั่วอ๋อง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เหยาหวาก็เคยเป็นสตรีที่จื่อลั่วรัก แน่นอนว่าเขาต้องนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานอภิเษกมาเล่าให้น้องชายสุดที่รักของเขาฟัง
หากไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้า การอภิเษกของเหยาหวาก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้……