ในป่าที่เขียวขจีและมีชีวิตชีวาด้วยแสงแดดยามเช้าชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนมองสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นกองขี้เถ้าเล็กๆ
โนอาห์ที่ในความเป็นจริงไม่ได้มองไปที่กองขี้เถ้าตรงหน้าเขาด้วยซ้ำ เขากำลังมองไปที่หน้าจอสีดำที่ลอยอยู่ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็น
บนหน้าจอมีการเขียนคำบางคำ ในบรรดาคำเหล่านั้นมีบางคำที่เขาคุ้นเคยกับสองประโยคแรกที่อ่าน
[ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 8 หน่วย]
[ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 8 หน่วยสำหรับสกิล: เปลวไฟแห่งนรก]
เมื่อดูจำนวนคะแนนค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการฆ่าก็อบลินที่ได้รับพรโนอาห์อดไม่ได้ที่จะดีใจและรู้สึกว่าเขาตัดสินใจถูกที่ทิ้งศพของก็อบลินทั้งสามที่อยู่ในกลุ่มนี้ไป
จำนวนค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจากก็อบลินที่ได้รับพรตัวนี้เทียบเท่ากับการฆ่าก็อบลินทั่วไปทั้งกลุ่ม เมื่อเห็นว่ามอนสเตอร์ตัวเดียวแบบนี้สามารถให้ประสบการณ์ได้มากแค่ไหนโนอาห์ก็เริ่มสงสัยว่าเขาจะได้รับกี่แต้มถ้าเขาฆ่าบอสด้วยตัวเอง
‘ฉันต้องทำมันได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงมากก็ตามแต่ผลประโยชน์ที่ได้รับก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง แต่อย่างแรกที่ฉันต้องทำคือฉันต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอก่อน’
หลังจากอ่านการแจ้งเตือนสองครั้งที่เขาคุ้นเคยกับการได้รับโนอาห์มองไปที่การแจ้งเตือนที่สามซึ่งใหญ่กว่าและแปลกกว่าอีกสองฉบับมาก
[บันทึกส่วนหนึ่งของลูซิเฟอร์ได้รับการปลดล็อกแล้ว คุณต้องการที่จะอ่านหรือไม่?]
เมื่อเห็นคำถามนี้โนอาห์รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างแน่นอน เนื่องจากครั้งสุดท้ายที่ระบบถามว่าเขาต้องการทำอะไรหรือไม่คือเมื่อตอนที่โนอาห์ได้รับพรครั้งแรก และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของโนอาห์เปลี่ยนไป
เมื่อรู้ว่าเขาอาจจะได้รับประโยชน์มากมาย โนอาห์จึงไม่คิดทบทวนก่อนที่จะตอบกลับในใจว่า
‘ใช่’
หน้าต่างสีดำหายไปชั่วขณะและในวินาทีถัดมาหน้าต่างสีแดงสวยงามก็ปรากฏขึ้น มันไม่เหมือนกับจดหมายก่อนหน้านี้ที่ดูเหมือนถูกพิมพ์โดยคอมพิวเตอร์บางประเภท จดหมายเหล่านี้เขียนด้วยลายมือที่สวยงามราวกับว่าลูซิเฟอร์เขียนขึ้นเอง
[“คุณรู้ไหมว่าทำไมพระเจ้าถึงพาฉันลงมาเพราะฉันรักพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ และพระเจ้าก็สร้างมนุษย์ขึ้นมา มันคือลิงตัวน้อย…ที่ไม่มีขน จากนั้นพระองค์ขอให้เราทุกคนโค้งคำนับต่อหน้าพวกเขา และบอกให้รักพวกเขามากกว่าพระองค์ ดังนั้นฉันเลยตอบพระองค์กลับไปว่า “พระบิดา…ฉันทำไม่ได้” ฉันพูดว่า “มนุษย์เหล่านี้มีข้อบกพร่อง พวกเขาเป็นฆาตรกร!” พระเจ้าไม่พอใจกับสิ่งนั้นเขาโยนฉันลงไปในนรกและถือว่านั่นเป็นการลงโทษ แต่เมื่อเวลาผ่านมาฉันพูดถูกพวกเขาหลานพันล้านคนทำอะไรกัน อาชญากรรมหมู่? ฆาตรกรรมหมู่? สิ่งที่ฉันพูดทั้งหมดมันถูกต้อง ไหนละคนที่ตำหนิฉันเกี่ยวกับเรื่องนั้น? แต่ถึงแม้ว่าฉันจะไม่พอใจพระบิดาของฉันสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันก็ยอมรับอย่างไม่เต็มใจที่จะเข้าควบคุมนรก…แต่นั่นคือตอนที่เทพระดับล่างเริ่มปรากฏตัว…”]
เมื่อโนอาห์อ่านจบหน้าต่างสีแดงก็หายไปทันทีในขณะที่หน้าต่างสีดำอีกบานปรากฏขึ้นแทน
[เนื่องจากการดูดซับพลังงานถูกหยุดชะงักระบบจึงไม่สามารถรับส่วนที่เหลือจากบันทึกได้]
เมื่อโนอาห์เห็นข้อความสุดท้ายความโกรธในตัวเขาก็เพิ่มขึ้น
‘ถ้าไม่ใช่เพราะก็อบลินตัวนั้นฉันก็คงจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป!!’ โนอาห์พูดในใจขณะที่เขาเตะไปที่กองขี้เถ้าที่เหลืออยู่ของก็อบลินที่เขาฆ่า
‘ฉันเกลียดคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้!’
หลังจากรวบรวมสติของตัวเองอีกครั้ง โนอาห์ก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาได้อ่านจากบันทึกและสรุปมันออกมา
‘เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของลูซิเฟอร์กับพระเจ้า พ่อของเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขียนใยอินเตอร์เน็ต เพราะในสิ่งที่มนุษยชาติเขียนความสัมพันธ์ของลูซิเฟอร์และพระเจ้านั้นแย่มาก แต่ดูเหมือนจริงๆแล้วมันจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยคือ ลูซิเฟอร์พูดถึง ‘เทพระดับล่าง’ ในบันทึก มันหมายความว่าอะไร? เขาพูดถึงใคร? บางทีพวกเขาอาจจะเป็นเทพเจ้าในปัจจุบัน?’ ตอนนี้โนอาห์ไม่สนใจก็อบลินที่เขาจะฆ่าได้ในช่วงเวลาที่เขากำลังนั่งคิดอยู่นี้ เค้าเพียงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูซิเฟอร์และพระเจ้าเท่านั้น
เมื่อตระหนักว่าเวลาผ่านไปไม่กี่นาทีแล้วและเขาก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมได้ โนอาห์จึงโกรธพวกก็อบลินที่ขัดขวางไม่ให้เขาอ่านส่วนท้ายของบันทึกส่วนนั้นและเตะกองขี้เถ้าที่อยู่ตรงนั้นอีกครั้ง ขณะที่เขาจากไปเพื่อมองหากลุ่มอื่นๆ เพื่อฆ่าและได้รับค่าประสบการณ์จากมัน
[ผู้ใช้: โนอาห์ สเติร์น]
[เลเวล: 01]
[ประสบการณ์: 66/100]
[HP: 10/10]
[ความแข็งแรง: 10]
[ความคล่องตัว: 10]
[ความแข็งแกร่ง: 10]
[สกิว:
เปลวไฟจากนรก เลเวล: 01 : 87/100
คำอธิบายสกิว: เทคนิคที่ประกอบไปด้วยการอัญเชิญเปลวไฟแห่งนรกขึ้นมา เปลวไฟแห่งนรกไม่ต่างไปจากเปลวไฟธรรมดา แต่หลังจากชำระคนบาปและบาปมากมายมันก็กลายเป็นเปลวไฟที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถเผาได้กระทั้งเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เพื่อเพิ่มพลังของความสามารถนี้คุณจะต้องเผาบาปหรือคนบาป]
———————————–
ขณะนี้ที่อื่นภายในป่า กลุ่มคน 14 คนกำลังต่อสู้กับก็อบลินจำนวนมากในหมู่พวกเขาคือผู้หญิงที่วิพากษ์วิจารณ์และดูหมิ่นโนอาห์
“ให้ตายเถอะ! นักเวทย์ยิงพลังออกไปด้วยพรของนายเร็ว! พวกเราที่อยู่แนวหน้าจะทนต่อได้อีกไม่นานแล้วนะ” นักรบตะโกนใส่กลุ่มนักเวทย์และนักธนูที่อยู่ด้านหลังด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาจะต้องต่อสู้กับนักรบก็อบลิน 9 ตัวที่กำลังโจมตีเขาในขณะที่ก๊อบลินอีก 3 ตัวโจมตีจากระยะไกลด้วยปืนยิงลูกดอกซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอ
“บ้าเอ้ย ฉันจะหมดแรงแล้ว! นายคิดว่าฉันจะสร้างแผ่นดินไหวได้หรอไง?” นักเวทย์ธาตุดินกรีดร้องจากระยะไกลขณะที่เขาใช้พรของตัวเองสกัดหินก้อนใหญ่จากพื้นดินและขว้างใส่ก็อบลิน
นี่เป็นข้อบกพร่องที่สำคัญของนักเวทย์ พวกเขาขาดความคิดสร้างสรรค์และความเต็มใจที่จะขยันฝึกฝนและสร้างทักษะใหม่สำหรับพรของพวกเขา เนื่องจากปกติแล้วทักษะต่างๆของผู้ถูกเลือกไม่ได้ถูกสอนต่อสาธารณะ นักเวทย์เหล่านี้จึงไม่สามารถคิดและพัฒนาทักษะเฉพาะตัวได้อย่างที่โนอาห์พยายามพัฒนาลูกไฟของเขา
“เจ้าบ้า หยุดเคลื่อนไหวไปมาซักทีได้ไหม ไม่งั้นฉันจะยิงลูกธนูโดยพวกนายแทนนะ!” ผู้หญิงที่ทะเลาะกับโนอาห์ที่ทางเข้าป้อมปราการตะโกนใส่นักรบพรของเธอคือการควบคุมลมเล็กน้อย เมื่อสิ่งนี้เพิ่มเข้ากับการใช้ธนูทำให้เธอสามารถควบคุมลูกธนูได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะยิงธนูได้อย่างถูกต้อง แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนวิธีลูกธนูในอากาศได้ แต่เธอก็ไม่ได้มีพลังถึงขนาดที่จะสามารถเปลี่ยนวิถีหลบนักรบที่อยู่แนวหน้าได้ทุกคน
ยิ่งพวกเขากรีดร้องระหว่างการต่อสู้มากขึ้น เสียงนั้นก็ยิ่งดึงดูดพวกก็อบลินมากขึ้นเท่านั้นเนื่องจากป้อมปราการนั้นเต็มไปด้วยมอนเตอร์ ขนาดโนอาห์ที่วิ่งเงียบๆโดยไม่ส่งเสียงอะไรก็อบลินยังได้ยินเขา นับประสาอะไรกับผู้ใหญ่หลายคนที่ตะโกนใส่กันในป่าที่เงียบสงบตลอดเวลา พวกเขาเป็นเหมือนสัญญาณปลุกก็อบลินให้เข้ามาหา
จนถึงตอนนี้กองซากศพก็อบลินรอบๆตัวพวกเขาเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่พวกเขาเริ่มต่อสู้ในสถานที่แห่งนั้นพวกเขาไม่สามารถขยับได้เกินหนึ่งเมตร หากมีใครสักคนมองไปรอบๆ และนับจำนวนก็อบลินที่พวกเขาฆ่าไปแล้วจำนวนอาจมากกว่า 30 ตัว แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฆ่าไปมากมายแค่ไหน แต่มันก็เหมือนกับว่าฝูงมอนสเตอร์เหล่านี้ไม่เคยลดลงเลย
ความเหนื่อยล้าทางจิตใจส่งผลกระทบต่อทุกคนในกลุ่มเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักรบและผู้รักษาที่ไม่มีโอกาสได้พักตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อพวกเขาเข้ามาในป้อมปราการ
เนื่องจากนี่เป็นป้อมปราการธรรมดาและไม่ใช่ป้อมปราการระดับพิเศษ ประตูวาปที่พวกเขาเคยเข้ามาจึงยังคงเปิดอยู่ พวกเขาสามารถออกจากป้อมปราการได้ตลอดเวลาที่พวกเขาต้องการ แต่ไม่มีใครที่ต้องการจากไปแม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย เพราะรัฐบาลได้กำหนดไว้ว่าเมื่อผู้ถูกเลือกเข้ามาในป้อมปราการพวกเขามีหน้าที่ทำลายป้อมปราการนั้น หากพวกเขาจากไปโดยที่ป้อมปราการยังไม่ถูกทำลายค่าปรับที่ผู้ถูกเลือกจะได้รับจากการไม่ปฏิบัติตามภารกิจนั้นสูงพอที่จะให้ผู้ถูกเลือกทำงานตลอดทั้งปีเพื่อชดใช้มัน
ข้อยกเว้นเพียงประการเดียวของกฎนี้ก็คือหากผู้ถูกเลือกเหลือไม่ถึงหนึ่งในสามที่เข้าไป พวกเขาจะสามารถออกมาได้ แต่พวกเขาจะไม่ได้รับรางวัลหรืออะไรทั้งสิ้น เช่นเดียวกันการบุกป้อมปราการที่โนอาห์มีส่วนร่วมบ่อยครั้ง
เมื่อมองไปที่ความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับการต่อสู้ครั้งนี้ผู้หญิงที่ตะโกนใส่โนอาห์มีอย่างน้อยหนึ่งอย่างในใจที่ทำให้เธอรู้สึกสงบ
‘อย่างน้อยผู้ชายที่ไร้ประโยชน์คนนั้นก็ต้องตายคนเดียวที่ไหนสักแห่งเนื่องจากเขาไม่มีกลุ่ม เพราะขนาดผู้ถูกเลือกระดับ E 14 คนยังไปไหนไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับระดับ F ที่อ่อนแอเพียงคนเดียว ฮ่าๆ’