นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 975 อุตสาหกรรม,อุปกรณ์รักษาทางการแพทย์
ความทุกข์ทรมานของเหล่าสายลับ เฟิ่งชิงเฉินไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย แม้นางจะได้ยินเสียงการต่อสู้ในทุกวัน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
นี่คืออาณาเขตของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าบอกว่าไม่มีอันตราย เช่นนั้นก็ไม่มีทางมีอันตรายเป็นแน่ นางจะกังวลไปเพื่ออะไร นางมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องทำ นางไม่เพียงแต่ต้องสอนซุนซือสิงในเรื่องของวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน แต่นางยังต้องพูดคุยกับซุนซือสิงว่าจะทำเช่นไรในการผสมผสานกันระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันกับแพทย์แผนจีน
นี่ไม่ได้เป็นการทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่มันเพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ เพื่อศิษย์ของนางเอง เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่มีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอยู่ในครอบครอง หากพวกนางต้องการให้การรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ นางจำเป็นต้องแก้ไขปัญหานี้
“จากการไตร่ตรองของข้า ข้ามันถึงเวลาแล้วที่ข้าควรจะเก็บเงินในการสร้างโรงงานผลิต” เสด็จอาเก้าได้ยินเรื่องอุปกรณ์การผ่าตัดที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีใช้ นางรู้สึกเป็นกังวลกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ในยุคนี้มาก
แต่……หลังจากนั้นไม่นานเฟิ่งชิงเฉินก็ปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
นางเรียนแพทย์ ไม่ได้เรียนอุตสาหการ วิธีการและขั้นตอนการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านั้น นางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย หากเป็นยุคที่นางเคยอยู่ในปัจจุบัน แค่มีเงินก็สามารถซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องการได้ แต่เวลานี้……
นางทำได้เพียงผายมือ!
ต่อให้นางมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อมันมาได้
ซุนซือสิงเงียบอยู่นาน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น เมื่อได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นกังวลเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ เขาจึงกล่าวออกมาอย่างไม่เดียงสา “อาจารย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ของท่าน ท่านนำมาจากที่ใด พวกเราก็ไปเอามาจากที่นั่น”
เขารู้ถึงความลึกลับในตัวตนของเฟิ่งชิงเฉิน และความลับนี้ก็ไม่สามารถแตะต้องได้ ข้อเสนอที่ซุนซือสิงมอบให้กับเฟิ่งชิงเฉิน แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ แต่บางอย่างก็ยังพอมีความเป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น ขวดใส่ของเหลว อุปกรณ์ในการถ่ายเลือด และของจำพวกเข็ม แม้จะไม่สามารถผลิตออกมาเป็นจำนวนมากได้ แต่ก็สามารถผลิตขึ้นมาด้วยมือในปริมาณน้อย ๆ
พวกเขาสองคนที่เป็นหมอนั้นอาจจะทำไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ไปด้วย ตามหาผู้ที่ชำนาญในการถลุงแร่ หรือคนที่ชอบทำอะไรแปลก ๆ กับเรื่องพวกนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสสำเร็จก็เป็นได้
คำพูดของซุนซือสิงทำให้ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย นางลืมไปเลยว่าอะไรคือเทคโนโลยีล้าสมัย ความแข็งแกร่งทางอุตสาหกรรม คนงานชั้นแนวหน้าของจีน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นคนงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในยุคนี้ พวกเราไม่สามารถผลิตอุปกรณ์ที่มีความแม่นยำและความละเอียดสูงออกมาได้ด้วยเครื่องมือ แต่พวกเราสามารถใช้กำลังคนในการผลิต แม้มันจะไม่ได้ละเอียด ว่องไว เท่ากับในยุคที่นางอยู่ก็ตาม
นางเคยได้ยินเรื่องพวกนี้จากศาสตราจารย์ โรงพยาบาลในประเทศซื้อเครื่องมือแพทย์ขั้นสูงระดับสากล ราคาไม่แพง แต่หลังจากใช้ไปช่วงระยะเวลาหนึ่งสกรูก็เสีย ทำให้ความแม่นยำต่ำลง คนของโรงพยาบาลจึงไปถามร้านที่ขายอุปกรณ์ให้ บอกว่าต้องการสกรูในการซ่อมแซมหนึ่งตัว สุดท้ายกลับถูกอีกฝ่ายบอกว่า สกรูตัวเล็ก ๆ ที่เราเห็นอยู่นั้นมีมูลค่าเทียบเท่ากับหนึ่งในห้าของราคาอุปกรณ์ และราคานี้ก็เป็นราคาที่ดีที่สุดแล้ว
สกรูเพียงตัวเดียวแต่กลับมีราคาหลายแสน ทางโรงพยาบาลโกรธมาก บอกว่าจะกลับไปให้คนในประเทศทำสกรูใหม่ขึ้นมาแทน ทางด้านของคนขายอุปกรณ์กล่าวอย่างอวดดีว่า ด้วยอุตสาหกรรมที่ล้าหลังของจีน ต่อให้ใช้เวลาอีกร้อยปีก็ไม่สามารถสร้างสกรูขึ้นมาได้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะโอหังจนน่าเจ็บใจ แต่ความจริงมันก็ไม่ไกลจากคำพูดของเขา สกรูที่พวกเขาผลิตออกมานั้น ไม่ว่าจะมีลักษณะเป็นอย่างไร หลังจากใส่เข้าไปในตัวอุปกรณ์มันก็ไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากขาดความพอดี ขาดนิดเกินหน่อย
นี่คือเครื่องมือที่มีความแม่นยำ ช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ นั้นไม่เกินหนึ่งเส้นผม เวลานี้ทางด้านของโรงพยาบาลถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดตัวเครื่องมือถึงมีราคาไม่แพง ที่แท้สิ่งที่เป็นกำไรหรือสร้างผลประโยชน์ให้กับพวกเขาก็คือชิ้นส่วนเหล่านี้
เมื่อซื้อเครื่องมือมาแล้ว หากชิ้นส่วนใดเสียหาย โรงพยาบาลคนรู้สึกปวดใจ เนื่องจากแค่ราคาของสกรูตัวเดียวยังมีราคาตั้งหลายแสน เมื่อกำลังประสบปัญหาอันตึงเครียด จู่ ๆ ก็มีคนกล่าวถึงชายชราผู้หนึ่ง เขาเป็นกรรมกร สกรูที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยมือนั้นมีความละเอียดสูง เพียงแต่ชายชราผู้นี้ไม่รู้จักวิธีการควบคุมเครื่องจักรสมัยใหม่จึงทำให้เขาต้องตกงาน
ทางโรงพยาบาลถือคติหากมีความหวังอันริบหรี่ จงลงมือทำดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เมื่อคนงานผู้นั้นเห็นสกรูตัวดังกล่าว เขาบอกว่าเขาสามารถสร้างสกรูที่เหมือนกันขึ้นมาได้โดยไม่มีความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย
คนงานชราผู้นั้นใช้เวลาเจ็ดวัน จากการซ่อมแซมนับครั้งไม่ถ้วน เขาสามารถสร้างสกรูที่มีลักษณะเดียวกับที่ทางโรงพยาบาลต้องการออกมาได้ และยังช่วยให้ประเทศของเขาไม่ต้องเสียเงินอีกหลายล้าน
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินนึกถึงเรื่องดังกล่าว นางก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของซุนซือสิงนั้นเป็นไปได้ แต่พวกเขาจะไปหาคนงานแบบนั้นมาจากที่ไหน?
“จั่วอั้น ใช่แล้ว จั่วอั้น เขาเป็นคนชอบการค้นคว้าไม่ใช่หรือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถทำให้เรื่องพวกนี้เป็นจริงขึ้นมาก็ได้” เฟิ่งชิงเฉินคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง นางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก รีบออกมาจากห้องผ่าตัด จากนั้นก็ตะโกนออกมาในที่โล่ง “โจ่วอัน โจ่วอัน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า รีบออกมาเร็ว ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า”
“โจ่วอัน โจ่วอัน……”
เหล่าสายลับเห็นเฟิ่งชิงเฉินวิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดตั้งแต่แรก พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและดีใจ คิดว่าในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็หันมาเห็นความสำคัญของเสด็จอาเก้า ในที่สุดพวกเขาก็จะได้พ้นจากความทุกข์ทรมาน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า……
“ฮือ ฮือ ฮือ ทันทีที่แม่นางเฟิ่งออกมา นางก็เรียกหาชายอื่น นายท่านคงไม่รู้สึกปวดใจจนกระอักเลือดออกมาใช่หรือไม่” สายลับกล่าวออกมาด้วยท่าทางอันน่าสงสาร
สายลับอีกคนกล่าวออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ท่านอ๋องจะปวดใจจนกระอักเลือดออกมาหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ที่ข้ารู้ พวกเราเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายกระอักเลือดออกมา”
อ่า……
พระเจ้า!
ความสุขของจั่วอั้นคือการได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่น ที่จริงตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาติดตามเฟิ่งชิงเฉินมาโดยตลอด เขาไม่ได้ทำอะไรและรู้สึกเบื่อหน่าย คิดว่าควรจะแอบหนีไปดีหรือไม่ แต่เมื่อได้เห็นความทุกข์ใจของเหล่าสายลับ เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
จั่วอั้นยืนอยู่บนที่สูง ชื่นชมและมีความสุขกับท่าทางอันเจ็บปวดของเหล่าสายลับ จากนั้นก็ปรากฏตัวออกมา
“เรียกข้า มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?” ท่าทางของจั่วอั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มือทั้งสองข้างกอดดาบของเขาเอาไว้ ห่างจากเฟิ่งชิงเฉินเพียงสามก้าวเท่านั้น
ผู้หญิงบางคนสามารถแตะต้องได้ แต่ผู้หญิงบางคนไม่สามารถทำได้แม้แต่จะเข้าใกล้ ช่วงนี้เหล่าสายลับพบเจอแต่สถานการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้จั่วอั้นรู้ว่าการที่เขาเข้าใกล้เฟิ่งชิงเฉินทำให้มีคนต้องโชคร้าย
หากยังรักชีวิตของตัวเอง จงออกห่างจากเฟิ่งชิงเฉิน นี่คือสิ่งที่จั่วอั้นเพิ่งจะตระหนักได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาตัดสินใจที่จะปฏิบัติเช่นนั้น เนื่องจากน้องชายของเขาอยู่ในกำมือของเสด็จอาเก้า เขาไม่สามารถเอาความสนุกของตนมาเล่นกับอารมณ์ของเสด็จอาเก้าได้
“แน่นอนว่าต้องมีเรื่อง หากไม่มีเรื่องข้าจะเรียกเจ้ามาเพื่อสิ่งใด ตามข้าเข้ามา” เฟิ่งชิงเฉินเพียงคิดแค่ว่านางสามารถผลิตเครื่องมือแพทย์แบบแผนตะวันตกได้ นางจะไปสนใจความคิดของจั่วอั้นได้อย่างไร เห็นจั่วอั้นไม่ยอมเคลื่อนไหว นางจึงก้าวเข้ามาเพื่อจะลากเขาเข้าไป
แต่คิดไม่ถึงว่า เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันเข้ามาถึงจั่วอั้นก็ถอยออกมาสามก้าว พูดออกมาด้วยใบหน้าอันเยือกเย็นว่า “มีเรื่องอะไรก็พูดออกมา อย่ามาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับเจ้า”
อือ……เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึงในทันที เส้นผมสีดำบนศีรษะของนางเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง นางไม่มีเวลาว่างมาอธิบายเรื่องพวกนี้ให้จั่วอั้นฟัง นางแค่อยากรู้ว่าจั่วอั้นสามารถสร้างขวดแก้ว เข็ม มีดผ่าตัดออกมาได้หรือไม่ นางไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อย
“ได้ ได้ ได้ ข้าจะไม่แตะต้องเจ้า นายน้อยจั่ว รบกวนท่านเดินเข้ามาด้านในกับข้าสักครู่ ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย” เฟิ่งชิงเฉินเองก็ถอยหลังออกมา จั่วอั้นยังทำตามความตั้งใจของเขา เขาจะไม่ทำอะไรเป็นอันขาด
“มีเรื่องให้ข้าช่วย! ช่วยอะไรงั้นหรือ?” แม้จั่วอั้นจะเดินตามเข้ามาด้านใน แต่เขาก็ยังถามออกมาด้วยความระแวดระวัง เขารู้จักตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินดี เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินต้องการให้ช่วย ล้วนเป็นเรื่องของการนองเลือดและความโศกเศร้า เช่นเรื่องที่พาซุนซือสิงไปส่งยังหุบเขาซวนยี ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด……