นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 990 ล้มลง,ไม่ยอมเสียไปเป็นอันขาด

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 990 ล้มลง,ไม่ยอมเสียไปเป็นอันขาด

เส้นทางลับอยู่ใกล้กับห้องผ่าตัดเป็นอย่างมาก พวกของเฟิ่งชิงเฉินเดินตามทหารของเสด็จอาเก้าไป ไม่นานก็เข้ามาในเส้นทางลับได้สำเร็จ พวกเขาไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาทีเดียว เดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ทุกคนเดินเข้ามาในเส้นทางลับ เสียงดังโครมคราม เส้นทางลับถูกปิดตาย

เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่โง่เขลาถึงขั้นที่จะถามออกมาว่าพวกของเสด็จอาเก้าจะทำเช่นไร นางรู้ว่าขอแค่พวกนางออกไปได้อย่างปลอดภัย นั่นก็ถือเป็นความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่สำหรับเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าจะต้องมีวิธีการหนีออกไปจากที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

เส้นทางลับมีเพียงแค่เส้นทางเดียว แค่ทุกคนติดตามกันไปอย่างใกล้ชิดก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากอาการป่วยขององค์รัชทายาท พวกเขาจึงไม่กล้าใช้ความเร็วมากเกินไป แม้ว่าร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แต่นางก็ยังฝืนตามมาได้ เพียงแต่สมาธิของนางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับองค์รัชทายาท ทำให้ไม่ได้ระวัง เดินสะดุดจนเกือบจะล้มลง แต่โชคดีที่ซุนซือสิงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขามาพยุงร่างของเฟิ่งชิงเฉินไว้ “อาจารย์”

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปดูแลองค์รัชทายาทเถิด” เฟิ่งชิงเฉินผลักมือของซุนซือสิงออกไปและกล่าวออกมาอย่างอ่อนแรง

“แต่ท่าน……” ซุนซือสิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าเพื่อบอกให้เขาหยุดพูด ในเวลานี้ทุกคนต่างหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด นางไม่สามารถสร้างปัญหาให้มากกว่านี้ได้

“ดูแลความปลอดภัยขององค์รัชทายาทก็เพียงพอแล้ว”

“อื้อ” ซุนซือสิงตอบกลับไปทันใด จากนั้นก็วิ่งไปด้านข้างขององค์รัชทายาท แทนที่ตำแหน่งของเฟิ่งชิงเฉิน เวลานี้เฟิ่งชิงเฉินจึงสามารถถอนหายใจออกมาได้

“ทุกคนระวัง ด้านหน้าที่ทางแยกอยู่” ทหารผู้นำทางกล่าวเตือนออกมา ในตอนที่ทุกคนยังไม่ทันตอบสนอง เสียงระเบิดอันยิ่งใหญ่ก็ดังขึ้น เส้นทางลับด้านหลังของพวกเขาสั่นสะท้าน จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง……

“แย่แล้ว เส้นทางลับของพวกเราถูกระเบิดแล้ว” เมื่อเสียงเงียบลง เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนของภูเขา ร่างกายของทุกคนสั่นไหว ดินโคลนถล่มลงมา

“เร็วเข้า” ตงหลิงชิงอ๋องออกคำสั่งทันที เฟิ่งชิงเฉินเองก็ตะโกนออกมาว่า “ระวังองค์รัชทายาทด้วย อย่าให้หล่นมาถูกองค์รัชทายาทเป็นอันขาด”

“ปกป้ององค์รัชทายาท เร็ว รีบวิ่งเร็ว”

หลังจากเส้นทางลับถูกระเบิด อีกฝ่ายก็โยนระเบิดเทียนเหล่ยเข้ามา ท่าทางของตงหลิงชิงอ๋องเปลี่ยนไป ตะโกนออกมาดังลั่นว่า “เร็ว ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

พวกเขาอยู่กลางเส้นทางลับ ไม่สามารถหันหลังกลับไปได้ และไม่สามารถเผชิญหน้าต่อสู้กับอีกฝ่าย เวลานี้นอกจากวิ่งหนี พวกเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอย่างไร เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ นางจึงไปด้านหน้าและนำขวดน้ำเกลือออกมา พูดอย่างร้อนรนว่า “เร็ว ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว รีบวิ่งออกไป ออกไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ความเร็วของการพังทลายของเส้นทางลับนั้นเร็วเกินไป หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาทั้งหมดจะถูกฝังไว้ที่นี่

“ขอรับ” ทหารคนสนิทไม่กล้าละเลย แม้จะกล่าวว่าอาการป่วยขององค์รัชทายาทนั้นสำคัญ แต่หากพวกเขาไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ ทุกคนก็ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ ถึงเวลานั้นทุกคนก็ไม่ต่างอะไรกับองค์รัชทายาท คือพบกับจุดจบ ดังนั้นแทนที่จะถูกฝังอยู่ที่นี่ ไม่สู้ทุกคนสู้ไปด้วยกันจะดีกว่า

เวลานี้ทุกคนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น วิ่งอย่างสุดชีวิต ในตอนที่ชีวิตกำลังถูกคุกคาม เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่านางได้เรี่ยวแรงที่หายไปกลับคืนมา ราวกับได้พลังมาสู้กับการเอาชีวิตรอดอีกครั้ง

วิ่งเร็ว รีบวิ่ง!

บูม……บูม…….ตู้ม…… เส้นทางลับด้านหลังถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งมีเศษหินตกลงมากระแทกร่างกายของพวกเขาจนทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่เวลานี้ไม่มีใครคิดที่จะหลบก้อนหินเหล่านั้น ทุกคนวิ่งออกไปด้านหน้า มีเพียงคนที่คอยปกป้องอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทเท่านั้นที่คอยระวังไม่ให้ก้อนหินตกลงมาบนร่างกายขององค์รัชทายาท

“ซือสิง เร็วเข้า” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยเห็นซุนซือสิงหมดเรี่ยวแรง เขาจึงยื่นมือออกไปจับซุนซือสิง

“ข้า ข้าไม่ไหวแล้ว พวกท่านไปกันเถิด” พลังกำลังของซุนซือสิงนั้นก็ไม่เลว แต่เขาเป็นเพียงหมอธรรมดาคนหนึ่ง หลังจากวิ่งมาช่วยระยะเวลาหนึ่ง เรี่ยวแรงในร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ลดลอนลงไป และเริ่มจะหลุดจากทุกคน

“ไม่ได้ ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าไว้ที่นี่เป็นอันขาด” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยลากซุนซือสิงไปด้านหน้า นอกจากนั้นยังปกป้องซุนซือสิงจากหินที่ตกลงมา

“ซือสิง ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ทำอย่างไงก็ได้ให้เจ้าออกไปจากที่นี่ก็พอ” แม้ว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้ดีที่สุด แต่นางเป็นเลิศเรื่องความพยายาม ความอดทนของนางสูงกว่าคนทั่วไป เว้นแต่นางจะล้มลง ไม่เช่นนั้นนางไม่มีวันยอมหยุดอยู่ที่นี่

นางยังไม่อยากตาย ไม่อยากตายเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาพยุงกันต่อไป เพิ่มความเร็ว ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาจากเส้นทางลับได้ก่อนที่มันจะพังทลาย กลุ่มขององค์รัชทายาทออกไปเป็นกลุ่มแรก เฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงตามมาด้านหลัง สุดท้ายก็เป็นพวกของตงหลิงชิงอ๋อง

ทันทีที่ออกมา ทุกคนยังไม่ทันหายใจก็พบว่ามีหินขนาดใหญ่กำลังตกลงมาจากภูเขา และทิศทางดังกล่าวก็มุ่งตรงมายังร่างขององค์รัชทายาท

ไม่……

“รีบหลบเร็ว ปกป้ององค์รัชทายาทเอาไว้” เฟิ่งชิงเฉินตกใจจนวิญญาณแทนจะหลุดออกจากร่าง รีบพุ่งออกไปคิดที่จะปกป้ององค์รัชทายาทเอาไว้

หากหินก้อนนี้ตกลงมา องค์รัชทายาทจะต้องตายอย่างแน่นอน นางไม่มีทางปล่อยให้หินก้อนนี้ตกลงมาโดยหน้าอกขององค์รัชทายาท

แต่ มีคนที่รวดเร็วกว่านาง ในตอนที่ทหารคนสนิทยังไม่ทันตอบสนอง เขาก็ปรากฏตัวออกมาด้านหน้าขององค์รัชทายาทแล้ว มือทั้งสองข้างจับเปลไว้แน่น ขวางอยู่ด้านหน้าขององค์รัชทายาท ใช้ร่างกายของตนเองเป็นโล่กำบังให้องค์รัชทายาทโดยไม่สนใจอันตรายอะไรทั้งนั้น

ตุบ……ก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกเข้าด้านหลังของตงหลิงชิงอ๋อง สีหน้าของตงหลิงชิงอ๋องเปลี่ยนไป ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายไร้ซึ่งการควบคุม คุกเข่าลงพื้น แต่เขาก็ยังอดทนและปกป้ององค์รัชทายาทเอาไว้

ปัง……หินขนาดใหญ่ตกลงพื้น เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตงหลิงชิงอ๋องแสดงรอยยิ้มที่อ่อนแอ ยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากโซเซอยู่สองสามครั้ง เอือก…..เสียงกระอักเลือดดังขึ้น จากนั้นก็ล้มลงไปทางด้านหน้า

“ระวัง” เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปขวางองค์รัชทายาทไม่ทัน แต่ยังดีที่จับร่างของตงหลิงชิงอ๋องไว้ได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมายถึงเพียงนั้น ในตอนที่ตงหลิงชิงอ๋องล้มลงไป มันมีแรงเนื่องจากน้ำหนักตัวของเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเซไปด้านหลัง เสียงกระแทกพื้นดังขึ้น ทั้งสองคนล้มลงพื้น และจากความบังเอิญ ร่างของตงหลิงชิงอ๋องทับอยู่บนร่างของเฟิ่งชิงเฉิน

“ขอบ……” ตงหลิงชิงอ๋องยิ้มออกมา กล่าวขอบคุณยังไม่ทันเสร็จ เขาก็หมดสติไปบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินเองก็เนื่องจากการล้มในครั้งนี้ นางเองก็หมดสติไปเช่นกัน

เพียงช่วงระยะเวลาสองชั่วโมงสั้น ๆ แต่กลับมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น นางจะทนไหวได้อย่างไร นางต้องการพักผ่อน!

ฉากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาตอบสนองถึงพบว่าตงหลิงชิงอ๋องและเฟิ่งชิงเฉินได้หมดสติไปแล้ว

ซุนซือสิงตะโกนออกมา ก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับทหารคนสนิท และในตอนที่กำลังจะพยุงร่างของตงหลิงชิงอ๋องขึ้นมา ในตอนนั้นเองเสด็จอาเก้าก็มาถึง “เหตุใดพวกเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่?”

คือ……ทหารหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว สารภาพผิด เสด็จอาเก้าไม่สนใจพวกเขา ก้าวไปด้านหน้า เห็นตงหลิงชิงอ๋องและเฟิ่งชิงเฉินนอนอยู่ด้วยกัน แววตาของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความโกรธ ก้าวยกร่างของตงหลิงชิงอ๋องขึ้น ไม่สนว่าตงหลิงชิงอ๋องมีบาดแผลบนร่างกายหรือไม่ เขาโยนร่างของตงหลิงชิงอ๋องไปให้ทหาร “เอาตัวของตงหลิงชิงอ๋องไป ดูแลเขาให้ดี”

“ขอรับ” ทหารก้มหน้าลง ไม่กล้ามองหน้าเสด็จอาเก้า พวกเขาเตรียมที่จะจัดการเรื่องทั้งหมด แต่กลับช้ากว่าเสด็จอาเก้าไปหนึ่งก้าว ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก มัน……ไร้ยางอายจริง ๆ

ต่างจากการปฏิบัติกับตงหลิงชิงอ๋อง เสด็จอาเก้าก้มตัวลง อุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ถามออกมาว่า “แม่นางเฟิ่งเป็นอะไรไปงั้นหรือ?”

เสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมรับ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าตงหลิงชิงอ๋องล้มลงอยู่กับเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร ทหารพวกนี้เป็นพวกที่พึ่งพาผู้หญิงเพื่อความอยู่รอดหรืออย่างไร?

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท