นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 991 ทำผิด,สั่งประหารชีวิตเสด็จอาเก้า
แน่นอนว่าเหล่าทหารคนสนิทไม่ใช่พวกที่เอาแต่พึ่งพาผู้หญิงเพื่อความอยู่รอด แต่สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเร็วเกินไป พวกเขาไม่มีเวลาตอบโต้ เมื่อเสด็จอาเก้าถามออกมา แต่นอนว่าพวกเขา……
ก้มหน้า เงียบปาก ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
เสด็จอาเก้ากวาดสายตามองไปที่พวกเขาอย่างเยือกเย็น สุดท้ายก็มองมาที่ซุนซือสิง เห็นว่าซุนซือสิงต้องการเปิดปากพูด เสด็จอาเก้าจึงถามออกมา “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
ซุนซือสิงก้าวออกมาด้านหน้า ในตอนที่กำลังจะเอ่ยปาก ชื่อเลี่ยนฉุ่ยก็ดึงเขากลับมา เพื่อเตือนเขาว่าอย่าพูดอะไรซี้ซั้ว
แต่ซุนซือสิงกลับไม่เข้าใจ หันกลับมามอง เงยหน้าขึ้นและถามออกว่า “ท่านลุงชื่อ ท่านดึงเสื้อข้าเพราะเหตุใด?”
ในขณะเดียวกัน สายตาของเสด็จอาเก้าก็จับจ้องมาที่ร่างของชื่อเลี่ยนฉุ่ย ชื่อเลี่ยนฉุ่ยแอบรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ความไร้เดียงสามันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน เผชิญหน้ากับสายตาอันเยือกเย็นของเสด็จอาเก้า ชื่อเลี่ยนฉุ่ยแสร้งทำเป็นยิ้มออกมา “ไม่มีอะไร เสื้อผ้าของเจ้ามันเปื้อนเล็กน้อย ข้าจึงอยากปัดและทำความสะอาดให้เจ้า”
พูดจบเขาก็ไม่ลืมที่ยิ้มออกมาเหมือนกับผู้มีคุณธรรม
“อ่า” คำพูดที่ไร้สาระเช่นนี้ ซุนซือสิงยังเชื่อ ชื่อเลี่ยนฉุ่ยอยากจะเอาศีรษะของตนเองชนกำแพง กัวเป่าจี้ตบไหล่ของชื่อเลี่ยนฉุ่ย ปลอบโยนอย่างไม่ออกเสียง
นึกถึงตอนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ใจ เวลานี้พวกเขาเข้าใจมันอย่างสุดซึ้ง
“ซือสิง” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาอีกครั้ง ทหารคนสนิทก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น มีความรู้สึกขมขื่นอยู่ในหัวใจ เกรงว่าซุนซือสิงจะพูดในเรื่องที่พวกเขาบกพร่องหน้าที่ออกมา แต่พวกเขาประเมินความสามารถของผู้ไร้เดียงสาสูงเกินไป อะไรเรียกว่าไร้เดียงสา ไร้เดียงสาก็คือ……
ความสำคัญของเขากับความสำคัญของผู้อื่น มันต่างกันโดยสิ้นเชิง
เสด็จอาเก้าต้องการถามว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินและตงหลิงชิงอ๋องจึงล้มลงและนอนอยู่ด้วยกัน แต่ซุนซือสิงกลับพูดออกมาว่า “เสด็จอาเก้า ท่านมาขวางหน้าพวกเราเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทหรือท่านอาจารย์ เวลานี้อาการของพวกเขาต่างไม่สู้ดี จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว ท่านมาขวางองค์รัชทายาทเช่นนี้ และยังอุ้มอาจารย์ของเขาไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมเคลื่อนไหว ท่านไม่อยากช่วยพวกเขาหรืออย่างไร?”
ฮ่าฮ่าฮ่า ไร้เดียงสาก็คือไร้เดียงสา คำพูดของซุนซือสิงทำให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยยิ้มกว้างออกมา แต่ใบหน้าของเสด็จอาเก้ากลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำ
คำพูดของซุนซือสิงนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นความโหดร้าย หากเสด็จอาเก้ายังคงไล่ต้อนต่อไป เท่ากับว่าเขาไม่อยากที่จะช่วยองค์รัชทายาทและเฟิ่งชิงเฉิน ช่างเป็นการหาแพะรับบาปที่โหดเหี้ยมและแม่นยำจริง ๆ
หากเป็นคนอื่น เสด็จอาเก้าอาจกล่าวได้ว่าอีกฝ่ายมีใจที่จะปกปิด แต่นี่เป็นสิ่งที่ซุนซือสิงพูดออกมา เสด็จอาเก้าเข้าใจเป็นอย่างมาก ซุนซือสิงเขาก็แค่พูดในสิ่งที่ใจของเขาคิดออกมาเท่านั้น
เป็นครั้งแรกที่เสด็จอาเก้าถูกต้อนจนไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ หลังจากจ้องมองซุนซือสิง เสด็จอาเก้าก็ตัดสินใจไม่ถามอีกต่อไป และเลือกที่จะให้ความช่วยเหลือผู้คนแทน
เหล่าทหารคนสนิทถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองมาที่ซุนซือสิงด้วยสายตาแห่งการขอบคุณ ซุนซือสิงทำท่าทางงุนงง นั่นทำให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยหัวเราะออกมาทันที……
มันคือความฉลาดแกมโกง เสด็จอาเก้ารีบพาทุกคนลงหลักปักฐาน ชื่อเลี่ยนฉุ่ย กัวเป่าจี้และซุนซือสิง พวกเขาแบ่งหน้าที่กันรักษาผู้ป่วยตามลำดับ กัวเป่าจี้รักษาให้เฟิ่งชิงเฉิน ชื่อเลี่ยนฉุ่ยรักษาตงหลิงชิงอ๋อง ส่วนซุนซือสิงนั้นหนักหนาที่สุด เขามีหน้าที่ดูแลองค์รัชทายาท
เนื่องจากเส้นทางที่ผ่านมานั้นไม่ราบรื่น การเดินทางเต็มไปด้วยปัญหา บาดแผลขององค์รัชทายาทจึงผิดรูปเล็กน้อย และเนื่องจากเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดขณะหลังผ่าตัด ทำให้องค์รัชทายาทมีไข้ขึ้นในคืนนั้น
ซุนซือสิงอยากจะแยกร่างออกมา และในเวลานั้นเขาก็เข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพียงใดที่ต้องทำงานหลายหน้าที่ด้วยตัวคนเดียว
ยุ่งมาขนเกือบทั้งคืน ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็ฟื้นขึ้นมา หลังจากเฟิ่งชิงเฉินฟื้นขึ้นมาแล้ว นางรีบทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็รีบวิ่งไปดูอาการขององค์รัชทายาททันที
เมื่อเสด็จอาเก้าได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินฟื้นขึ้นมาแล้ว เขารีบทิ้งพละงานของเขาและรีบไปหานาง แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์
ช่างเถอะ อย่างไรเวลานี้คนป่วยก็สำคัญกว่า เขาจะไม่โทษเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้ามองห้องที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หันหลังกลับไป
ที่จริงเขาเองก็ยุ่งมาก มีเรื่องราวมากมายที่เขาต้องทำ ตัวอย่างเช่นเรื่องที่พำนักของเขาถูกทำลาย เขาจะต้องไปคิดบัญชีกับจักรพรรดิ ตัวอย่างเช่นสถานที่พวกเขาลงหลักปักฐานเป็นเวลาชั่วคราวมีการปกปิดหรือมาตรการป้องกันหรือไม่ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ……
เขาต้องรวมพลคนที่อยู่บริเวณนี้ให้รวดเร็วที่สุดเพื่อเดินทางลงจากภูเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจลงจากภูเขาลูกนี้ไปได้
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางหุบเขา แต่คำสั่งของเสด็จอาเก้าก็ยังถูกถ่ายทอดออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงมือบุคคลสำคัญอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และเช่นเดียวกัน ข่าวจากโลกภายนอกเองก็ตกถึงมือของเสด็จอาเก้า มองดูข่าวที่ล้าไปกว่าเวลาไปสามวัน เสด็จอาเก้าก็ถึงกับยิ้มไม่ออก
เขาก็คิดอยู่ว่าเหตุใดจักรพรรดิจึงจับจ้องมาที่เขา ที่แท้ผลการสอบคัดเลือกขุนนางก็ออกมาแล้ว จักรพรรดิโกรธมาก จึงคิดจะระบายความโกรธมาที่เขา และเมื่อพบว่าเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จึงออกคำสั่งให้ตามไปจนถึงที่สุด และสุดท้ายก็พบความเชื่อมโยงระหว่างเขากับองค์รัชทายาท
พูดไปพูดมาก็เป็นเพราะเขาเองที่ประมาทเกินไป ตอนแรกการประเมินของเขามันคร่ำครึเกินไป และมองจักรพรรดิสูงเกินไป
การทดสอบคัดเลือกขุนนางครั้งแรกในตงหลิง ไม่ว่าจะเป็นลูกหลายของตระกูลร่ำรวยหรือตระกูลยากจนก็สามารถเข้าร่วมได้ทั้งนั้น หัวข้อในการสอบคัดเลือกก็มีมากมาย จักรพรรดิเข้าไปตรวจสอบสนามสอบด้วยตนเอง พึงพอใจกับการสอบครั้งนี้เป็นอย่างมาก ตอนแรกคิดว่าการสอบครั้งนี้จะได้ผู้ที่มีพรสวรรค์ตามที่ตนเองต้องการ แต่คิดไม่ถึงว่า……
จากผู้เข้าสอบที่ถูกคัดเลือกมาสามร้อยหกสิบคน กลับมีถึงสามร้อยกว่าคนที่เป็นลูกหลายของตระกูลขุนนางและตระกูลร่ำรวย ส่วนสามัญชนทั่วไปมีไม่ถึงหกสิบคนด้วยซ้ำ มีเพียงหกสิบคนที่ได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิ แต่ลำดับของพวกเขาก็ไม่ได้สูงมากนัก มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าตาของจักรพรรดิ แต่หลังจากที่จักรพรรดิตรวจสอบอย่างละเอียด เขาพบว่าแปดในสิบส่วนของคนพวกนั้นเป็นคนของเสด็จอาเก้า และคนเหล่านั้นก็เข้าร่วมการสอบคัดเลือกด้วยแผ่นป้ายของตระกูลหวัง
ครั้งนี้ทำให้จักรพรรดิโกรธจนถึงขีดสุด เขาเปิดการสอบคัดเลือกเพื่อคัดเลือกขุนนางที่ดีเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง แต่ตอนนี้?
คนที่เข้าร่วมการทดสอบส่วนใหญ่เป็นลูกหลายของขุนนาง เรื่องนี้เขายังพอทนได้ แต่เหล่าบัณฑิตสามัญชนเพียงไม่กี่คนที่เข้าตาเขา ทั้งหมดเป็นคนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเสด็จอาเก้า สามในสิบที่เหลือถูกคัดเลือกโดยผู้มีอำนาจ และวิธีการดึงตัวไปก็ง่ายดายเป็นอย่างมาก ใช้วิธีการหลอกล่อด้วยนางบำเรอ การแต่งงาน……
ด้วยเหตุนี้เอง จักรพรรดิทุ่มเทอย่างหนักเพื่อผลประโยชน์ของตน ต่อสู้อยู่หลายครั้งเพื่อจะจัดการสอบคัดเลือกขุนนางขึ้นมา แต่ทุกอย่างกลับสูญเปล่าโดยสมบูรณ์ ลูกหลานของขุนนางผู้มีอำนาจกระโดดเข้ามาในพระราชวัง ส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์ก็ถูกดึงตัวไปจากผู้มีอำนาจอย่างง่ายดาย
จักรพรรดิโกรธมาก แต่ลูกหลานของขุนนางเองก็พึ่งพาความสามารถของตนเอง และกฎเกณฑ์ทั้งหมดก็ถูกกำหนดขึ้นมาโดยเขา เขาไม่สามารถถอดชื่อของคนเหล่านี้ออกไปได้อย่างไร้เหตุผล และในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดิ เขาต้องปฏิบัติต่อเหล่าเสนาบดีเก่าแก่เป็นอย่างดีและมอบตำแหน่งที่สมฐานะให้กับลูกหลานของพวกเขา
ส่วนเหล่าสามัญชนที่ถูกแย่งตัวไป? จักรพรรดิทำได้เพียงกัดฟันทน เขาไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครแต่งงานได้ พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จักรพรรดิไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินว่าพวกเขาผิด
ตอนแรกเหล่าขุนนางคัดค้านการสอบคัดเลือกขุนนาง เนื่องจากทำให้เหล่าสามัญชนมาแย่งเส้นทางความเจริญรุ่งเรืองของลูกหลานพวกเขา หลังจากจักรพรรดิตัดสินใจเปิดการสอบ ผลลัพธ์ที่ออกมากลับทำให้จักรพรรดิไม่อาจยอมรับได้ และจักรพรรดิก็ไม่อาจระบายความโกรธกับเหล่าขุนนางได้
พวกเขา “เตือน” จักรพรรดิตั้งแต่แรกแล้วว่าการสอบคัดเลือกขุนนางไม่ใช่วิธีที่ดี แต่จักรพรรดิกลับไม่ฟังคำเตือนของพวกเขา เวลานี้ลูกหลานของพวกเขาสอบได้ จักรพรรดิจะระบายความโกรธกับพวกเขางั้นหรือ? ไม่มีทาง……
ในเมื่อไม่สามารถระบายความโกรธกับเหล่าขุนนางที่มีอำนาจได้ จักรพรรดิจึงทำได้เพียงระบายความโกรธต่อเสด็จอาเก้าและตระกูลหวัง ครั้งนี้ศิษย์ของตระกูลหวังเข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดสี่สิบคน และได้เป็นอันดับหนึ่งจากตระกูลทั้งหมด และมีหลายคนที่มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเสด็จอาเก้า โดยเข้ารับการสอบโดยนามของตระกูลหวัง
ด้วยสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวจักรพรรดิก็สามารถตัดสินได้ว่า แม้ตระกูลหวังจะยังไม่เลือกว่าอยู่ฝ่ายใด แต่จากการสอบคัดเลือกขุนนางล่าสุด พวกเขาก็ยังยืนในฝั่งของเสด็จอาเก้า……