นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1009 งานเลี้ยง,เกินกว่าข้อกำหนด
เมื่อผ่านเรื่องราวของเมืองเหลียวเฉิงมา ขุนนางทั่วทุกพื้นที่ก็เข้าใจในตัวของเสด็จอาเก้ามากขึ้น แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่ขอเพียงแค่ไม่ไปล้ำเส้นของเขา ด้วยสถานะของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าจะไม่มายุ่งกับขุนนางเล็ก ๆ อย่างพวกเขา ตราบใดที่พยายามอย่างเต็มที่ ไม่รังแกผู้บริสุทธิ์ แม้จะมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย เสด็จอาเก้าก็จะทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง
และหลังจากสามัญชนรับรู้เรื่องนี้ ทุกคนต่างบอกว่าเสด็จอาเก้าเป็นขุนนางผู้เสียสละ แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะจัดการกับขุนนางเล็ก ๆ ในเมืองเหลียวเฉิง แต่การกระทำของเขานั้นก็เปรียบเสมือนการเชือดไก่ให้ลิงดู
เหล่าขุนนางรอบ ๆ เมืองเหลียวเฉิงต่างกลัวว่าตนเองจะมีจุดจบเหมือนกับผู้ตรวจการเมืองเหลียวเฉิง ทุกคนย้อนคิดกลับไปถึงเรื่องราวที่ตนเองทำล่าสุด เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการข่มเหงประชาชนเพื่อเงิน พวกเขายอมถอยห่างอย่างไร้ร่องรอย เพื่อหลบหลีกจากสายตาของเสด็จอาเก้า
“สิ่งเหล่านี้ก็อยู่ในการคาดเดาของเจ้างั้นหรือ?” ในรถม้า เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันและถามออกมา
หากไม่ใช่เพราะจั่วอันนำเรื่องนี้มาบอกนาง นางคงไม่รู้ว่ามีข่าวลือเช่นนี้อยู่ เสด็จอาเก้าช่างเป็นคนใจดำยิ่งนัก
เสด็จอาเก้าเหลือบตามองเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นอ่านหนังสือในมือของตนเองต่อไป และพูดออกมาอย่างนุ่มนวลว่า “ใช่หรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญแต่อย่างใด เพียงได้ผลลัพธ์ที่ต้องการก็เพียงพอแล้ว”
แม้เฟิ่งชิงเฉินจะไม่พอใจ แต่เขาก็ต้องลงมือกับขุนนางเมืองใดเมืองหนึ่ง ทั้งหมดก็เพื่อสร้างชื่อเสียงและอำนาจให้กับตนเอง และบังเอิญที่มันเป็นเมืองเหลียวเฉิงพอดี
เขาอยู่นอกเมืองหลวง เขาจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากขุนนาง หากเขาปฏิบัติกับขุนนางเหล่านั้นรุนแรงเกินไป เขาก็อาจจะเป็นศัตรูกับขุนนางเหล่านั้นได้ และหากเขาอ่อนแอเกินไป ขุนนางเหล่านั้นก็อาจไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา คิดว่าเขาน่ากลั่นแกล้ง สิ่งที่เขาทำลงไปถือว่าเป็นความลงตัว!
ให้ตายเถอะ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังวางแผนที่จะโจมตีขุนนางในเมืองเหลียวเฉิง แต่กลับทำออกมาเหมือนว่าทุกอย่างเป็นความผิดของนาง มันทำให้นางสะเทือนใจยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันแน่น เห็นเสด็จอาเก้าอ่านหนังสือสบายใจ นางเดินเข้าไปด้านหน้า จับหนังสือไว้และกัดมือของเสด็จอาเก้า
เสด็จอาเก้าขมวดคิ้ว วางมือข้างที่ถูกกัดลง จากนั้นยื่นมืออีกข้างออกไป “หากไม่พอใจก็กัดอีก”
……
เรื่องราวระหว่างการเดินทางเป็นเหมือนการวางรากฐาน เมื่อเดินทางถึงซานตง ทุกอย่างก็จะง่ายไปหมด เหล่าขุนนางรับรู้เรื่องที่เสด็จอาเก้าทำมาตลอดทาง พวกเขาคิดว่า แม้เสด็จอาเก้าจะเยือกเย็นไปหน่อย แต่ก็เป็นคนดีที่น่าคบคนหนึ่ง
เหล่าขุนนางของซานตงต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เสด็จอาเก้าไม่ใช่นักปราชญ์ผู้ไร้เดียงสา ที่ไม่รู้ถึงความจริงของทางการ ยอมรับเพียงแค่กฎเกณฑ์ เรียกร้องขุนนางออกมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มไปความสามารถ เป็นท่านอ๋องที่ซื่อสัตย์และสุจริต ตรงกันข้าม เสด็จอาเก้าเข้าใจถึงเรื่องทางการเป็นอย่างดี รู้ว่าการเป็นขุนนางไม่จำเป็นต้องใสสะอาด ขอเพียงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีก็เพียงพอ
ขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงเงินแม้แต่แดงเดียว แต่กลับไม่สามารถเลี้ยงดูประชาชนให้อิ่มท้องได้ เสด็จอาเก้าไม่ชอบขุนนางเช่นกัน แต่เขาก็ไม่คิดที่จะกลั่นแกล้ง
หากเป็นขุนนางที่ทุจริตเป็นอาจิณ แต่เขาสามารถทำให้ประชาชนกินอิ่ม มีเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มเพียงพอ ทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาก้าวหน้าขึ้น เสด็จอาเก้าก็จะไม่อ้างถึงความเป็นธรรมเพื่อกำจัดขุนนางผู้นี้
ขุนนางของซานตงคิดว่าเสด็จอาเก้าเป็นคนที่ขัดแย้งในตัวเอง แต่ต้องบอกเลยว่าเขามีเสน่ห์กับขุนนางเป็นอย่างมาก ต้องรู้ก่อนว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของขุนนางอย่างพวกเขาก็คือ การไม่รู้อะไรเลย และต้องการให้พวกเขาเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์และบริสุทธิ์เท่านั้น
ซึ่งพวกเขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ แต่ความจริงการที่พวกเขาจะทำเช่นนั้นได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องการปีนขึ้นไปในตำแหน่งทางการที่สูงขึ้น ต้องการทำประโยชน์เพื่อประชาชน พวกเขาก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ของทางการ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถยืนหยัดต่อไปได้
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจเหตุผลนี้มาโดยตลอด ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ทำตัวคล้อยตามมัน และสามารถเป็นประโยชน์ได้อย่างดี แต่ในฐานะสามัญคนตัวน้อย ๆ เฟิ่งชิงเฉินหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ ตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินคิดจะให้เสด็จอาเก้าเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาใช้แทน แต่……
เฟิ่งชิงเฉินคิดไม่ถึงว่า เสด็จอาเก้าไม่เพียงแต่ไม่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่เขายังเห็นด้วยกับเหล่าขุนนาง ทำให้นางรับไม่ได้อยู่ชั่วขณะ นางจึงพูดเช่นนั้นออกมา
แต่หลังจากที่ได้สัมผัสหลายสิ่งหลายอย่างตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่นางของนั้นมากเกินไป เสด็จอาเก้ามีอำนาจแค่ในคอกม้าเท่านั้น ทางด้านการทหารและขุนนาง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เสด็จอาเก้าไม่อาจก้าวก่ายได้ หากเสด็จอาเก้าทำลายบรรยากาศและสิ่งที่สืบทอดกันมาดังกล่าว ก็มีแต่ทำให้ขุนนางในแต่ละพื้นที่โกรธ และหันมาเป็นศัตรูกับเสด็จอาเก้า
เป้าหมายของพวกเขาคือซานตง พวกเขาไม่ได้ออกมาเพื่อประชาชน พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย และไม่สามารถลืมหน้าที่ของตนเองได้
ตลอดการเดินทางอันน่าตื่นเต้นที่ผ่านมา เดินทางบ้างหยุดพักบ้าง เวลานี้ใช้เวลามาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าก็เดินทางมาถึงซานตง และด้วยรากฐานที่วางมาตลอดระยะทางที่ผ่านมา ทำให้ขุนนางของซานตงไม่ปฏิเสธเสด็จอาเก้า และให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าเดินทางมาถึงซานตง ขุนนางในซานตงรวมถึงพ่อค้าที่ร่ำรวยต่างพอกันออกมาต้อนรับ ฉากนั้นค่อนข้างมีชีวิตชีวา แน่นอนว่าตระกูลลู่ก็ส่งคนมาด้วย แต่ก็ไม่มั่นใจว่าแฝงตัวมากับฝูงชนหรือไม่
เรื่องที่น่าอับอายอย่างเช่นสุสานจักรพรรดิถูกทำลาย เรื่องพวกนี้ไม่ได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้บอกว่าตนเองมาเพื่อซื้อวัสดุไปสร้างสุสานจักรพรรดิขึ้นมาใหม่ เขาแค่บอกว่า เขามาซานตงในครั้งนี้ก็เพื่อหาวัสดุในการก่อสร้าง
สิ่งที่เผยออกมาให้เห็นก็เป็นเช่นนั้น และขุนนางในซานตงเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ตระกูลลู่รู้ดี เสด็จอาเก้ามาหาตระกูลลู่ถึงที่เพราะเรื่องของตระกูลเฟิ่ง
หลังจากคนตระกูลลู่รู้เรื่องราวพวกนี้ เขาก็ส่งให้คนไปจับตาดูเสด็จอาเก้าตลอดทาง เห็นการเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้าตลอดทางที่ผ่านมา ตระกูลลู่คิดว่าเสด็จอาเก้าเป็นคนปลิ้นปล้อน และการที่จะเป็นมิตรกับคนปลิ้นปล้อนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
สำหรับการมาถึงของเสด็จอาเก้า ตระกูลลู่ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกสักเท่าไหร่ พวกเขาคิดว่าสามารถเจรจากับเสด็จอาเก้าได้ เรื่องบางเรื่องพวกเขาอาจสามารถตกลงกันได้ เนื่องจากการตายของแม่ทัพเฟิ่งเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ตระกูลลู่ของพวกเขาเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน
เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินลงมาจากรถม้า เฟิ่งชิงเฉินเดินตามหลังเสด็จอาเก้าเหมือนปกติ ขุนนางและพ่อค้าของซานตงคุกเข่าพร้อมกับกล่าวต้อนรับออกมาด้วยความเคารพโดยการตะโกนชื่อของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน
เมื่อเรื่องของเมืองเหลียวเฉิงผ่านไป ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินเองก็โด่งดังขึ้น ขุนนางไม่มากก็น้อยรับรู้ถึงเรื่องดังกล่าว เสด็จอาเก้าให้ความสำคัญกับผู้ที่หญิงที่อยู่ข้างกายเป็นอย่างมาก แม้กล่าวว่าผู้ตรวจการของเมืองเหลียวเฉิงไม่ได้ล้มลงเพราะเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อรู้แล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนสำคัญ พวกเขาก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เสด็จอาเก้าพอใจก็พอ
หลังจากผ่านพิธีต้องรับเป็นที่เรียบร้อย เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินก็ก้าวเข้าสู่ซานตงภายใต้การเฝ้ามองของประชาชนในซานตง พร้อมกับเหล่าทหารคนสนิทของเขาที่เกินจำนวนที่กำหนดไว้
แม้ว่าเจ้าเมืองซานตงจะไม่คุ้นเคยกับเสด็จอาเก้า แต่เขาก็รู้ถึงเรื่องที่เสด็จอาเก้าจัดการกับผู้ตรวจการของเมืองเหลียวเฉิงเป็นอย่างดี เจ้าเมืองไม่ต้องการทำให้เสด็จอาเก้าขุ่นเคืองเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเมื่อเจอกันในตอนแรก ดังนั้นจึงทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งและปล่อยให้เสด็จอาเก้าเข้าเมืองไป
เนื่องจากพวกของเสด็จอาเก้าก็มีเพียงไม่กี่ร้อยคน เขาไม่ยอมปล่อยให้คนเพียงไม่กี่ร้อยคนทำให้ชีวิตของเขาต้องตกอยู่ในอันตราย
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเมืองซานตงจะยอมทำถึงเพียงนี้” เฟิ่งชิงเฉินแอบส่ายหน้าในใจ ขณะเดียวกันนางก็ชื่นชมในการเตรียมตัวของเสด็จอาเก้าตลอดระยะทางที่ผ่านมา หากไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทาง เจ้าเมืองซานตงจะปล่อยให้เสด็จอาเก้าทำเกินกฎเกณฑ์ นำทหารเข้าไปในเมืองเช่นนี้ได้อย่างไร
ต้องรู้ก่อนว่าจำนวนทหารของชินอ๋องนั้นถูกกำหนดไว้แน่นอน หากเกินจำนวนที่กำหนดก็ไม่สามารถเข้าไปในเมืองได้ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชินอ๋องใช้อำนาจทางทหารเกินตัว แต่ไม่มีใครในซานตงพูดอะไรออกมาสักคำ ทุกคนต่างทำเหมือนว่ามองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้
หลังจากเหตุการณ์นี้ หากในอนาคตเสด็จอาเก้านำกำลังทหารเข้าไปในซานตงเกินกว่าที่กำหนด คนพวกนี้ก็จะทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง เนื่องจากเสด็จอาเก้าเองก็ปฏิบัติกับพวกเขาเช่นเดียวกัน แล้วเหตุใดพวกเขาต้องมาขัดขวางเสด็จอาเก้าโดยไม่ใช่เหตุด้วย
เรื่องในซานตง บางทีมันอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิด เฟิ่งชิงเฉินคิดเช่นนั้น……