นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 1015 ราชบัลลังก์,ใครจะทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจถึงเพียงนี้ได้

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1015 ราชบัลลังก์,ใครจะทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจถึงเพียงนี้ได้

ชีวิตของผู้อาวุโสหยินหลี่ตกต่ำมาทั้งชีวิตเพราะองค์หญิงใหญ่ คิดไม่ถึงว่าชีวิตของเขาจะกลับมามีอำนาจอีกครั้งเพราะองค์หญิงใหญ่ ชีวิตเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขึ้น ๆ ลง ๆ……

ขุนนางระดับสูงต่างรู้เรื่องระหว่างองค์หญิงใหญ่กับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดหรือแสดงออกมาแต่อย่างใด แต่พวกเขาก็ยังคงพูดถึง

บางคนถึงกับกล่าวว่าหากต้องการเป็นอัครมหาเสนาบดีของซีหลิงก็จำเป็นต้องรับใช้องค์หญิงใหญ่เสียก่อน ตัวอย่างสามารถดูได้จากคนรักเก่าอย่างอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เพิ่งหลุดจากตำแหน่งไป และผู้อาวุโสหยินหลี่ที่ขึ้นมาแทนที่

ข่าวลือดังกล่าวแน่นอนว่าดังไปถึงหูของผู้อาวุโสหยินหลี่ สมแล้วที่ผู้อาวุโสหยินหลี่ถูกมองว่าเป็นคนมีคุณค่าในสายตาของเสด็จอาเก้า แน่นอนว่าความอดทนที่ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาของเขามันไม่มีคำว่าไร้ประโยชน์

ผู้อาวุโสหยินหลี่ใช้ความใจกว้างและความเฉลียวฉลาดของเขาเพื่อบอกทุกคนว่า เขาได้มาเป็นอัครมหาเสนาบดี ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของเขาเอง หากไม่ใช่เพราะเขาถูกองค์หญิงใหญ่ปราบปรามมาเป็นเวลายี่สิบปี ในซีหลิงก็คงไม่มีอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายคนอื่น

ความเย่อหยิ่งและความกล้าหาญดังกล่าวทำให้เหล่าขุนนางในซีหลิงถึงกับเงียบไปตาม ๆ กัน แต่ละคนเบิกตากว้างและเฝ้าดูว่าผู้อาวุโสหยินหลี่จะทำเช่นไรต่อไป

ผู้อาวุโสหยินหลี่เองก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหลัง เขาจัดการกับศัตรูทางด้านการเมืองรวดเร็วและรุนแรงราวกับฟ้าร้อง จัดการเหล่าขุนนางที่ทำให้เขาดำเนินการได้ลำบาก หลังจากได้รับคำชื่นชมจากจักรพรรดิก็ไม่มีใครกล้าดูถูกผู้อาวุโสหยินหลี่อีกต่อไป

ในเวลานี้ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าผู้อาวุโสหยินหลี่ไม่ใช่เขยแต่งเข้าที่เป็นที่ดูถูกของทุกคน แต่เป็นอัครมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่แห่งซีหลิง

ในตอนที่องค์หญิงใหญ่และองค์รัชทายาทเหล่ยต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ผู้อาวุโสหยินหลี่ได้แสดงฝีมือ แต่ยังเปิดโอกาสให้ซีหลิงเทียนอวี่ขยายอำนาจทางการทหารได้อย่างราบรื่น

หลังจากซีหลิงเทียนอวี่ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าจักรพรรดิแห่งซีหลิงปลอดภัยดี เขาก็แอบพาตัวของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีออกจากเมืองหลวง วนไปรอบ ๆ และกลับเข้าไปในพระราชวังอย่างเปิดเผย

ในตอนที่ซีหลิงเทียนอวี่ลับเข้าไปในพระราชวัง มันเป็นช่วงเวลาที่การต่อสู้ระหว่างซีหลิงเทียนเหล่ยกและองค์หญิงใหญ่รุนแรงที่สุด ไม่นานซีหลิงเทียนอวี่ก็นำตัวเองเข้าไปในกองทัพ และประกาศอย่างชัดเจนว่าตนเองจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้และจะไม่แย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิ

ด้วยการกระทำนี้ทำให้จักรพรรดิแห่งซีหลิงรู้สึกผิดต่อซีหลิงเทียนอวี่เป็นอย่างมาก คิดว่าเป็นเพราะตนเองโทษซีหลิงเทียนอวี่ บีบบังคับให้ซีหลิงเทียนอวี่ต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่และถอยห่างจากเมืองหลวงไปอยู่ในดินแดนที่ห่างไกล

เวลานี้จักรพรรดิแห่งซีหลิงได้แต่งตั้งให้ซีหลิงเทียนอวี่เป็นกษัตริย์ตะวันตกเฉียงใต้ ผู้ซึ่งคอยปกป้องพรมแดนระหว่างซีหลิงและเป่ยหลิง

“กษัตริย์ตะวันตกเฉียงใต้ ปกป้องดูแลพรมแดนของเป่ยหลิง น่าสนใจยิ่งนัก” เมื่อเสด็จอาเก้าเห็นข้อมูลดังกล่าวก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น

จักรพรรดิแห่งซีหลิงทำเช่นนี้เพราะให้ความสำคัญกับซีหลิงเทียนอวี่หรือว่าต้องการทรมานเขากันแน่? แต่ทั้งสองอย่างล้วนมีความเป็นไปได้

พรมแดนติดกับเป่ยหลิง สำหรับทุกประเทศแล้วถือเป็นพื้นที่อันแสนพิเศษ ที่นั่นมีทหารเป็นจำนวนมากแต่ก็เต็มไปด้วยความยากลำบากเช่นกัน

ชายแดนของเป่ยหลิงเต็มไปด้วยความหนาวเย็น ทหารของเป่ยหลิงกล้าหาญและเชี่ยวชาญในเรื่องของการต่อสู้ เพื่อปกป้องพรมแดนให้ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นตงหลิง หนานหลิง หรือซีหลิง ทุกประเทศล้วนนำกำลังไปตรงชายแดนของเป่ยหลิงมากที่สุด และเป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน

แม่ทัพที่ประจำการอยู่ตรงพรมแดนเป่ยหลิงเป็นแม่ทัพที่ผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่นอวี่เหวินหยวนฮั่ว เขาประจำการอยู่ที่พรมแดนระหว่างเป่ยหลิง โดยนำกองทัพทหารสามแสนนายไปที่นั่น

ทัพที่เฝ้าชายแดนเป่ยหลิงของหนานหลิงเป็นทัพที่สามารถเอาชนะทัพของแม่ทัพเฟิ่งได้ในตอนนั้น และเขาก็มีกำลังทหารอยู่ในมือถึงสามแสนนาย

ก่อนหน้านี้แม่ทัพที่เฝ้าชายแดนเป่ยหลิงของซีหลิงก็เป็นเพียงแม่ทัพแก่ ๆ คนหนึ่ง แม่ทัพผู้นั้นมีอายุมากเกินไป เขาไม่อาจทนต่อความหนาวเย็นและความทุกข์ทรมานของชายแดนเป่ยหลิงได้ ประกอบกับการที่เขากุมกำลังทหารอยู่ในมือ เกรงว่าจะถูกจักรพรรดิสงสัย เขาจึงใช้โอกาสในการขอกลับมา คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิจะส่งซีหลิงเทียนอวี่ไปแทน

ต้องรู้ก่อนว่าทหารที่เฝ้าอยู่ตรงชายแดนเป่ยหลิงของซีหลิงมีจำนวนมากถึงสี่แสนนาย กำลังทหารมากมายถึงเพียงนี้ตกอยู่ในมือของซีหลิงเทียนอวี่ จักรพรรดิทรงวางใจจริง ๆ อย่างนั้นหรือ

อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิส่งคนที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องการทหาร องค์ชายซึ่งไร้อำนาจในกองทัพถูกจักรพรรดิส่งตัวไปยังเป่ยหลิง ในฐานะผู้นำทหารที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะเชื่อในทหารเฝ้าชายแดนซีหลิงอันแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีทางมีความคิดที่ดีเป็นแน่

“ก้าวนี้ของจักรพรรดิแห่งซีหลิง ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมา

ในตอนที่เสด็จอาเก้าอ่านจดหมายดังกล่าว เขาก็ไม่ได้ปิดบังเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อเฟิ่งชิงเฉินพบจุดที่ไม่เข้าใจ เขาก็อธิบายออกมาอย่างชัดเจน

แม้เสด็จอาเก้าไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินเป็นองค์หญิงใหญ่คนที่สอง ที่ในใจมีแต่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ไปโดยไม่รู้อะไรเลยได้

ในฐานะผู้นำตระกูลเฟิ่ง เฟิ่งชิงเฉินอาจจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของทางการเหล่านี้ แต่ในฐานะลูกสาวของเฟิ่งหลี หรือคนที่จะเป็นราชาเฟิ่งหลีในอนาคต เฟิ่งชิงเฉินจำเป็นจะต้องรู้เรื่องพวกนี้ ไม่เช่นนั้นนางก็ไม่อาจสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นได้อย่างมั่นคง

“เจ้าลองพูดออกมาว่ามันน่าสนใจอย่างไร?” เรื่องที่เกิดขึ้นในซีหลิงนั้นเกิดความคาดหมายของเสด็จอาเก้าไปบ้าง ซึ่งทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ อยู่เหนือการควบคุม เสด็จอาเก้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามความคิดเห็นของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาโดยไม่คิดอะไรมาก “จักรพรรดิแห่งซีหลิงมอบอำนาจให้ซีหลิงเทียนอวี่มาถึงเพียงนี้ สำหรับซีหลิงเทียนอวี่แล้วมันก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องร่างกายของเขา และเรื่องที่ว่าเขาจะรักษาอำนาจทางการทหารเหล่านี้ไว้ได้หรือไม่ พูดแค่เรื่องว่าเขาจะทำอย่างไรถึงหนีออกมาจากการแย่งชิงอำนาจในพระราชวังได้ก่อนจะดีกว่า จักรพรรดิทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าทำให้เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในวังวนเช่นเดิมอีกงั้นหรือ มีกำลังทหารมากกว่าสี่แสนนายอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทเหล่ยหรือองค์หญิงใหญ่ ต่างไม่มีใครปล่อยเขาไปเป็นแน่”

ในมุมมองของเฟิ่งชิงเฉิน หากจักรพรรดิแห่งซีหลิงรู้สึกผิดกับซีหลิงเทียนอวี่จริง เขาคงไม่มีทางส่งซีหลิงเทียนอวี่ไปยังสถานที่เฉกเช่นพรมแดนระหว่างซีหลิงกับเป่ยหลิงเป็นอันขาด

สถานะในกองทัพไม่สำคัญ ความสามารถเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จักรพรรดิรู้ดีว่าขาของซีหลิงเทียนอวี่นั้นมีปัญหา การที่ส่งซีหลิงเทียนอวี่ไปยังเป่ยหลิงมันคือการกระทำที่หวังเอาชีวิตของซีหลิงเทียนอวี่อย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินก็เป็นเช่นนี้

“จริงอยู่ว่าเป็นเช่นนี้ แต่เรื่องนี้สำหรับซีหลิงเทียนอวี่มันอาจจะเป็นโอกาสดีก็ว่าได้ ไม่แน่ว่าจักรพรรดิแห่งซีหลิงอาจจะกำลังให้ความสำคัญกับเขาอยู่ก็ได้” หากซีหลิงเทียนอวี่สามารถควบคุมอำนาจทางการทหารของกองทัพคุ้มกันประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทเหล่ยหรือองค์หญิงใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาทั้งนั้น หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา จักรพรรดิซีหลิงจะต้องพิจารณาใหม่อย่างแน่นอน

เนื่องจากจักรพรรดิแห่งซีหลิงเองก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เขาจะต้องเลือดผู้สืบทอดที่มีความสามารถ ไม่ใช่เลือกจากคนที่ตนเองชอบ

แต่เมื่อถึงเวลาเช่นนั้นจริง สถานการณ์อาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อเขา

หรือว่าจักรพรรดิแห่งซีหลิงรับรู้อะไรบางอย่างเข้า เขาถึงได้เดินหมากออกมาเช่นนี้?

จักรพรรดิจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน เนื่องจากใจคนง่ายที่จะเปลี่ยนแปลง

เห็นใบหน้าที่จริงจังของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้ากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ นางจึงถามออกไปว่า “เจ้ากังวลว่าหลังจากที่เทียนอวี่ครอบครองอำนาจได้แล้ว เขาอาจมีความคิดที่เปลี่ยนไป?”

เสด็จอาเก้าพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง “หากเทียนอวี่มีอำนาจทหารไว้ในครอบครอง เขาจะต้องคิดถึงเรื่องนี้เป็นแน่ เนื่องจากเขาแซ่ซีหลิง และอยู่ห่างจากตำแหน่งนั้นไม่ไกล”

หากตนเองเป็นจักรพรรดิ เหตุใดซีหลิงเทียนอวี่จะมีความจำเป็นอะไรต้องร่วมมือกับเขา ในตอนนั้นซีหลิงเทียนอวี่บอกว่าจะมอบซีหลิงให้กับเขา นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าขาทั้งสองข้างของเขาไม่อาจฟื้นคืน จึงมั่นใจว่าตนเองไม่อาจครอบครองบัลลังก์

ในสายตาของซีหลิงเทียนอวี่ คำสัญญาดังกล่าวอาจห่างไกลจากความเป็นจริง

แต่หลังจากนั้น ซีหลิงเทียนอวี่สามารถยืนขึ้นมาได้ แต่เขาก็ยังไม่มีความทะเยอทะยานเกี่ยวกับซีหลิง ในมือของเขาไร้ซึ่งอำนาจ ห่างไกลจากราชบัลลังก์ ประกอบกับความเกลียดชังที่จักรพรรดิและฮองเฮาแห่งซีหลิงที่มีต่อเขา ทำให้ซีหลิงเทียนอวี่เกลียดซีหลิงและไม่มีความต้องการที่จะครอบครอง

แต่หากวันใด ซีหลิงเทียนอวี่มีอำนาจอยู่ในมือ สามารถก้าวไปถึงราชบัลลังก์ นั่งอยู่บนภูเขาและแม่น้ำที่มีอาณาเขตเป็นหมื่นลี้ เขายังจะมอบซีหลิงให้กับตนเองเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนในการช่วยชีวิตเขาอยู่หรือไม่?

เสด็จอาเก้าสงสัยเป็นอย่างมาก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท