นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1023 ถ้ำลับ,ส่งจดหมายถึงเสด็จอาเก้า
เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมาจากอาการเจ็บปวด นางไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปนานแค่ไหน ในตอนที่ลืมตาขึ้นมา รอบ ๆ ของนางก็มีแต่สีดำ
มันดำสนิท ไม่มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย ราวกับนางถูกจับเข้ามาอยู่ในกล่องเล็ก ๆ ทำให้รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
“ยังไม่ตายงั้นหรือ” เฟิ่งชิงเฉินขยับคือที่แข็งทื่อของนาง มือขวาของนางพยุงพื้นและค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่ง
ไร้ซึ่งแสงสว่าง เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองอยู่ที่ไหน นางจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่าอาจจะไปสัมผัสในสิ่งที่ไม่ควรสัมผัส หลังจากลุกขึ้นมานั่งได้สักพัก นางก็ยกแขนเสื้อของนางขึ้น กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะที่ถูกเปิดใช้งานก่อนหน้านี้ส่องแสงออกมาจาง ๆ เฟิ่งชิงเฉินใช้ประโยชน์จากแสงดังกล่าวมองไปรอบ ๆ จากนั้นรู้สึกเหมือนตนเองกำลังอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง
แค่ปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว!
เฟิ่งชิงเฉินหยิบไฟฉุกเฉินออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ และมองดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ในขณะเดียวกัน
นี่ไม่ใช่ถ้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นสิบเมตร ความสูงของมันแค่ประมาณหนึ่งเมตรเท่านั้น แม้แต่ยืนขึ้นยังทำไม่ได้ แค่นั่งก็รู้สึกว่าศีรษะกำลังถูกกดทับ
“ไม่แปลงใจเลยว่าเหตุใดจึงรู้สึกอึดอัด ถ้ำขนาดเล็กเพียงเท่านี้ เกรงว่าไม่เกินสามวันคงหมดอากาศหายใจ” ถ้ำนี้ดูเหมือนจะถูกขุดขึ้นมาตรงกลางภูเขา มีดินอยู่รอบด้าน ดูน่าหดหู่เป็นอย่างมาก การที่อยู่ในสถานที่เช่นนี้มันง่ายที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดจนแทบจะบ้า
เฟิ่งชิงเฉินมองไปรอบ ๆ พบว่าไม่มีทางออกในถ้ำเลยแม้แต่ทางเดียว เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รีบร้อนที่จะลุกขึ้นมา ไหล่ของนางยังคงได้รับบาดเจ็บ ต่อให้อยากจะลุกขึ้นมามากแค่ไหน แต่นางก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะหาทางออก
เมื่อเปิดไฟฉุกเฉินเป็นอันเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินนำกล่องเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ ด้านในมียาสำหรับรักษาบาดแผลภายนอกอยู่
อาการบาดเจ็บตรงหัวไหล่ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ได้รุนแรงอะไรมาก แต่เนื่องจากปล่อยไว้นานเกินไป ทำให้มีสิ่งสกปรกเข้าไปเจือปน บาดแผลติดเชื้อเล็กน้อย ประกอบกับเฟิ่งชิงเฉินเสียเลือดมากเกินไป ร่างกายของนางจึงอ่อนแรงเป็นอย่างมาก
การทายาให้กับบาดแผลตรงหัวไหล่ของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เฟิ่งชิงเฉินพยายามถอยมาด้านหลังเพื่อพิงกำแพงถ้ำ จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดบาดแผลด้วยความยากลำบาก
แผลไม่ได้ใหญ่แต่ลึก เลือดบนบาดแผลก็แข็งตัวอยู่ด้านนอกของบาดแผล เนื่องจากไม่มีน้ำอุ่น ประกอบกับมองเห็นไม่ชัดเจน เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงใช้แรงแกะลิ่มเลือดเหล่านั้นออกมา เมื่อยาฆ่าเชื้อสัมผัสกับบาดแผลโดยตรง เฟิ่งชิงเฉินก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“งานวันเกิดที่จัดขึ้นในวันนี้ ช่างเป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือน” ความสุขที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นตรงข้ามกับความลำบากในเวลานี้อย่างสิ้นเชิง เมื่อแสงไฟฉุกเฉินส่งเข้ามา ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินซีดขาวราวกับกระดาษ ริมฝีปากสีแดงกระทบกัน เลือดของนางไหลออกมาจากริมฝีปาก
ความเจ็บปวดที่ริมฝีปากทำให้ความเจ็บปวดบนบาดแผลเปลี่ยนไปเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้า หยิบสำลีก้อนหนึ่งมาเช็ดบนบาดแผล จากนั้นก็เอนมือที่ถือแหนบสอดเข้าไปในบาดแผลโดยตรง……
เมื่อแหนบสัมผัสกับเนื้อของนาง ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ได้รับมันก็ไม่น้อยไปกว่าการถูกเข็มทิ่มแทงเข้าสู่หัวใจ เหงื่อแห่งความเจ็บปวดไหล่ออกมาพร้อมกับลมหายใจอันหอบเหนื่อย
ที่จริงนางสามารถฉีดยาสลบให้ตนเองได้ แต่……เฟิ่งชิงเฉินกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ตามมาหลังจากยาชา เวลานี้นางเป็นเหมือนนักโทษพิเศษ ดังนั้นจึงไม่อาจประมาทได้
อดทนต่อความเจ็บปวด เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ทำความสะอาดบาดแผลของตนเองอย่างเงอะงะ พันผ้าพันแผลให้กับตนเอง หยิบยาแก้อักเสบและยาลดไข้ออกมา จากนั้นก็กลืนมันเข้าไปโดยตรง
ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมานางก็รู้สึกว่าตนเองมีไข้ อุณหภูมิร่างกายของนางสูงแต่นางกลับรู้สึกหนาว ประกอบกับอุณหภูมิในถ้ำที่ต่ำเป็นอย่างมาก ทำให้ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินไม่อาจทนไหว
“โชคดีที่มีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอยู่ ไม่เช่นนั้นหากไม่ตายเพราะโรคซึมเศร้า ข้าก็คงตายเพราะมีไข้สูง” เฟิ่งชิงเฉินเก็บกล่องยาไว้เรียบร้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นำมันออกมาอีกครั้ง
ไม่ว่ากรณีใด นางจำเป็นต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัวอยู่เสมอ
หลังจากจัดการทุกอย่างเป็นอันเรียบร้อย ความเงียบก็กลับมาปกคลุมถ้ำเหมือนอย่างเคย ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในพื้นที่ แม้แต่เสียงยังไม่มีด้วยซ้ำ ประกอบกับความมืดมิด ทำให้ทุกวินาทีที่อยู่ในถ้ำนั้นให้ความรู้สึกที่ยาวนานเป็นพิเศษ
“พระเจ้า นี่มันน่ากลัวว่าการถูกขังหลายเท่า” แค่นั่งอยู่เฉย ๆ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่าไม่อาจทนได้อีกต่อไป
ในกองทัพ ทหารที่ทำผิดร้ายแรงจะถูกขัง และห้องขังดังกล่าวก็เป็นห้องเล็ก ๆ ที่มืดสนิท หลังจากเข้าไปแล้วก็จะไร้ซึ่งอิสระ นอกจากอาหารสามมื้อ เจ้าก็ไม่อาจพบเจอใครได้อีก และมองไม่เห็นแสงตะวัน และการอยู่ในนั้นก็ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ว่าแต่เพียงว่าเป็นช่วงเวลาอันยากเย็น หนึ่งวันยาวนานราวกับหนึ่งปี
ในห้องคุมขัง แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นทหารของกษัตริย์ก็ไม่อาจละเว้น ทุกคนต่างก้มหน้าให้กับมัน จึงไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดา และสถานที่ซึ่งเฟิ่งชิงเฉินอยู่ ณ เวลานี้นั้นให้ความรู้สึกที่น่ากลัวกว่าห้องคุมขังนั้นเสียอีก
อย่างน้อยในห้องคุมขังก็มีคนมาส่งอาหารเป็นเวลาสามมื้อ รู้ว่าตนเองสามารถออกไปได้เวลาไหน แต่เฟิ่งชิงเฉิน? นางถูกขังไวในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่งโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครหาอาหารให้นางกิน ไม่มีใครหาน้ำให้นางดื่ม และไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่
ความคิดฟุ้งซ่านเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเฟิ่งชิงเฉิน คิดว่าจะเป็นอย่างไรหากตนเองต้องมาตายอยู่ที่นี่? ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจ ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งอยากออกไป
นางไม่ต้องการอยู่ในสถานที่บ้าบอเช่นนี้ ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา ทุกอย่างล้วนมีแต่ความมืด เปิดไฟฉุกเฉิน รอบด้านเต็มไปด้วยกำแพง แม้แต่ลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางคงจะบ้าตายเป็นแน่!
การถูกขังอยู่ในห้องปิดตาย เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคิดถึงสิ่งซึ่งเลวร้ายที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความคิดที่ทรมานตนเองก็ยิ่งมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านางไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป แต่ด้วยสภาพในตอนนี้ของนาง แน่นอนว่าไม่อาจหาทางออกได้
หูว……
นางจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์
เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ความมืดปกคลุมไปทั่วร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน มือขวาของนางวางลงไปบนบาดแผล กดลงไปเป็นครั้งคราว
นางใช้ความเจ็บปวดจากบาดแผลเพื่อเตือนสติตัวเองว่าอย่าคิดฟุ้งซ่านและอย่าหวาดกลัว
คลื่นแห่งความเจ็บปวดทำให้สติของเฟิ่งชิงเฉินกลับคืนมา แต่นางก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของนางอ่อนแองอย่างเห็นได้ชัด เฟิ่งชิงเฉินคิดจะนำเต็นท์กลางแจ้งออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ แต่เมื่อคิดได้ว่าที่นี่เป็นพื้นที่ของผู้อื่น หากมีผู้ใดเข้ามาพบว่านางนำสิ่งของต่าง ๆ ออกมามากมายจากถ้ำลึกลับเล็ก ๆ แห่งนี้ ต่อให้นางไม่ถูกชำแหละเหมือนหนูตะเภา แต่จุดจบของนางก็คงไม่ดีไปกว่านั้น
เพื่อความปลอดภัยของตนเอง นางจำเป็นต้องทน!
เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันแน่น หวังว่าร่างกายของตนเองจะสามารถทนต่อความยากลำบากและข้ามผ่านมันไปได้……
“คุณชาย ผู้หญิงคนนี้มีประโยชน์จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” ด้านนอกของถ้ำลึกลับ ผู้ที่จับตัวของเฟิ่งชิงเฉินมากำลังพูดคุยถึงวิธีการเพิ่มมูลค่าของเฟิ่งชิงเฉิน
บนที่นั่งหลัก ชายในชุดสีเทาอ่อนพยักหน้าอย่างมั่นใจและพูดว่า “เสด็จอาเก้าแห่งตงหลิงให้ความสำคัญกับผู้หญิงนางนี้เป็นอย่างมาก มีนางอยู่ในมือ เสด็จอาเก้าจะต้องดิ้นรนและหาทางตามหานางอย่างสุดชีวิตเป็นแน่”
“เสด็จอาเก้า เขาจะยอมอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก คนในซานตงจะฟังคำพูดของเสด็จอาเก้างั้นหรือ?” ผู้ปรึกษาที่พูดออกมาด้วยความสงสัยถามออกมาอีกครั้ง
ชายผู้นั่งอยู่บนที่นั่งหลักไม่ตอบ แต่ลูกน้องที่อยู่ด้านซ้ายของเขากล่าวออกมาว่า “เสด็จอาเก้าผู้นั้นสามารถทำให้เจ้าเมืองซานตงปิดเมืองได้ ค้นพาทุกซอกทุกมุมของเมือง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่ท่านอ๋องที่ไร้ความสามารถ ส่วนเขาจะสามารถเป็นผู้นำของซานตงได้หรือไม่ นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา นั่นเป็นเรื่องที่เขาต้องพิจารณา หากต้องการชีวิตของผู้หญิงคนนั้น พวกเขาก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของพวกเรา”
“ซูชิง เจ้าพูดถูก เสด็จอาเก้าผู้นั้นจะทำเช่นไรพวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจ พวกเราแค่นำสิ่งของที่เป็นของพวกเรากลับคืนมาก็เพียงพอ” ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ จึงพูดกับผู้ปรึกษาว่า “ผู้อาวุโสจูเก๋อ คำนวณจากเวลา ตอนนี้จดหมายน่าจะส่งไปถึงมือของเสด็จอาเก้าแล้วใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสจูเก๋อผงะอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าและกล่าวออกมาว่า “น่าจะถึงแล้ว”
จดหมายส่งไปถึงแล้ว ต่อให้เขาพูดอะไรออกไปมันก็ไร้ประโยชน์