นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1025 เป็นตาย,จวนเจ้าเมืองนองเลือด
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในถ้ำลึกลับดังกล่าวมานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่เพียงเวลานี้นางทั้งหิวและกระหายน้ำ ร่างกายของนางร้อนสลับหนาว รู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก……
นี่มันไม่ต่างอะไรกับการทรมาน!
น้ำตาไหลออกมาเต็มใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าคนที่จับนางมาไม่ได้ต้องการเอาชีวิตนาง แต่ความหนาวเย็นอันรุนแรงเช่นนี้มันทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม ไม่ว่าจะถ่ายหนักหรือถ่ายเบา นางก็สามารถทำได้เพียงอยู่ในถ้ำแห่งนี้เท่านั้น
“โชคดีที่ข้ามีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอยู่ ไม่อย่างนั้นหากต้องรอให้ใครมาช่วย ข้าคงหิว กระหาย หรือไม่ก็ป่วยตายก่อน” เฟิ่งชิงเฉินเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกด้วยความระมัดระวังอีกครั้ง นำน้ำและอาหารสำเร็จรูปออกมาจากด้านใน
ตอนแรก เพื่อไม่ให้เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้อื่น เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดที่จะนำสิ่งของเหล่านี้ออกมา แต่เวลานี้นางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและทนต่อไปไม่ไหว เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หยิบแจ็คเก็ตออกมาสวมเพื่อสร้างความอบอุ่นและลุกขึ้นยืน
“ได้โปรด ต่อให้ไม่มีใครมาช่วยข้า แต่อย่างน้อยก็มาบอกข้าสักคนว่ายังมีคนจดจำถึงการมีชีวิตอยู่ของข้าได้” เฟิ่งชิงเฉินแขวนไฟฉุกเฉินไว้บนผนัง บนกำแพงมีรอยกระสุนอยู่หลายรู ทั้งหมดคือลูกปืนที่เฟิ่งชิงเฉินยิงออกไป
ก่อนหน้าร่างกายของนางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่นางก็ไม่อาจนั่งรอความตายเช่นนี้ตลอดไป ต่อให้ไม่สามารถหาทางออกได้ แต่……จะให้นางรออยู่เช่นนี้ก็คงหงุดหงิดตายไปเสียก่อน แต่ความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะให้ปืน ใช้มีด หรือพยายามด้วยวิธีการใด ทั้งหมดมันก็เปล่าประโยชน์
“นี่คิดจะขังข้าจนตายเลยหรืออย่างไร?”
เฟิ่งชิงเฉินนั่งกอดเขาพร้อมกับหลั่งน้ำตา “เสด็จอาเก้า เหตุใดเจ้าจึงยังไม่มา หาเจ้ายังไม่มา ข้าอาจจะต้องตายจริง ๆ ก็ได้”
“หนาวเหลือเกิน!”
เมื่อความสิ้นหวังเข้ามาเยือน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำให้สูญเสียความปรารถนาที่จะมีชีวิต หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะมาช่วยนางเป็นแน่ นางคงนอนอยู่บนพื้นเพื่อรอความตาย
ในถ้ำลึกลับแห่งนี้ แม้ว่านางจะให้กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะได้ แต่มันก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้นานถึงเพียงนั้น ไม่ว่าจะอดตายหรือขาดอากาศหายใจ หากคิดจะออกไปด้วยตัวคนเดียวก็ไม่มีทางเป็นไปได้
แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังและส่งผลให้เฟิ่งชิงเฉินยังมีกำลังใจในการเอาชีวิตรอดก็คือเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าเป็นผู้ประคองให้เฟิ่งชิงเฉินมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากไม่มีความคิดที่ว่าเสด็จอาเก้าจะต้องมาช่วยนางอย่างแน่นอนเป็นตัวค้ำจุน เกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินคงไม่อาจอยู่ได้นานมากไปกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว……
นอกถ้ำ คนของเมืองไถจงก็กำลังพูดถึงเรื่องของเฟิ่งชิงเฉิน “คุณชายเหย่ นี่มันก็ผ่านมาสองคืนหนึ่งวันแล้ว พวกเขาจับเฟิ่งชิงเฉินไปขังไว้ที่นั่นโดยไม่สนใจ หากนางตายขึ้นมาพวกเราจะทำอย่างไร?”
ถ้ำลึกลับดังกล่าวมีอยู่มากมายในเมืองไถจง ปกติแล้วมันมีไว้เพื่อคุมขังผู้ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง หากถูกขังอยู่ด้านในสามวันโดยไม่ได้ออกมา ทุกคนก็จะตายอยู่ในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ตายไปพร้อมกับความสิ้นหวัง
“ถ้าตายก็มอบศพของนางไปให้เสด็จอาเก้า ข้าแค่บอกว่าจะคืนเฟิ่งชิงเฉินให้กับเสด็จอาเก้า จะเป็นหรือตายมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า” ผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณชายเหย่ก็คือชายที่สวมชุดสีเทาผู้นั้น หรือก็คือเจ้าเมืองไถจง ไทเชา
“คุณชายเหย่ หากทำเช่นนี้มันจะไม่ทำให้เสด็จอาเก้าขุ่นเคืองมากเกินไปงั้นหรือ” ผู้อาวุโสจูเก๋อกล่าวออกมา
“ขุ่นเคืองก็ขุ่นเคืองไป ตงหลิงใช้กำลังในการครอบครองเหมืองทองคำของพวกเรา พวกเราก็แค่ฆ่าใครสักคนเพื่อระบายความโกรธแค้นเท่านั้น” ไทเชาขมวดคิ้ว เขาไม่สนใจความเป็นความตายของเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย
เขาเพียงแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากเฟิ่งชิงเฉินในการแลกเปลี่ยนกับเสด็จอาเก้าเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ส่วนเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นหรือตาย เขาจะสนใจไปเพื่ออะไร
“คุณชายเหย่ เสด็จอาเก้าผู้นั้นให้ความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างมาก หากเฟิ่งชิงเฉินเป็นอะไรไปจริง ๆ ข้าเกรงว่าเขาอาจจะมีปัญหากับเมืองไถจงของพวกเรา” ผู้อาวุโสจูเก๋อกล่าวออกมาด้วยความกังวล
เมื่อเสียงของผู้อาวุโสจูเก๋อเงียบลง เซียวหยางก็รีบลุกขึ้นและกล่าวออกมาว่า “คุณชายเหย่ ที่ผู้อาวุโสจูเก๋อกล่าวออกมาก็มีเหตุผล จากมุมมองของข้า เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนธรรมดา หากต้องเป็นศัตรูกับเขาจริง แม้ว่าเมืองไถจงของพวกเราจะไม่กลัว แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน”
เซียวหยางนึกถึงภาพที่เขาไปส่งจดหมายในวันนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเหน็บที่สันหลัง แต่เพื่อเป็นการรักษาหน้า เขาจึงไม่ได้เล่ารายละเอียดออกไป ดังนั้นคนของเมืองเมืองไถจงจึงไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เซียวหยางรู้สึกหวาดกลัวเสด็จอาเก้าจนถึงขั้นตัวสั่นและล้มลงกับพื้น
ไทเชาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ต้องการให้แผนการของเขาต้องมาเสียเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงยอมอ่อนข้อ “ก็ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ไปพาตัวนางออกมา”
เซียวหยางและผู้อาวุโสจูเก๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอกในเวลาเดียวกัน เซียวหยางคิดว่าการที่ตนเองไม่ได้เป็นศัตรูกับเสด็จอาเก้านั้นถือเป็นเรื่องดี ส่วนผู้อาวุโสจูเก๋อคิดว่า การปกป้องชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินไว้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า และมันก็ไม่ยุ่งยากสำหรับเขา
เจ้าเมืองซานตงมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ในคืนวันนั้นเขาได้นำกำลังทหารจำนวนสามพันนายมาส่งให้ถึงมือของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าสงสัยในการกระทำของเจ้าเมืองซานตงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้เห็นทหารที่อ่อนแอและแก่ชรา เสด็จอาเก้าก็เข้าใจแผนการของเจ้าเมืองซานตงในทันที
อยากตาย? เขาก็จะทำให้สมความปรารถนา!
เสด็จอาเก้ามองไปที่เจ้าเมืองซานตงอย่างลึกซึ้ง ในตอนที่เจ้าเมืองซานตงคิดว่าเสด็จอาเก้าต้องโกรธและปฏิเสธเขากลับมา เสด็จอาเก้ากลับไม่พูดอะไร รับทหารสามพันนายที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ไว้แต่โดยดี
เจ้าเมืองซานตงเตรียมคำพูดมากมายเพื่อรับมือกับความยากลำบากของเสด็จอาเก้า แต่สุดท้ายกลับไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ยืนงงอยู่ที่เดิมและส่งเสด็จอาเก้าด้วยสายตา
หลังจากเสด็จอาเก้ารับกองทหารสามพันนายไปได้ไม่นาน เสด็จอาเก้าก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเหมืองทองคำ รวมถึงเบาะแสจากสายลับของเขา
หลังจากได้รับข้อความจากเมืองไถจง เสด็จอาเก้าก็สั่งให้สายลับไปสืบหาร่องรอยของเฟิ่งชิงเฉิน เวลานี้ก็มั่นใจได้แล้วว่า เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่เมืองไถจง
ส่วนเรื่องของเหมืองทองคำ ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ในดินแดนรอยต่อระหว่างเมืองไถจงกับซานตง มีเหมืองทองคำอยู่หนึ่งเหมือง เหมืองทองคำอยู่บนภูเขาเสี่ยวฉี คนของเมืองไถจงเป็นคนพบมันก่อน แต่ก่อนที่เมืองไถจงจะขุดมันก็ถูกตระกูลลู่ตัดหน้าไปก่อน หลังจากผ่านการแย่งชิงอันดุเดือด ตระกูลลู่ก็ขับไล่คนของเมืองไถจงออกไปได้สำเร็จ พวกเขาจึงทำได้เพียงวนอยู่รอบภูเขาเสี่ยวฉี เพื่อรอครอบครองเหมืองทองคำ
เมืองไถจงได้พูดคุยเรื่องนี้กับซานตงในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เจ้าเมืองซานตงกลับปฏิเสธที่จะจัดการเรื่องแย่งชิงดินแดนของภูเขาเสี่ยวฉี ปล่อยให้ตระกูลลู่กับเมืองไถจงจัดการด้วยตัวเอง เขาไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
ส่วนเรื่องของเหมืองทองคำ เจ้าเมืองซานตงเพียงแค่อ้างว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ บอกว่าภูเขาเสี่ยวฉีไม่ได้อยู่ในดินแดนของซานตง เขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เมืองไถจงโกรธจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่สามารถส่งกองทหารเข้ามาจำนวนมากได้ หากเมืองไถจงส่งกองกำลังออกมา แน่นอนว่าจะทำให้ดึงดูดกองกำลังที่แข็งแกร่งของตงหลิง เมื่อถึงเวลานั้น……ตงหลิงก็จะใช้โอกาสนี้เป็นข้ออ้างในการทำลายเมืองไถจง
แต่จะให้เมืองไถจงปล่อยไปทั้งแบบนี้ก็คงไม่ได้ เขาไม่มีทางกลืนน้ำลายตัวเองเป็นอันขาด ดังนั้น……คนอ่อนแอนั้นเป็นเป้าหมายของผู้แข็งแกร่ง เจ้าเมืองไถจง ไทเชาจึงต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากเสด็จอาเก้า
เขาลักพาตัวเฟิ่งชิงเฉินไป ต้องการใช้เฟิ่งชิงเฉินเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนกับเหมืองทองคำแห่งภูเขาเสี่ยวฉี ส่วนเสด็จอาเก้าจะนำเหมืองทองคำมาได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ไทเชาไม่สนใจ เนื่องจากหากไม่ได้ครอบครองเหมืองทองคำ เขาก็ไม่มีทางส่งตัวเฟิ่งชิงเฉินให้กับเสด็จอาเก้า
“อวดดีกันเสียเหลือเกิน คิดว่าข้าผู้นี้เป็นผู้ถูกรังแก และเอาเปรียบได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ? ตระกูลลู่ เมืองไถจง ข้าจะจดจำพวกเจ้าไว้” เสียงของเสด็จอาเก้าเย็นไปถึงกระดูกดำ “เข้ามา!”
“นายท่าน!” หน้าประตู แม่ทัพทั้งแปดปรากฏตัวออกมา ก่อนหน้านี้ทั้งแปดคนซ่อนตัวอยู่ในค่ายทหาร แต่หากลองสังเกตให้ดีก็จะพบว่าแปดคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ความแข็งแกร่งและความดุดันของพวกเขานั้นเหนือกว่าคนทั่วไปเป็นอย่างมาก
“นำกองทหารม้าทมิฬบุกเข้าไปในเมืองไถจง ข้าต้องการทำให้จวนเจ้าเมืองนองไปด้วยเลือด” ปราศจากซึ่งความลังเล เสด็จอาเก้าออกคำสั่งตายด้วยความเยือกเย็นอย่างสุดพรรณนา
แม่ทัพทั้งแปดเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าในสภาพที่เต็มไปด้วยความโกรธ ทั้งแปดคนรีบก้มหน้าและรับคำสั่งทันที
ทำให้จวนเจ้าเมืองนองไปด้วยเลือด นั่นมันเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น!