นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 1038 ร่วมมือ,โค่นล้มตระกูลลู่ แบ่งปันแผ่นดินเมืองไถจง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1038 ร่วมมือ,โค่นล้มตระกูลลู่ แบ่งปันแผ่นดินเมืองไถจง

ตั้งแต่ท่านอ๋องสามถอนตัวจากสวนลู่ เขาพามือสังหารกว่าร้อยนายมาเพื่อคอยปกป้องชีวิตเขา แต่ต่อให้มือสังหารจะสุดยอดมากแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานกองทัพทหารมากกว่าหมื่นนายได้ หลังจากการสู้รบในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินและซูเหวินชิงก็สามารถจับกุมท่านอ๋องสามได้อย่างง่ายดาย

“ท่านอ๋องสาม ล่วงเกินแล้ว” เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านอ๋องสามหนีไป เฟิ่งชิงเฉินจึงฉีดยาสลบให้เขากับอย่างไม่เกรงใจ

เมื่อเข็มแทงเข้าไปในเนื้อ ร่างกายของท่านอ๋องสามแข็งทื่อ ไม่นานเขาก็สงบลง เห็นของเหลวไหลเข้าไปในร่างกาย คิ้วของท่านอ๋องสามขมวดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม “เฟิ่งชิงเฉิน ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ไม่สังหารเจ้าไปตั้งแต่ตอนนั้น”

“ท่านอ๋องจะเสียใจได้อย่างไร? ท่านไม่ได้คิดสังหารข้าแค่เพียงครั้งเดียว เพียงแต่ดวงของข้านั้นแข็งกว่าคนทั่วไป ท่านจึงทำไม่สำเร็จ” เฟิ่งชิงเฉินดึงเข็มออกมา มองไปยังท่านอ๋องสามที่อยู่ในสภาพจนตรอก นางยิ้มออกมา……

ในที่สุดคนที่ทำลายครอบครัวของนางก็ถูกจับ

“ท่านอ๋อง ท่านหลับให้สบาย ท่านอายุมากแล้ว ท่านควรมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนุ่มสาวอย่างพวกเราเถิด” เฟิ่งชิงเฉินไม่เกรงใจท่านอ๋องสามเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริง ไม่มีใครไว้หน้าหรือเกรงใจกับศัตรูที่สังหารพ่อแม่ของตนเอง หากไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้าห้ามเอาไว้ นางคงพาท่านอ๋องสามกลับไปในสภาพที่เป็นศพ

“เจ้าคิดจะสังหารข้า? เพราะอะไร?” ท่านอ๋องสามไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นและเกลียดชังของเฟิ่งชิงเฉิน เขาจึงถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ

แม้ว่าเขาลงมือกับเฟิ่งชิงเฉินอยู่หลายครั้ง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ควรมีความคิดที่จะสังหารเขาเช่นนี้ เนื่องจากทุกเรื่องที่เขาทำลงไป ทั้งหมดล้วนมุ่งเป้าไปที่เสด็จอาเก้า มันไม่เกี่ยวอะไรกับเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่านางทำลงไปเพื่อแก้แค้น แต่คนอย่างท่านอ๋องสาม เขาทำเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย ทำให้เขาลืมเรื่องราวหลาย ๆ ไป และเรื่องที่เขาสังหารคนผิด ไปสังหารเฟิ่งจ้าน มันก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาลืมไปแล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินจดจำมันอย่างขึ้นใจมาโดยตลอด และเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องสามได้รับรู้ “เนื่องจากเจ้าเป็นศัตรูของเสด็จอาเก้า ดังนั้นเจ้าก็คือศัตรูของข้า”

“เจ้าเก้า? เหตุใดเจ้าถึงคอยช่วยเหลือเจ้าเก้าอยู่ตลอดเวลา? ข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเก้า เจ้าเก้าสามารถมอบสิ่งใดให้เจ้า ข้าก็สามารถมอบสิ่งนั้นให้เจ้าได้เป็นสองเท่า ต่อให้เจ้าต้องการแม่น้ำลำธารหรือภูเขา ข้าก็สามารถให้เจ้าได้ทั้งนั้น และข้าก็สามารถทำให้เจ้าเป็นจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่คนแรกของแผ่นดินจิ่วโจว” ท่านอ๋องสามจ้องมายังเฟิ่งชิงเฉิน เขาอยากได้คำตอบที่เขาต้องการจากแววตาของเฟิ่งชิงเฉิน

เขาไม่เข้าใจมาโดยตลอดว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงยอมทำประโยชน์ให้กับเสด็จอาเก้าอย่างเต็มใจ หากเป็นเพราะอำนาจ เช่นนั้นเขาก็สามารถใช้อำนาจทำให้เฟิ่งชิงเฉินยอมจำนนได้

“จักรพรรดินี?” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ข้าไม่เคยคิดถึงตำแหน่งนั้นมาก่อน อีกอย่างท่านอ๋องสาม ท่านเองก็คงไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น ร่างกายของเจ้า เจ้าก็น่าจะรู้ดีที่สุด เวลานี้มากที่สุด เจ้าก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงครึ่งปี”

ในฐานะหมอคนหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนเองก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นนางจึงมั่นใจในผลการวินิจฉัย

คำโกหกถูกเปิดโปง ท่านอ๋องสามไม่รู้สึกละอายเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงพูดออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจ “ทักษะทางการแพทย์ของเจ้าไม่ธรรมดาอย่างที่คิด น่าเสียดายที่ตอนนั้นข้าไม่สามารถนำตัวเจ้ามาได้”

สำหรับร่างกายของตัวเอง ท่านอ๋องสามเข้าใจเป็นอย่างดี หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เขาป่วยหนัก เขาก็คงไม่เสี่ยงอันตรายไปเชิญเฟิ่งชิงเฉินมารักษา และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็เป็นที่ไม่พอใจ เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถเชิญตัวของเฟิ่งชิงเฉินมาได้เท่านั้น แต่ยังทำให้กองกำลังของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองจักรพรรดิถูกเปิดเผย เป็นต้นเหตุของปัญหา ทำให้เขาต้องละทิ้งรากฐานในเมืองจักรพรรดิและย้ายมาอยู่ซานตง

กลับมาถึงซานตงเขาก็ได้เผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้าอีกครั้ง หลายครั้งที่ไม่สามารถจัดการกับเสด็จอาเก้าได้ จึงใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีในนามของความร่วมมือ และตกอยู่ในเงื้อมมือเสด็จอาเก้า ท่านอ๋องสามรู้สึกว่าตั้งแต่เขาได้เจอกับเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรก็ไม่ราบรื่นไปเสียทั้งหมด

เฟิ่งชิงเฉินจับชีพจรของท่านอ๋องสาม จากนั้นส่ายหน้าและกล่าวออกมา “ต่อให้ท่านมาหาข้ามันก็ไร้ประโยชน์ หมอไม่สามารถรักษาคนที่ถูกกำหนดให้ตายได้ เวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ได้โดยการพึ่งพาตัวยาหลายชนิด จะเป็นหรือตาย ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเวลา มากที่สุดเจ้าก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วัน”

หลังจากการวินิจฉัย เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่ายากล่อมประสาทที่นางเพิ่งให้ท่านอ๋องสามไปนั้นมีปริมาณไม่มากพอ ทำให้ท่านอ๋องสามยังมีสติและพูดออกมาได้

เฟิ่งชิงเฉินหยิบเข็มขึ้นมาอีกครั้ง และหยิบยากล่อมประสาทอีกหลอดหนึ่ง

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะทำอะไร?” ท่านอ๋องสามมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง ยาที่เฟิ่งชิงเฉินฉีดให้เขาเมื่อสักครู่ ทำให้เขารู้สึกไร้ชีวิตชีวาลงเป็นอย่างมาก

“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ข้าต้องการให้ท่านอ๋องสามสงบลงสักเล็กน้อย” เฟิ่งชิงเฉินบอกให้องครักษ์มาด้านหน้าเพื่อจับกดร่างของท่านอ๋องสามไว้ จากนั้นยกแขนเสื้อของท่านอ๋องสามขึ้นและนำเข็มฉีดยาฉีดเข้าไป

“ข้ารู้ว่ายาสลบใช้ไม่ได้ผลกับท่านอ๋องสาม ดังนั้น……ข้าจึงใช้ของที่สุดวิเศษกับท่าน หวังว่าท่านคงจะชอบมัน”

“เฟิ่ง……ชิงเฉิน!”

เมื่อดึงเข็มออกมา ดวงตาของท่านอ๋องสามก็เริ่มพร่ามัว จิตใจของเขาตกอยู่ในภวังค์ ร่างกายของเขาค่อย ๆ สงบลง จากนั้นคอของเขาก็เอียงราวกับว่าเขาหลับไป

ในขณะเดียวกัน มือสังหารของท่านอ๋องสามทั้งหมดตกอยู่ในการควบคุม รองแม่ทัพก้าวเข้ามารายงานว่า “แม่นางเฟิ่ง ทางนี้เรียบร้อยแล้ว”

“ทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นก็ถอยทัพ”

“ขอรับ”

กองทัพทหารรออยู่ด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินนำทหารเพียงแค่หนึ่งร้อยคนแอบเข้าไปในเมือง ทันทีที่เข้ามาก็มีทหารม้าทมิฬรอต้อนรับ หลังจากตรวจสอบให้แน่ใจแล้ว เฟิ่งชิงเฉินกับซูเหวินชิงก็ส่งตัวท่านอ๋องสามให้แก่ทหารม้าทมิฬ ส่วนทหารม้าทมิฬจะทำเช่นไรกับท่านอ๋องสามต่อไป เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่รู้ สิ่งที่นางรู้เพียงอย่างเดียวก็คือ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านอ๋องสามไม่มีทางปรากฏตัวออกมายังโลกภายนอกอีก เรื่องจากเสด็จอาเก้าไม่อนุญาตให้เขาปรากฏตัวออกมา!

ท่านอ๋องสามมอบทหารจำนวนห้าหมื่นนายของเขาให้กับเสด็จอาเก้า หากท่านอ๋องสามยังอยู่ ทหารห้าหมื่นนายนี้ก็พร้อมจะทรยศได้ทุกเมื่อ สามารถขายเสด็จอาเก้าให้แก่ท่านอ๋องสามได้ตลอดเวลา เพื่อปกป้องอำนาจในการบังคับทหารทั้งห้าหมื่นนาย และอำนาจในการควบคุมซานตง ไม่ว่าอย่างไรเสด็จอาเก้าก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านอ๋องสามปรากฏตัวออกมาได้อีก ส่วนเรื่องสภาพร่างกายของท่านอ๋องสาม จะตายช้าหรือเร็วมันก็เป็นเรื่องของเวลา

การที่ท่านอ๋องสามมีชีวิตอยู่นั้นจะเป็นประโยชน์มากกว่า ดังนั้น……แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะต้องการเอาชีวิตของท่านอ๋องสามเป็นอย่างมาก แต่นางก็ไม่ได้ลงมือ ในมือของท่านอ๋องสามยังมีผู้ที่มีประโยชน์อยู่อีกมากมาย คนเหล่านี้เสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมปล่อยให้หลุดมือไป ขอแค่ท่านอ๋องสามยังอยู่ในกำมือของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าก็สามารถแงะปากของเขาออกมาได้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

ท่านอ๋องสามถูกจับ ตระกูลลู่ไม่มีอำนาจของท่านอ๋องสามอยู่ในกำมือ พวกเขาก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น

เฟิ่งชิงเฉินหยุดฝีเท้า เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่กำลังพ้นจากขอบฟ้า ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

ความแค้นอันยิ่งใหญ่ ถูกชำระไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ซูเหวินชิงหันมามองเฟิ่งชิงเฉิน หาวออกมาพร้อมกล่าวว่า “ยุ่งมาทั้งวัน ในที่สุดก็ได้นอนเสียที” ติดตามอยู่ด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉินมาตลอดทั้งคืน ซูเหวินชิงรู้สึกเบื่อหน่ายจนแทบจะร้องไห้ออกมา

เฟิ่งชิงเฉินสามารถจัดการทุกอย่างได้ยอดเยี่ยม การที่เขาติดตามนางมาเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้เขาคงไม่ตามมา

“นอน? มีเพียงเจ้าเท่านั้นแหละที่นอนหลับ พรุ่งนี้มีศึกอันยิ่งใหญ่กำลังรออยู่” เฟิ่งชิงเฉินกดบาดแผลที่หัวไหล่ของตนเอง บาดแผลดังกล่าวยังไม่สมานกันดี วันนี้นางสวมชุดเกราะ บาดแผลถูกกดทับ เฟิ่งชิงเฉินแอบรู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลตรงหัวไหล่ของนาง

เรื่องในคืนวันนี้ เดิมทีนางไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง แต่……

นางอยากจัดการท่านอ๋องสามด้วยมือของนางเอง แม้ว่าร่างกายจะยังบาดเจ็บ นางก็ไม่สนใจ

“พรุ่งนี้เจ้าก็จะไปอย่างนั้นหรือ?” ซูเหวินชิงอ้าปากค้าง มองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือไง เหตุใดถึงชอบวิ่งเข้าหาสงคราม เจ้าไม่กลัวเสด็จอาเก้าเป็นห่วงเจ้าอย่างนั้นหรือ”

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร นางต้องการเห็นการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ แต่……ร่างกายของนางไม่ยินดี ส่วนเข้าร่วมสนามรบ? เรื่องพวกนี้นางคุ้นชินไปกับมันเสียแล้ว

“เอาละ นี่ก็สายมากแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าซูเหวินชิงยังต้องไปรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับเสด็จอาเก้าได้รับรู้ ดังนั้นจึงเอ่ยปากขอแยกตัวกับเขา

นางต้องการใช้โอกาสตอนที่เสด็จอาเก้ากำลังยุ่งจัดการกับบาดแผลของตนเอง ไม่อย่างนั้นหากเสด็จอาเก้าเห็นบาดแผลของนางเปิดออก นางไม่มีทางรอดแน่!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท