นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1051 คุกเข่า,ใครกันแน่ที่เคารพ
คนที่สวมชุดพิธีกรรมเหลืองอร่าม นอกจากจักรพรรดิแล้วก็คงมีเพียงแค่ฮองเฮาเท่านั้น ดูจากเวลา จักรพรรดิน่าจะยังอยู่ในราชสำนัก ดังนั้นคนผู้นี้จึงเป็นได้เพียงแค่ฮองเฮา
ในวังหลัง พระสนมซูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮองเฮา ฮองเฮามาที่นี่เวลานี้น่าจะเป็นเพราะต้องการช่วยเหลือพระสนมซู เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาทันที ไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ขันทีที่อยู่ด้านหลังเห็นเช่นนั้น รีบเปิดเผยตัวตนของตนเองเพื่อปกป้องชีวิตให้ปลอดภัย
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงเสด็จแล้ว!”
ขันทีตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ใบหน้าของพระสนมซูเต็มไปด้วยความดีใจ รอยยิ้มที่แปลกประหลาดแขวนออกมาบนใบหน้า จ้องมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยความสะใจ หันกลับมาอย่างชัยชนะ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ถวายบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง ขอฝ่าบาททรงมีอายุยืนนาน พันปี พัน พันปี”
“ถวายบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง……”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างคุกเข่า มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ ซึ่งดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าช่างกล้าเสียเหลือเกิน เห็นฮองเฮาเหนียงเหนียงแล้วยังไม่คุกเข่า” ฮองเฮากวาดสายตามอง มามาที่อยู่ด้านหลังก็ดุออกมา
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “ข้าเองก็อยากคุกเข่าให้เหนียงเหนียง แต่เกรงว่าเหนียงเหนียงคงจะรับไว้ไม่ไหว”
“รับไว้ไม่ไหว? ในใต้หล้า นอกจากจักรพรรดิ ยังมีการเคารพของใครที่ข้ารับไม่ไหว?” ฮองเฮายืนอยู่ตรงนั้น ดูสง่างามและสูงส่งเป็นธรรมชาติ และสายตาที่นางมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินนั้นก็เต็มไปด้วยความดูถูก
“เหนียงเหนียงพูดถูก แต่วันนี้ชิงเฉินไม่อาจคุกเข่าให้เหนียงเหนียงได้จริง ๆ แม้เหนียงเหนียงจะเป็นสตรีผู้มีเกียรติที่สุดในประเทศนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นสตรีผู้มีเกียรติสูงสุดในใต้หล้า” เฟิ่งชิงเฉินรู้อยู่แล้วว่าฮองเฮาเกลียดนางมากเพียงใด และต้องการสังหารนางมากแค่ไหน
ตั้งแต่เดินทางกลับมาจากซานตง นางได้เจอกับคนที่ฮองเฮาส่งไปไม่น้อย ยิ่งฮองเฮาไม่อยากให้สนมเอกเซี่ยคลอดเด็กในท้องออกมาอย่างปลอดภัยมากเท่าไหร่ นางก็ยังอยากให้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัยมากเท่านั้น
“อ่า…..ในใต้หล้ายังมีสตรีที่มีเกียรติกว่าข้าอยู่อีกงั้นหรือ?” ฮองเฮาอย่างเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในสายตา
เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้ใส่ใจ นางเพียงยิ้มออกมาและพูดว่า “เหนียงเหนียง สตรีผู้มีเกียรติที่สุดในใต้หล้าเป็นไม่ใช่ฮองเฮาแต่เป็นไทเฮา แม้เหนียงเหนียงจะทรงเกียรติ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับไทเฮาเหนียงเหนียงได้ รอให้เหนียงเหนียงขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งนั้น ถึงจะกล่าวได้ว่าตนเองคือสตรีผู้ทรงเกียรติที่สุดในใต้หล้า”
ไทเฮาถึงจะเป็นสตรีผู้มีอำนาจสูงสุดที่แท้จริงในวังหลัง ลูกชายเป็นจักรพรรดิกับสามีเป็นจักรพรรดิ เป็นสิ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง มีเพียงแค่ลูกชายได้เป็นจักรพรรดิเท่านั้น เจ้าถึงจะกลายเป็นสตรีผู้มีอำนาจสูงส่งและทรงเกียรติที่สุด
เฟิ่งชิงเฉินพูดแทงใจดำของฮองเฮา นางจะไม่อยากเป็นไทเฮาได้อย่างไร เพียงแต่จักรพรรดิมีอายุยืน นางจะไปทำเช่นไรได้ ฮองเฮาระงับความคิดในหัวใจ จากนั้นกล่าวออกไปว่า “แม่นางเฟิ่งพูดถูก จริงอยู่ที่ไทเฮาเหนียงเหนียงนั้นเป็นสตรีผู้สูงส่งที่สุด แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับอะไรกับแม่นางเฟิ่ง เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เจ้าไม่ทำความเคารพข้า?”
“แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกัน ไม่ทราบว่าเหนียงเหนียงรู้จักของสิ่งนี้หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินหญิงปิ่นปักผมออกมาวางไว้บนฝ่ามือของนาง
“ปิ่นเฟิ่งของพระราชมารดา?” ฮองเฮาตกใจมาก สีหน้าที่มองมายังเฟิ่งชิงเฉินก็เปลี่ยนไป
แน่นอนว่าฮองเฮารู้ว่าปิ่นเฟิ่งอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉิน แต่หลังจากที่ถูกใช้ไปครั้งที่แล้ว นางก็ไม่เคยเห็นร่องรอยของปิ่นเฟิ่งอีกเลย ฮองเฮาคิดว่าปิ่นเฟิ่งหายไปแล้ว หรือไม่ก็ถูกเสด็จอาเก้านำกลับมา คิดไม่ถึงว่า…..
มันยังอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉิน
“สายตาของฮองเฮาเหนียงเหนียงช่างกว้างไกล สมกับที่จักรพรรดิองค์ก่อนเอ่ยปากออกมา มันคือปิ่นเฟิ่งแห่งพระราชมารดาแห่งตงหลิง” เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฮองเฮา เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างสดใส
ยิ่งฮองเฮาไม่มีความสุขเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกสุขใจมากเท่านั้น
สายตาของฮองเฮาจับจ้องไปที่ปิ่นเฟิ่งในมือของเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่กะพริบตา ใบหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ เวลานี้ฮองเฮาไม่มีเวลาไปคิดว่าจะลงโทษหรือจัดการกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างไร ในสมองของนางตอนนี้มีแต่ความคิดที่ว่าจะถอยกลับไปอย่างไรโดยไม่เสียหน้า
ใครจะไปคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะนำสิ่งของอันล้ำค่าอย่างปิ่นเฟิ่งติดตัวมาด้วย มันช่างโชคร้ายเหลือเกินที่ต้องมาเผชิญหน้ากับนางในเวลานี้
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง จักรพรรดิองค์ก่อนมีคารมคมคาย เมื่อเห็นปิ่นชิ้นนี้ก็เหมือนได้เห็นฮองเฮาองค์ก่อน เหนียงเหนียงยังไม่ทำความเคารพอีกอย่างนั้นหรือ” เฟิ่งชิงเฉินแกว่งปิ่นเฟิ่งที่อยู่ในมือ ยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ
เหตุผลที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวถึงจักรพรรดิองค์ก่อน นั้นเป็นเพราะหลังจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ก็ไม่ได้อ้างถึงหรือแก้ไขมารดาของเสด็จอาเก้า จึงไม่ง่ายเลยที่จะเรียกว่าเป็นไทเฮาอย่างเป็นทางการ
คนทั่วไปเมื่อได้สมบัติเช่นนี้ พวกเขาจะรู้สึกแปลก ไม่มีใครที่เป็นเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉินที่นำของล้ำค่าในมือออกมาเล่นข้างถนนเช่นนี้
ฮองเฮาเห็นปิ่นเฟิ่งในมือของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกขัดหูขัดตา พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าคิดจะให้ข้าคุกเข่าให้เจ้าอย่างนั้นหรือ?”
คิดจะให้นางคุกเข่าให้เฟิ่งชิงเฉิน ฝันไปเถอะ
“เหนียงเหนียงพูดผิดแล้ว ชิงเฉินไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้เหนียงเหนียงคุกเข่า แต่สิ่งที่ทำให้เหนียงเหนียงต้องคุกเข่าก็คือจักรพรรดิองค์ก่อน เป็นอย่างไรงั้นหรือ? เหนียงเหนียงไม่เคารพในตัวจักรพรรดิองค์ก่อนอย่างนั้นหรือ?” เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่สุนัขจิ้งจอกแกล้งทำเป็นเสือ เห็นว่าฮองเฮากำลังโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา จู่ ๆ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกพอใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นนางคุกเข่าให้ฮองเฮาต่อหน้าพระราชวัง ร่างกายสั่นเทา ความคิดสับสน ไม่เป็นอิสระ แต่วันนี้……
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในสภาพต่าง ๆ ต่อให้เป็นความฝันฮองเฮาก็คงคิดไม่ถึง ว่าวันหนึ่งนางจะต้องมาคุกเข่าต่อแทบเท้าตนเอง
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเป็นถึงฮองเฮา” ฮองเฮารักในศักดิ์ศรีของตนเอง นางไม่คิดจะคุกเข่า แต่นางก็ไม่กล้าแบกรับโทษที่ไม่เคารพจักรพรรดิองค์ก่อน
เมื่อลงมือแล้วเฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางหันหลังกลับ นางถามกลับไปว่า “เหนียงเหนียง เกียรติของฮองเฮาได้มาจากจักรพรรดิองค์ก่อน แต่ปิ่นเฟิ่งเป็นตัวแทนของพระราชมารดาแห่งตงหลิงไม่ใช่หรือ?”
“เหนียงเหนียง ความอดทนของข้ามีจำกัด จะเคารพหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเหนียงเหนียง” ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการโจมตีครั้งสุดท้ายของเฟิ่งชิงเฉิน มันเป็นการโจมตีที่ทำลายเกราะป้องกันของฮองเฮา
ชุดคลุมขนาดใหญ่ไม่อาจปกปิดขาที่สั่นเทาของฮองเฮาได้ ฮองเฮาจ้องมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความโกรธ เกลียดจนอยากจะฉีกเฟิ่งชิงเฉินให้เป็นชิ้น ๆ แต่เวลานี้……นางไม่มีทางเลือก
ฮองเฮาองค์ก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือปิ่นเฟิ่ง นี่เป็นพระประสงค์ของจักรพรรดิองค์ก่อน แม้แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็ไม่อาจเมินเฉยต่อคำสั่งของจักรพรรดิองค์ก่อนได้
ฮองเฮาอดทนต่อความอัปยศอดสู ภายใต้การพยุงของมามา นางนั่งลงครึ่งเข่าเพื่อทำความเคารพต่อเฟิ่งชิงเฉิน หากต้องการให้นางคุกเข่าต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน นั่นเป็นสิ่งที่นางไม่อาจทำได้……
การทำความเคารพดังกล่าว มันเพียงพอที่จะสร้างความลำบากใจให้แก่ฮองเฮา ฮองเฮาผู้สง่างามกลับต้องมาก้มหัวให้กำพร้า แม้ว่านี่จะเป็นการแสดงความเคารพต่ออดีตองค์จักรพรรดิ แต่มันก็ถือเป็นการคุกเข่าให้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ดี
“นี่ เสด็จพี่ฮองเฮา ท่านกำลังทำสิ่งใดอย่างนั้นหรือ?” หายากที่จะได้เห็น ฉากดังกล่าวถูกสนมเอกเซี่ยเข้ามาเห็นพอดี แน่นอนว่าสนมเอกเซี่ยไม่มีทางปล่อยให้โอกาสที่จะได้เหน็บแนมฮองเฮาไปอย่างแน่นอน
แม้เวลานี้จะเป็นช่วงเวลาใกล้คลอดของสนมเอกเซี่ย ท้องใหญ่จนน่าตกใจ ร่างกายหนักอึ้ง ดูงุ่มง่าม เคลื่อนไหวลำบาก แต่ละย่างก้าวต้องใช้แรงจำนวนมาก นางค่อย ๆ เดินไปด้านหน้าช้า ๆ ด้วยแรงพยุงจากมามาทั้งสองข้าง
เฟิ่งชิงเฉินคิดไม่ถึงว่าสนมเอกเซี่ยจะเสด็จมาด้วยตัวเอง นางหันกลับไปยิ้มให้สนมเอกเซี่ย สนมเอกเซี่ยส่ายหน้าโดยไม่ใส่ใจ ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เนื่องจากหานางไม่เรียกเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในพระราชวัง นางก็คงไม่ต้องมาเจอกับเรื่องในวันนี้
เพียงแค่เมื่อได้เห็น……สนมเอกเซี่ยตะลึงงัน และเข้าใจว่าเหตุใดฮองเฮาจึงยอมคุกเข่าให้เฟิ่งชิงเฉิน
สนมเอกเซี่ยงอขาเล็กน้อยตามสัญชาตญาณเพื่อแสดงถึงความเคารพ
ปิ่นเฟิ่งไม่ใช่สิ่งของซึ่งถูกพระราชทานให้แก่คนทั่วไป ปิ่นเฟิ่งเป็นตัวแทนของพระราชมารดาแห่งตงหลิง อย่าว่าแต่สตรีในวังหลังเลย ต่อให้จักรพรรดิมาเห็นด้วยพระองค์เอง เขาก็ต้องแสดงท่าทีบางอย่าง ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าไม่ได้รับการสั่งสอน
หลังจากสนมเอกเซี่ยทำความเคารพเป็นอันเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินก็กล่าวออกมาอย่างสุภาพ “เหนียงเหนียง ชิงเฉินมีสิ่งของจากฮองเฮาองค์ก่อนติดตัวอยู่ จึงไม่สะดวกที่จะทำความเคารพ เหนียงเหนียงโปรดจงเข้าใจ”
“ข้าไม่อาจรับการเคารพจากเจ้าได้” สนมเอกเซี่ยรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เสียเปรียบอีกฝ่าย นางก็รู้สึกโล่งใจ
ฮองเฮารู้ว่าวันนี้นางไม่อาจทำอะไรเฟิ่งชิงเฉินได้ ดังนั้นนางจึงเตรียมที่จะจากไป แต่นางเองก็ไม่คิดว่าในตอนที่นางเอ่ยปากบอกให้พระสนมซูถอยกลับไป แยกย้ายไปคนละทาง เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่เห็นด้วยกับนาง
สร้างปัญหาให้นางและคิดที่จะจากไป โลกนี้มันไม่มีเรื่องอะไรที่ได้มาง่าย ๆ