นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1069
ในฐานะหมอประจำตระกูลของตระกูลหยุน เฟิ่งชิงเฉินได้รับประโยชน์จากตระกูลหยุน แน่นอนว่านางเองก็ต้องทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลหยุนด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนไข้สองสามคนที่ตระกูลเสนอมาให้นางรักษา นางไม่อาจปฏิเสธมันได้ ก่อนหน้านี้หยุนเซียวไม่เคยแนะนำผู้ป่วยให้เฟิ่งชิงเฉินรู้จัก นางรู้สึกว่ามันง่ายที่จะกลับกลอก แต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ลงมือจะเกิดปัญหาอันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้……
เหล่าผู้มาเยือนเข้ามานั่งในจวนของเฟิ่งชิงเฉิน อย่าว่าแต่จักรพรรดิและเสด็จอาเก้าเลยที่คิดว่าลำบาก แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกปวดหัว แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ และไม่มีความกล้าที่จะขับไล่คนเหล่านี้ไป แม้ว่าจะไล่พวกเขาแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เฟิ่งชิงเฉินทำอะไรคนในจวนไม่ได้ ทำได้เพียงโยนความผิดทั้งหมดให้แก่ผู้ร้ายอย่างหยุนเซียว เนื่องจากคนพวกนี้เป็นคนที่หยุนเซียวส่งมา และคนไข้ที่พาแนะนำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้จักล้วนแต่มีอาการสาหัส เพื่อทำให้ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินกึกก้องยิ่งขึ้น
ชื่อเสียงบ้าอะไร เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนอย่างจะด่าออกมา นี่หยุนเซียวต้องการแนะนำคนป่วยให้นางหรือว่าต้องการสร้างปัญหาให้นางกันแน่?
นางเป็นหมอภายนอก ไม่ใช่หมอเด็ก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กอนุบาลเลย ส่งเด็กป่วยอายุไม่ถึงหกขวบให้นางยังไม่พอ แต่กลับไม่มีสมาชิกหรือคนในครอบครัวผู้ป่วยมาด้วยแม้แต่คนเดียว
เอาเถอะ ไม่มีคนในครอบครัวก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เด็กตัวน้อย ๆ เพียงคนเดียว เหตุใดถึงได้มีองครักษ์มาคอยเฝ้าเป็นร้อยคน และองครักษ์เหล่านี้ก็ไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้ได้เลย ควบคุมไม่ได้ไม่เป็นไร แต่อย่าช่วยเด็กคนนี้ทำอะไรชั่วร้ายได้ไหม ช่วยเด็กคนนี้ทำอะไรชั่วร้ายไม่เท่าไหร่ เหตุใดพวกเจ้าต้องทำตัวแข็งก้าวเช่นนี้ด้วย
องครักษ์ที่ปกป้องเด็กคนนี้ ทุกคนล้วนแข็งแกร่ง ราวกับสามารถจัดการสายลับของนางได้ทุกคน ส่วนเจ้าบ้าโจ่วอั้น หลังจากรู้ว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย เขาก็ไม่พูดอะไรสักคำ เอ่ยปากว่าต้องการปกป้องซุนซือสิง ออกไปนอกเมืองเพื่อฝึกวิชาแพทย์เป็นเพื่อนซุนซือสิง
ฮือ ฮือ ฮือ ชาติที่แล้วนางทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชีวิตนี้ถึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้ ถึงต้องมาถูกราชาปีศาจตัวน้อยทรมานเช่นนี้
ใช่ ราชาปีศาจตัวน้อย พ่อของเด็กป่วยคนนี้เป็นผู้นำของลัทธิปีศาจ และตัวเขาเองก็คือนายน้อยแห่งลัทธิปีศาจ แม้อายุยังน้อยแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา เหมือนปีศาจตัวน้อยที่ลงมือกระทำทุกสิ่งอย่างเหี้ยมโหด
ราชาปีศาจตัวน้อยมาถึงจวนเฟิ่งไม่ถึงสามวัน คนในจวนเฟิ่งเจ็ดส่วนไม่ป่วยก็ได้รับบาดเจ็บ แม้แต่ทงจือ ทงเหยา และพวกของชุนฮุ่ยก็ไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของราชาปีศาจตัวน้อยได้ ทุกคนล้มลุกคลุกคลานอยู่บนเตียงด้วยความตกใจ แต่เฟิ่งชิงเฉิน……
สามารถกล่าวได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างกล้าหาญและโชคดีที่ไม่ถูกราชาปีศาจตัวน้อยทรมานจนตาย แต่เฟิ่งชิงเฉินก็พบว่าจิตวิญญาณของตนเองอ่อนแรงลงมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเป็นบ้า
บ้าหรือไง ใครบ้างที่เมื่อลืมตาขึ้นมาเจอซากศพที่เน่าเปื่อยอยู่รอบตัวแล้วไม่ตกใจ?
ใครจะไม่ตื่นตระหนก เมื่อจู่ ๆ เห็นงูเหลือมขนาดใหญ่พันรอบตัวเองขณะอาบน้ำ?
ใครบ้าที่ในขณะกินข้าว จู่ ๆ มีงูตัวใหญ่พุ่งเข้ามาตรงหน้า อ้าปากกว้างต้องการเขมือบหัวของตนเองเข้าไปแล้วไม่ตกใจ?
ใครบ้างที่จะไม่ตกใจเมื่อพบว่าระหว่างกำลังเดิน จู่ ๆ ก็มีซากศพของสุนัขและแมวตัวน้อยปรากฏออกมาบนฝ่าเท้า?
แต่ที่เล่ามามันก็ยังไม่เท่าไหร่ ราชาปีศาจตัวน้อยยังมีวิธีการที่เลวร้ายยิ่งกว่า และวิธีการเหล่านั้นต่อให้เฟิ่งชิงเฉินแข็งแกร่งสักแค่ไหนก็ไม่อาจทนไหว
ใครบ้างที่ได้เห็นเด็กอายุหกขวบแยกชิ้นส่วนของคนที่ยังมีชีวิตออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบพร้อมกับรอยยิ้มอันไร้เดียงสาแล้วจะไม่ตกใจจนตัวสั่น
ใครบ้างที่เห็นเด็กหกขวบทำอะไรอนาจารอย่างไม่รู้สึกผิดโดยไม่สนว่าจะเป็นหญิงชายแล้วยังรู้สึกปกติอยู่ได้
……
ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดถึง สรุปก็คือสิ่งที่หยุนเซียวมอบให้นางในครั้งนี้ไม่ใช่ผู้ป่วย เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ในวัยไม่ถึงสิบปี
“คุณชายหยุน คุณชายหยุนผู้ยิ่งใหญ่ ถือว่าข้าขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าเถิด นำเด็กคนนี้กลับไป ข้าเป็นหมอไม่ใช่นักบวชลัทธิเต๋า และก็ไม่ใช่พระเจ้า ข้าไม่อาจปราบปีศาจได้ และไม่อาจขจัดความชั่วเหล่านี้ได้” เฟิ่งชิงเฉินร้องไห้ออกมาโดยไม่มีน้ำตา
ท้ายที่สุดแล้วมันจะต้องเป็นสถานที่และพ่อแม่ที่วิปริตแค่ไหนถึงได้เลี้ยงลูกออกมาได้แปลกประหลาดเช่นนี้ ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยน้ำตา นางกำลังถูกปีศาจทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ทุกครั้งที่หลับตาก็เต็มไปด้วยความสับสน ชิ้นส่วนมนุษย์และศพจำนวนมากลอยขึ้นมา แค่นึกถึงก็แทบอาเจียนแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินต้องทุกข์ทรมาน หยุนเซียวเองก็ทรมานเช่นกัน การเชิญให้พระเจ้าเสด็จลงมานั้นว่ายากแล้ว แต่การไล่พระเจ้าที่เสด็จลงมาโดยไม่ได้เชิญกลับไปนั้นยากกว่า
หยุนเซียวถอนหายใจออกมาอีกครั้งและกล่าวออกมาอย่างเห็นอกเห็นใจ “ชิงเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นแค่หมอคนหนึ่ง แต่เจ้าก็รู้ว่าเจ๋อเจ๋อไม่ใช่สัตว์ประหลาด หรือปีศาจแต่อย่างใด เขาเป็นเพียงผู้ป่วยที่มีอาการพิเศษ หากแม้แต่เจ้ายังปล่อยให้เขาเป็นไปตามยถากรรม ชีวิตนี้ของเขาก็คงต้องพังพินาศ”
เจ๋อเจ๋อก็คือผู้ป่วยตัวน้อยของเฟิ่งชิงเฉิน นายน้อยแห่งลัทธิปีศาจ อายุของเจ๋อเจ๋อนั้นไม่มาก แต่เขามีนิสัยที่เหี้ยมโหดและดุร้ายเป็นอย่างมาก ตอนแรกผู้นำลัทธิปีศาจไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ตรงกันข้าม เขารู้สึกภูมิใจไปกับมัน ในฐานะนายน้อยแห่งลัทธิปีศาจ จำเป็นต้องมีวิธีการอันเหี้ยมโหด เพื่อควบคุมภูตผีปีศาจให้อยู่ภายใต้อำนาจ แต่เมื่อเจ๋อเจ๋อเติบใหญ่ ปัญหานี้ก็เริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
เจ๋อเจ๋อกระหายเลือดและโหดร้าย ตอนที่เขาอารมณ์ดีเขาจะเล่นแยกส่วนมนุษย์ แต่หากอารมณ์ไม่ดีจะชอบเล่นไล่ฆ่า สรุปก็คือเจ๋อเจ๋อไม่ใช่เด็กปกติ หากพูดตามความคิดของเฟิ่งชิงเฉิน เขาเป็นเด็กที่เป็นโรคจิตขั้นรุนแรง แต่เขาเป็นคนฉลาด มีลูกเล่นมากมาย สร้างความวุ่นวายและความทุกข์ใจให้กับผู้นำลัทธิปีศาจมากมาย ผู้นำลัทธิปีศาจหมดหนทาง ทำได้เพียงปล่อยให้คนอื่นดูแล แต่แน่นอนว่าก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้……
ต่อมาอาจารย์หมอในราชสำนักกล่าวว่า สิ่งที่เจ๋อเจ๋อเป็นอยู่นั้นคืออาการป่วย และมันสามารถรักษาได้
ป่วยก็ต้องรักษา เช่นนั้นก็ตามหาหมอก็สิ้นเรื่อง แต่ไม่มีหมอคนไหนรับเด็กอย่างเจ๋อเจ๋อได้ เจ๋อเจ๋อเริ่มเข้ารักษากับหมอในที่ต่าง ๆ ตั้งแต่อายุห้าขวบ หมอทุกคนที่รักษาและต่างกลายเป็นคนบ้าและโรคจิตไปตาม ๆ กัน
ในตอนที่ผู้นำลัทธิปีศาจร้อนใจและจนปัญญา เขาก็ได้ยินชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉิน เกรงว่าหากผู้นำลัทธิปีศาจมาด้วยตัวเองอาจทำให้เฟิ่งชิงเฉินหวาดกลัว เขาจึงเลือกที่จะเชื่อมความสัมพันธ์กับเจ้าเมืองหยุน ให้เมืองหยุนเป็นคนช่วยเขาติดต่อเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อให้เฟิ่งชิงเฉินช่วยรักษาอาการป่วยของลูกชายเขา
เมืองหยุนติดต่อหยุนเซียว แน่นอนว่าตอนแรกหยุนเซียวอยากจะถามความเห็นของเฟิ่งชิงเฉินก่อน แต่เฟิ่งชิงเฉินเอาแต่หมกตัวอยู่ที่ซานตงและไม่ยอมกลับมา ผู้นำลัทธิปีศาจร้อนใจ หลังจากรู้ว่าตระกูลหยุนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็ส่งคนมาที่ตระกูลหยุนทันที เพื่อให้หยุนเซียวพาเจ๋อเจ๋อมาทำการรักษากับเฟิ่งชิงเฉิน
ดังนั้นหยุนเซียวจึงเข้าใจความทุกข์ทรมานของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี เนื่องจากเขาเองก็เคยสัมผัสมันมาก่อน ไม่รู้ว่าเด็กที่ชื่อเจ๋อเจ๋อผู้นี้มีความผิดปกติจากประสาทส่วนไหน ไม่มีอะไรก็สังหารคนเล่น หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หยุนเซียวคงไม่พาตัวเจ๋อเจ๋อมาส่งยังจวนเฟิ่งด้วยความร้อนใจเช่นนี้
แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก มิตรภาพที่แท้จริงก็ยังไม่หายไป ไม่แน่ว่าเฟิ่งชิงเฉินอาจจะรักษาอาการป่วยของเจ๋อเจ๋อได้จริง ๆ อีกอย่างคนของลัทธิปีศาจมากมายขนาดนี้อยู่ในจวนเฟิ่ง จักรพรรดิก็คงไม่กล้าแตะต้องเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิกลัวลัทธิปีศาจ แต่จักรพรรดิก็ไม่อยากมีปัญหากับลัทธิปีศาจเพราะเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้
แม้ว่าลัทธิปีศาจจะไม่มีความสามารถในการล้มล้างอำนาจของจักรวรรดิ แต่จักรพรรดิก็คงปวดหัวแน่หากไปยุ่งเกี่ยวกับลัทธิปีศาจ เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่เรื่องการลอบสังหารอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้จักรพรรดิปวดหัว ดังนั้น……
เฟิ่งชิงเฉินจึงทำได้เพียงยอมรับความโชคร้ายของตนเอง อย่างไรก็ตาม เจ๋อเจ๋อเองก็ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาไม่มีทางลงมือกับคนของจวนเฟิ่ง มากที่สุดก็ทำให้คนของจวนเฟิ่งตกใจ ส่วนคนของจวนเฟิ่งจะตกใจจนตายเลยหรือไม่นั้น เรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
หยุนเซียวกางมือออกอย่างลนลาน ผู้ป่วยคนนี้ไม่ได้ถูกแนะนำโดยเขา อีกฝ่ายเป็นคนมอบผู้ป่วยรายนี้มา ส่วนเขาก็เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาพัวพันเท่านั้น……
“จะต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะพาตัวของนายน้อยแห่งลัทธิปีศาจผู้นี้กลับไป” เฟิ่งชิงเฉินกำหมัดแน่น ระงับความโกรธที่ต้องการฆ่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กอย่างเจ๋อเจ๋อ หากนางไม่ตกใจจนเป็นบ้า นางก็คงกลายเป็นโรคจิตเหมือนกับเด็กคนนั้น
“เรื่องนี้……ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ชิงเฉินเจ้าเองก็รู้ คนของลัทธิปีศาจมักจะทำอะไรด้วยความสุดโต่ง ก่อนหน้านี้หมอที่ทำการรักษาให้เจ๋อเจ๋อ นอกจากบ้าและเสียสติ ที่เหลือก็ไม่มีใครรอดพ้นจากความตาย” หรือพูดอีกอย่างก็คือ นอกจากเฟิ่งชิงเฉินจะตายหรือว่าเป็นบ้า ผู้นำลัทธิปีศาจก็ไม่มีทางส่งคนมารับเจ๋อเจ๋อกลับไป
“พระเจ้า นี่ข้าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กันแน่” เฟิ่งชิงเฉินตบหน้าผากของตนเองและทรุดตัวลงบนเก้าอี้ “หยุนเซียว ข้าจะสังหารเจ้า”
หากน้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดุร้ายกว่าเดิมสักเล็กน้อย อีกฝ่ายก็คงจะเชื่อว่าเป็นความจริง……