ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 4

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 4

มหาเสนาบดีเซี่ยเห็นว่าท่านอ๋องเหลียงเดินจากไปแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ จึงมองไปยังองค์รัชทายาทมู่หรงอย่างอดไม่ได้ มู่หรงเฉียวก็โกรธมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร้ประสิทธิภาพขนาดนี้ แม้แต่ลูกสาวตนเองก็จัดการไม่ได้ มีที่ไหนยังยอมยืนเสียหน้าอยู่ตรงนี้อีก? จากนั้นก็หันหลังขึ้นม้าไปอย่างเย็นชา และควบม้าออกไป

ขบวนเกียรติยศรับเจ้าสาวและองค์รัชทายาท แน่นอนว่าต่างพากันกลับหมด เพียงพริบตาเดียวความคึกคักที่อยู่ทั่วตำหนักก็หลงเหลือเพียงอากาศ

มหาเสนาบดีเซี่ย และฮูหยินหลิงหลงก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องจัดการกับสถานการณ์ภายใต้สายตาของผู้คนนี้ได้อย่างไร ในความโกลาหลกลับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่เดินออกมากล่าวขอโทษผู้คนอย่างสำรวมสง่างาม

“วันนี้สร้างความลำบากให้แก่ทุกท่านจริง ๆ เชิญพวกท่านกลับไปก่อนเถิด แล้ววันหลังข้าจะตามไปขอโทษด้วยตนเองถึงที่”

เมื่อผู้คนเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเชิญให้แขกกลับแล้ว รู้ว่าไม่มีอะไรให้ดูต่ออีก การที่เซี่ยจื่ออันปฏิเสธการขึ้นเกี้ยวแบบนี้ ก็ทำให้ท่านมหาเสนาบดีเสียหน้าไม่น้อย

กลัวก็แต่จะจบไม่ดีนัก…

อีกอย่างการที่เธอปฏิเสธการขึ้นเกี้ยวเรื่องนี้ฮองเฮาต้องการไต่สวน แน่นอนว่าต้องไต่ถามเธอตามวิธีการของฮองเฮาเป็นแน่ ‘ประมาณว่า เห้อ..เป็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งจริง ๆ แต่เกรงว่าคงจะต้องตายเร็วสินะ’

ในหมู่แขกเหรื่อที่มา มีชายหนุ่มวัยกลางคนรูปงามผู้หนึ่งมองมาที่จื่ออันไม่วางตา ก่อนจะขึ้นรถม้าแล้วจากไป…

ชายผู้นั้นคือท่านอ๋องอัน เขาเคยพ่ายแพ้ต่อความงามของหยวนซื่อและยังคงครองตนเป็นโสด กระนั้นมีข่าวลือว่า เขาสาบานว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตเพื่อหยวนซื่อ

“การแสดงสนุกๆครั้งนี้จบแล้วสินะ กลับเข้าวังกันเถอะ”

บุรุษผู้หน้าตาเย็นชาจากฝั่งตรงข้ามชั้นบนหมุนตัวกลับ ทหารองค์รักษ์รีบตามไปในทันที พร้อมกับพูดว่า “คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยคนนี้ เกรงว่าครานี้จะเดือดร้อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

บุรุษผู้นั้นยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น “คนอย่างฮองเฮาจะปล่อยนางไปง่าย ๆ รึ? ไม่เกินสองชั่วยาม นางต้องเรียกตัวเซี่ยจื่ออันเข้าวัง ข้าพนันกับเจ้าได้เลยสองตำลึง เซี่ย จื่ออันต้องตายระหว่างทางกลับสำนักแน่นอน”

ทหารองค์รักษ์ยิ้มพร้อมตอบ “ได้พ่ะย่ะค่ะ พนันได้เลย วันนี้้เซี่ยจื่ออันจัดการแสดงได้ไม่เลว คงเป็นหญิงสาวที่มีมันสมองคนหนึ่ง หม่อมฉันพนันได้ว่านางยังอยู่ได้อีกสองวัน”

เพียงแต่ว่า สุดท้ายคงหนีไม่พ้นความตาย

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าแขกกลับแล้ว จึงออกคำสั่งอย่างเย็นชา “ทุกคนกลับสำนัก แล้วปิดประตู!”

จื่ออันถูกพากลับไปแล้ว และถูกทิ้งไว้ที่ในลาน ยังไม่ทันที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้พูดอะไร มหาเสนาบดีเซี่ยก็ก้าวเข้ามาเตะเธอที่ขาอย่างแรง และพูดออกมาด้วยความโกรธ “นังแพศยา เจ้าทำให้ข้าขายหน้า ต่อให้ฆ่าเจ้าให้ตายก็คงไม่พอ”

อาการบาดเจ็บของจื่ออันจากที่หนักอยู่แล้ว ยังต้องมาทนรับแรงแตะจากขาของเขา จะไปทนได้อย่างไร? เมื่อสักครู่ที่ลานก็เกือบจะเป็นลมไป เธอบีบไปที่แหวนหลายครั้ง คิดที่อยากจะฆ่ามหาเสนาบดีเซี่ยให้ตาย แต่ก็ยังทนไว้

ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนออกคำสั่งไปว่า “จะทุบตีไปให้ได้อะไร? ตอนนี้ท่านอ๋องเหลียงก็เข้าวังไปแล้ว เจ้าคิดเอาแล้วกันว่าจะรับมือกับความโกรธของฮองเฮาอย่างไร”

มหาเสนาบดีเซี่ยกังวลกับเรื่องนี้ และก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงถามต่อว่า “ท่านแม่ ท่านคิดว่าควรทำไง?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองเขาด้วยหางตา “จะทำอะไรได้อีก? เรื่องนี้ต้องมีคนออกมายอมรับผลที่ตามมา ข้อหาทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่นังแพศยานั่น ฮองเฮาและท่านอ๋องเหลียงต้องการเพียงแค่ลงโทษคนหนึ่งคนเพื่อกู้หน้ากลับมาเท่านั้น คงไม่ครหาอะไรมากมายถึงเจ้านัก เพียงแต่เจ้าน่ะ จริง ๆ แล้วแม่ก็ไม่ได้อยากจะว่าเจ้าหรอกนะ แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้ากลับไม่มีการตั้งรับใด ๆ นอกจากจะจัดการเรื่องไม่เรียบร้อยแล้ว ยังทำให้มันแย่เข้าไปอีก”

มหาเสนาบดีเซี่ยถูกฮูหยินผู้เฒ่าต่อว่าไปหนึ่งยก ความโกรธเคืองในใจก็เพิ่มขึ้น จึงถีบจื่ออันไปอีกรอบ พร้อมพูดว่า “ใครจะไปคิดว่ามันจะทำแบบนี้? เมื่อคืนก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว”

ฮูหยินหลิงหลงพูดอย่างหนักใจว่า “ท่านแม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสอบสวนนะคะ ส่งตัวนางออกไปจะสามารถทุเลาความโกรธของฮองเฮาดีไหมคะ?”

“ไม่ต้องรีบร้อนไป ฮองเฮาต้องเรียกตัวนางเข้าวังไปไต่สวนอยู่แล้ว พวกเจ้าทั้งหมดวางท่าทีให้เป็นกลางที่สุด” ฮูหยินผู้เฒ่าประกาศเสียงเข้ม

“ครับ!” มหาเสนาบดีเซี่ยตอบรับ

ฮูหยินหลิงหลงก้มหน้าเหลือบมองจื่ออันที่นอนอยู่บนพื้น และพูดด้วยความรังเกียจว่า “คิดไม่ถึงว่าอุบายของนางจะลึกล้ำเช่นนี้ ทำให้พวกเราต้องตกที่นั่งลำบากกันหมด”

เสียงพูดเพิ่งจะเงียบไปไม่นาน เซี่ยหว่านเอ๋อก็รีบวิ่งออกมาทันที ในฐานะที่เป็นหญิงสาวที่เก็บตัวอยู่ในห้องตลอดเวลา นางจึงไม่สามารถปรากฏตัวข้างนอกได้ ภายหลังนางได้ยินทาสรับใช้มารายงาน เรื่องที่เซี่ยจื่ออันปฏิเสธการขึ้นเกี้ยว และยังก่อเรื่องที่หน้าประตูสำนักอีก จนถึงขึ้นทำให้องค์รัชทายาทเสียหน้า

ด้วยความที่นางรีบวิ่งออกมาภายใต้อารมณ์โกรธเคือง เมื่อเห็นว่าเซี่ยจื่ออันที่ถูกทุบตีอยู่บนพื้น ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ด้วยความเกลียดชังก็รีบขึ้นมาคร่อมตัวจื่ออันไว้ จากนั้นก็ตบซ้ายทีขวาที ติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถขจัดความเกลียดชังนี้ได้ ครั้นจะตบอีกที จื่ออันก็ลืมตาขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีพลิกเซี่ยหว่านเอ๋อลงไปทางขวา แล้วกัดเข้าไปที่หูของนาง จนตัวนางสั่นไปทั้งตัว ให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อย

เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ เซี่ยหว่านเอ๋อเจ็บจนร้องออกมาเสียงแหลม ขาและมือทั้งสองข้างทุบมาที่จื่ออัน แต่จื่ออันก็ไม่ยอมปล่อย

ฮูหยินหลิงหลงเห็นสถานการณ์เข้า โกรธจนตัวสั่น ชี้นิ้วไปที่ทาสรับใช้และพูดด้วยความโกรธ “ยังไม่รีบเข้าไปแยกนางอีก?”

จื่ออันถูกทาสรับใช้สองสามคนลากออกมา ฮูหยินหลิงหลงก้าวเข้าไปตบเธอหลายที จนมือของนางเองชาและเจ็บไปหมด ภายในปากของจื่ออันมีเลือดสด ๆ ไหลออกมา แต่เธอแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย กลับหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยซ้ำ “เอาสิ ตบเลย บังคับข้าแล้ว งั้นทุกคนก็ตายด้วยกันนี่เสียนี่ล่ะ อย่าได้คิดเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อ”

มหาเสนาบดีเซี่ยเห็นว่าเธอยังมีท่าทีหยิ่งยโสอยู่ ก็โมโหจนตัวสั่น “ไปคุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกของบรรพชนเดี๋ยวนี้ หากไม่มีคำสั่งจากข้า เจ้าก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลุกขึ้น จนกว่าบัญชาของฮองเฮาจะมาถึง”

จื่ออันเงยหน้าและเหลือบตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววแข็งกร้าวและดุดัน เลือดที่หน้าผากยังคงไหลลงมา หนึ่งหยดต่อหนึ่งหยด เรียกให้คนมองอย่างตกตะลึง

หญิงหลายคนจะเข้ามาลากเธอไป เธอจึงพูดไปอย่างเยือกเย็น “ผู้ใดกล้าแตะต้องข้า?”

หญิงทั้งหลายเห็นท่าทีที่ดุร้ายและทรงพลังของเธอเข้าก็ตกใจ จนไม่กล้าก้าวเข้าไป

จื่ออันยกมุมปากขึ้น จ้องเขม็งไปที่มหาเสนาบดีเซี่ยอย่างน่ากลัว “วันหนึ่ง ท่านจะต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำทั้งหมด!”

พูดจบก็ลากร่างตัวเองพร้อมบาดแผลทั้งตัว ขึ้นไปยังหอคอยแห่งจิตวิญญาณ

เลือดที่หยดลงตามหลังเธอไปบนพื้นบานออกเป็นดอกไห่ถัง แผ่นหลังที่บอบบางนั้นเหยียดตรง เธอกำหมัดแน่นและระงับความเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ นี่ไม่ใช่อารมณ์ของเธอ เป็นเพียงความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมเหลือไว้ในหัวเธอ นางปรารถนาความรักจากพ่อมาโดยตลอด

น่าเสียดายที่ถึงเธอตายไปก็ไม่ได้รับมัน

แค้นนี้เธอต้องชำระให้เจ้าของร่างนี้ให้ได้

มหาเสนาบดีเซี่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และสายตาของจื่ออันก็ทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย

ทาสรับใช้ได้พยุงเซี่ยหว่านเอ๋อกลับเข้าไป หากจื่ออันใช้แรงมากกว่านี้หน่อย หูของนางต้องหลุดลงมาแน่ นางเกลียดชังจื่ออันเป็นอย่างมาก เกลียดจนอยากเอาเธอมาหั่นให้แหลกเป็นชิ้น ๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดเปลือกตาที่หย่อนคล้อยขึ้น นัยน์ตาฉายแววประกายราวกับงูพิษ “พวกเจ้าฟังให้ดี ฮองเฮาต้องไต่สวนนางอย่างแน่นอน หากนางรอดออกมาจากวัง สามวันหลังจากนั้น ให้เจ้าเข้าวังรายงานจักรพรรดินีว่านางแพศยาป่วยตายกระทันหัน เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้รู้ความคิดของเจ้า”

“ครับ ลูกทราบแล้ว” ไม่ผิดแน่ ในวังหลวงต้องการเพียงแค่คนหนึ่งคนเข้าไปอธิบาย หากคนตายไป ฮองเฮาก็คลายความโกรธแล้ว

จื่ออันคุกเข่าอยู่หน้าแผ่นจารึกของบรรพบุรุษตระกูลเซี่ย แล้วจ้องแผ่นจารึกทีละอันทีละอัน และแผ่นจารึกพวกนั้นมองลงมายังเธอจากที่สูง

เธอพูดออกมาทีละคำ ทีละคำ “พวกท่านก็คอยดูแล้วกัน ดูว่าข้าจะทำให้ตระกูลเซี่ยพังย่อยยับไม่มีชิ้นดีได้อย่างไร เพื่อเป็นการล้างแค้นให้เซี่ยจื่ออันที่ตายไป”

น้ำเสียงดุดัน และเด็ดเดี่ยวอย่างไม่คิดจะคืนคำ

เธอหมุนแหวนแห่งจิตวิญญาณที่อยู่บนนิ้ว

เธอเป็นวิญญาณที่ข้ามภพมา ทำไมแหวนแห่งจิตวิญญาณนี้ถึงตามมากับเธอด้วย ข้อนี้เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก

ที่วันนี้ยังไม่เอาคืนไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่ที่ยังเอาคืนไม่ได้ เพราะด้วยกำลังของเธอแล้ว ยังไม่เพียงพอสำหรับสู้กับคนทั้งสำนัก

วันนี้ยังมีอุปสรรคอีกด่านที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ กุญแจสำคัญก็คือแหวนแห่งจิตวิญญาณ และทักษะทางการแพทย์ของเธอ

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท