ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 32
จื่ออานรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบกลับฮองเฮาว่า “บรรเทาอาการหายใจลำบากด้วยยาต้มหรือเพคะ แม้ว่าจะช่วยบรรเทาอาการได้แต่ก็ทำได้ช้ามาก อีกทั้งวิธีนี้เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเหตุใดจะเกิดขึ้นเพคะ”
ฮองเฮาโบกมือไปมา และตอบกลับอย่างแข็งกร้าวว่า “จงทำตามแบบแผนของวังหลวง”
จื่ออานเหลือบมองไปทางมู่หรงเจี๋ย มู่หรงเจี๋ยจึงเหลือบมองไปทางฮองเฮา เพื่อบอกเป็นนัยว่าต้องการจะปรึกษาหารือด้วย
ฮองเฮาก้าวเดินออกมาข้างหน้าและพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ท่านอ๋อง ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวคำใดอีก นี่เป็นความปรารถนาจากเปิ่นกงอย่างเด็ดขาดแล้วว่า มิอาจให้ทำการรักษาด้วยการฝังเข็มได้อีกครั้ง”
“ฮองเฮา ทำไมท่านจึงรู้สึกกังวลใจนัก? อาซินอาการดีขึ้นเพราะเซี่ยจื่ออานทำการฝังเข็มให้มิใช่หรือ”
“มันไม่เหมือนกัน!” หัวใจของฮองเฮารู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมานที่ยากจะกำจัดออกไปได้ แท้จริงแล้วเธอเชื่อมั่นในความชำนาญทางการแพทย์ของเซี่ยจื่ออาน แต่เธอกลัวที่จะสูญเสียลูกชายของเธอไป และเธอไม่อยากเสี่ยงกับภัยอันตรายใดอีก
มู่หรงเจี๋ยกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นฮองเฮาก็หมุนตัวกลับมาและพูดว่า “นำรูปประคำมา ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อติดตามการรักษาลูกชายของข้า ข้าจะคอยดูว่าภูตผีปีศาจร้ายตนใดจะนำชีวิตเขาไป”
เซี่ยจื่ออานไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮองเฮาจึงคัดค้านการฝังเข็มถึงเพียงนี้ เมื่อตอนทำการฝังเข็มองค์จักรพรรดิเหลียง เธอก็เข้ารับการฝังเข็มด้วยเช่นกัน เธออยากรู้ว่าเหตุใดฮองเฮาจึงรู้สึกไม่พอใจในการฝังเข็มเพื่อรักษาอาการหายใจที่ติดขัดขององค์จักรพรรดิเหลียงยิ่งนัก
ในฐานะหมอ เธอจึงจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อคนไข้ของเธออีกครั้ง เธอจึงพูดขึ้นว่า “ทูลฮองเฮาเพคะ ถ้าอาการหายใจติดขัดขององค์จักรพรรดิเหลียงไม่ได้รับการรักษาทันที จะเป็นอันตรายต่อพระองค์มากนะเพคะ”
“ต่อให้อันตรายแค่ไหนก็ไม่อันตรายเท่ากับการรักษาแบบฝังเข็ม” ฮองเฮาตอบกลับอย่างเย็นชา
เซี่ยจื่ออานคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างอยู่ภายในใจของฮองเฮา เธอจึงพูดกับหยวนพ่านว่า “นายท่าน ข้าว่าพวกเรามาปรึกษาเรื่องแผนการรักษากันไหมเจ้าคะ”
“ได้สิ!” หยวนพ่านเชื่อว่าเธอรู้สาเหตุของอาการป่วยมาตั้งแต่แรกอย่างแจ่มแจ้ง เขาเหลือบมองไปทางผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และพูดว่า “ท่านอ๋อง จากแผนการรักษาเบื้องต้น ท่านสามารถคัดค้านได้ แต่ถ้าท่านคิดว่ามีความเป็นไปได้ ก็ขอให้ท่านช่วยทูลกับฮองเฮา พ่ะย่ะค่ะ”
หยวนพ่านบอกกับมู่หรงเจี๋ยโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการระแวง เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแผนการรักษาที่ชัดเจนของเซี่ยจื่ออาน ดังนั้นเขาจึงให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ร่วมอยู่เป็นพยาน เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพูดทั้งหมดนี้เป็นความคิดของเซี่ยจื่ออาน
มู่หรงเจี๋ยไม่รู้จริง ๆ ว่าหยวนพ่านคิดอะไรอยู่?แต่เขาต้องการรู้สถานการณ์ขององค์จักรพรรดิเหลียง เขาจึงรับปาก
องค์รัชทายาทอยากเข้าร่วมด้วย แต่ฮองเฮาเรียกเขาเอาไว้ “เฉียวเอ๋อ เจ้ามาสวดมนตร์ให้พี่ชายของเจ้ากับข้า เราต้องอธิษฐานขอให้พระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์คุ้มครองพี่ชายเจ้า”
องค์รัชทายาทจึงทำได้เพียงพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
อธิษฐานขอพรอย่างนั้นเหรอ?ไม่ ข้าจะสาปแช่งมัน ให้มันตายไวไวต่างหาก
จื่ออานกับมู่หรงเจี๋ย และหยวนพ่าน ทั้งสามคนเดินออกมาจากวัง มู่หรงเจี๋ยเห็นใบหน้าที่ซีดขาวและร่างกายที่ดูไร้เรี่ยวแรงของเซี่ยจื่ออาน เขาจึงสั่งนางข้าหลวงหยางว่า “เจ้าจงไปเตรียมติ่มซำให้คุณหนูซะ”
จื่ออานมองไปที่ท่านมู่หรงเจี๋ยด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เธอรู้สึกเหนื่อยล้า และหิวโหยมากจริง ๆ อาจเป็นเพราะพิษที่อยู่ภายใน และบาดแผลภายนอกร่างกายของเธอนั้นแทบจะทำให้เธอยืนหยัดต่อไปไม่ไหว
มู่หรงเจี๋ยรับรู้ความรู้สึกขอบคุณนั้นได้ผ่านแววตาของเธอจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะหมดสติไป และทำให้การรักษาล่าช้าเท่านั้น”
จื่ออานรับรู้ได้โดยธรรมชาติทันที เมื่อเธอลำบากแต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะคืออะไร มันก็ดีกว่าการวางแผนทำร้ายผู้อื่นไว้แล้ว
เธอตอบกลับอย่างแผ่วเบาว่า “ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋อง”
เมื่อยามรู้สึกลำบากและมีน้ำหนึ่งถ้วย ซาลาเปาหนึ่งลูก และข้าวหนึ่งชาม ทั้งหมดนั้นไม่มีบุญคุณใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว
นางข้าหลวงหยาง เลือกหยิบติ่มซำอย่างพิถีพิถัน และจื่ออานก็หยิบติ่มซำกินประมาณสองสามชิ้น จากนั้นเธอก็ดื่มชาหมดรวดเดียวเพื่อให้ท้องของเธอรู้สึกอิ่ม
นางข้าหลวงหยางพาเธอกลับเข้าไปในวัง เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยจื่ออานที่วังหลวง นอกจากเธอจะสามารถช่วยชีวิตองค์จักพรรดิเหลียงไว้ได้แล้ว จื่ออานยังทำให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ เมื่อเห็นเธอรีบกินแล้วอยู่ ๆ ก็หยุดชะงักลงจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณหนูยิ่งกินเยอะขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คุณหนูมีพละกำลังมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ”