ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 41
จักรพรรดิเหลียงฟื้นแล้ว เขากลิ้งลงมาจากเตียง ดวงตาสองคู่แดงก่ำราวกับต้องมนต์สะกด เขาลงไปกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น พลางส่งเสียงร้อง “ โอ๊ย ๆ” ออกมา ขาของเขาไม่สามรถขยับได้ สองมือกวัดแกว่งไปมาไม่หยุด เหมือนกับคนบ้า
“ออกไป ออกไป!”
นางข้าหลวงเข้ามาช่วยพยุงเขาขึ้น แต่กลับถูกสะบัดออกอย่างแรง เห็นเพียงแต่แก้มที่แดงเทือก ถึงแม้ว่ายังดูมีสติ แต่กลับคลุ้มคลั่งอย่างหนัก
“ซินเอ๋อร์” ฮองเฮารีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก้มลงดึงเขาขึ้น แต่จักรพรรดิเหลียงใช้แรงผลักออก จนทำให้นางล้มลงไปกับพื้น
แม่นมหยางรีบเข้ามาพยุงตัวฮองเฮา หวงไท่โฮ่วจึงตะโกนใส่หมอหลวง “ยังมัวชักช้าอะไรอีก? รับเข้าไปดูสิ”
“ออกไป!” จักรพรรดิเหลียงราวกับบ้าไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ปะทะกับหมอหลวง สองมือกวัดแกว่งอยู่บนอากาศ นัยน์ตาตื่นตระหนก ราวกับบนอากาศมีสิ่งน่าหวากกลัวที่คนรอบข้างมองไม่เห็นอยู่
หรือแม้แต่มู่หรงเจี๋ยอยากจะก้าวเข้าไป ก็ถูกเขาไล่ออกไปหมด เขาฟุบลงกับพื้น สองขาถีบไปด้านหลังไม่หยุดหย่อน เขานิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะสงบลงแล้ว จู่ ๆ เขากลับตะโกนขึ้นมา “ออกไป ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเจ้า หากพวกเจ้าจะล้างแค้น ก็ไปหาคนที่ฆ่าพวกเจ้า”
จื่ออานเห็นถึงตรงนี้ ก็เข้าใจได้ว่า หลังจากที่เกิดอาการลมชัก ส่วนใหญ่มักจะคลั่งและเห็นภาพหลอน และเพราะสมองของเขาขาดออกซิเจน จึงทำให้เกิดอาการเห็นภาพหลอน
ในลักษณะนี้ เป็นอันตรายต่อคนไข้มาก เพราะเส้นประสาทที่รับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขาจะชา อาการคลุ้มคลั่งเกินกว่าครึ่งค่อนข้างรุนแรง จนแม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ความเจ็บปวดนั้น
และอีกอย่าง คอและขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ แม้จะได้รับการรักษาแล้ว แต่คงทนแรงกระแทกแบบนี้ไม่ไหว
ต้องรีบดำเนินการฝังเข็มให้ตรงจุด จากนั้นก็เจาะเข้าตรงเส้นแล้วลำเลียงเลือดลงไป เพื่อให้เขาได้สงบลง
แต่ตอนนี้หวงไท่โฮ่วอยู่ที่นี่ คงไม่ให้เธอลงมืออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะหมอ เธอไม่สามรถมองจักรพรรดิเหลียงเพิ่มขีดอันตรายไปอีกขั้นหนึ่งโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
เธอสลัดตัวจากการเกาะกุมของทหาร รีบก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
กุ้ยไท่เฟยพูดด้วยความโกรธ “รีบกุมตัวนางไว้”
แต่จื่ออานกลับย่อลงไปข้างตัวของจักรพรรดิเหลียงแล้ว หันหลังชนกับเขาแล้วชกไปในอากาศทันที “ถอยไป มีข้าอยู่ หยุดคิดที่จะทำร้ายจักรพรรดิเหลียงได้เลย”
จักรพรรดิเหลียงรีบเข้าไปหลบหลังเธอทันที เหมือนกับภรรยาตัวน้อย ๆ แอบมองอยู่เงียบ ๆ ดูหวาดกลัวแต่ไม่เหมือนสายตาที่ตื่นระหนกก่อนหน้านี้
ทุกคนถูกกดขี่ควบคุมกันหมด จักรพรรดิเหลียงป่วย พูดจาไม่เป็นภาษา เซี่ยจื่ออานก็บ้าไปแล้วหรืออย่างไร? หากไม่ได้บ้า งั้นเป็นไปได้ว่านางก็เห็นสิ่งที่คนรอบข้างมองไม่เห็นเช่นกันงั้นหรอ?
ใช่ผีหรอ?
เห็นแบบนี้ ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างหวาดกลัว หรือแม้แต่หวงไท่โฮ่วและกุ้ยไท่เฟยก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุม ไม่ออกเสียงไปชั่วครู่หนึ่ง ได้แต่มองจื่ออานนิ่ง ๆ
ทหารที่ได้รับคำสั่งจากกุ้ยไท่เฟยก็ตกใจ และสงสัยว่าควรก้าวเข้าไปหรือไม่
มู่หรงเจี๋ยยื่นมือไปขวางทหารไว้ มองไปที่ท่าทางของจักรพรรดิเหลียง พลางโบกมือและพูดเบา ๆ ว่า “ถอยไปก่อน”
ฮองเฮาเองก็ตกใจแพ้กัน มองไปยังอากาศที่ว่างเปล่าตรงหน้าจื่ออาน พลางพูดพึมพำ “โอ้ พระเจ้า วิญญาณอาฆาตแค้น ต้องเป็นวิญญาณอาฆาตแค้น”
จะต้องมีผีแน่ ๆ วังแห่งนี้วิญญาณอาฆาตแค้นมีอยู่มากมาย ซินเอ๋อร์ต้องถูกวิญญาณพวกนี้ตามรังควานเป็นแน่
จื่นอานหันหน้ากลับไป จับมือของจักรพรรดิเหลียงไว้และพูดเบา ๆ อย่างปลอบโยน “ท่านอ๋องอย่าได้กลัวไป มีข้าอยู่ด้วย ไม่มีผู้ใดทำร้ายท่านได้”
จักรพรรดิเหลียงมองเธออย่างประหลาดใจและสงสัย จากนั้นปิดตาลงช้า ๆ ขมวดคิ้วขึ้น ราวกับกำลังคิดว่านางคือใคร