ในขณะที่โนอาห์กำลังคุยกับแจสเปอร์อบิเกลเดินมาหาเขาพร้อมกับสีหน้าแปลกๆบนใบหน้าของเธอ
อบิเกลเป็นหญิงสาวสวยอายุ 19 ปี เธอมีผมสีดำยาวที่มัดหางม้าเพื่อไม่ให้รบกวนเธอในระหว่างการต่อสู้ที่เธอทำแบบนี้เพราะเธอเป็นนักธนูและวิสัยทัศน์ของเธอก็สำคัญเป็นอย่างมากเธอจึงมัดผมเพื่อให้สามารถยิงศัตรูได้แม่นขึ้น การมีผมคลุมหน้าคงไม่สะดวกมากนัก การที่เธอหยิ่งผยองแม้ว่าเธอจะอายุ 19 ปีนั่นเป็นเพราะเธออาจจะอายุยังน้อยและอายุที่น้อยของเธอก็สนับสนุนความเย่อหยิ่งนี้โนอาห์คิดในใจของเขา
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ายิ่งอายุน้อยก็ยิ่งหุนหันพลันแล่นมากขึ้นด้วยดังนั้นโนอาห์จึงตัดสินว่ามันเป็นความผิดของอายุของเธอ เนื่องจากโนอาห์ไม่มีการติดต่อกับใครในวัยของเขานอกจากคาร์ลอสผู้ซึ่งถูกบังคับให้เป็นผู้ใหญ่เนื่องจากธุรกิจของครอบครัว และโนอาห์เองก็ต้องเติบโตเร็วมากขึ้นเพื่อที่จะอยู่รอดด้วยตัวคนเดียว เขาจึงไม่รู้ว่าจิตใจของคนอื่นเป็นอย่างไรในอายุเท่าๆกัน
“เอาล่ะหลังจากที่เราออกไปฉันจะคุยกับนายนอกป้อมปราการ” แจสเปอร์บอกโนอาห์ก่อนจะออกไปหลังจากเห็นว่าอบิเกลอยากคุยกับโนอาห์
โนอาห์พยักหน้าเห็นด้วยกับแจสเปอร์และหันไปหาอบิเกล เมื่อมองไปที่เธอโนอาห์จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในป้อมปราการรวมถึงความเย่อหยิ่งทั้งหมดที่เธอเคยแสดงไว้ที่ป้อมระดับ F ที่เขาพบเจอและสถานการณ์เล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะมาโจมตีค่ายก็อบลิน
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่ามันแปลกคือเธอจำชื่อของเขาได้แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันเลย และเขาเคยเจอกันในป้อมปราการระดับ F เท่านั้น ตัวเขาเองจำชื่อของเธอได้ก็เพราะแจสเปอร์พูดถึงเธอเท่านั้นโนอาห์ลืมชื่อของเธอโดยอัติโนมัติตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนเพราะเธอไม่ได้สำคัญในชีวิตของเขาขนาดนั้น
อบิเกลมองไปที่โนอาห์และไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเขาเอาแต่มองหน้าของเธอนิ่งๆราวกับว่าเขาเบื่อ
อบิเกลสังเกตว่าเขาดูเหมือนจะพัฒนาไปมากกว่าก่อนหน้านี้มาก เพราะก่อนหน้านี้เขาเหมือนเป็นคนขี้ขลาดมากกว่านี้แน่นอน
เมื่ออบิเกลพบกับโนอาห์ครั้งแรกเธอก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆที่หลงใหลในรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขา แต่เมื่อพบว่าเขาเป็นผู้ถูกเลือกระดับ F ความสนใจทั้งหมดที่เธอมีต่อเขาก็ถูกแทนที่ด้วยการดูถูก เพราะพวกเธอสนใจคนที่มีอำนาจและพลังเท่านั้น
วันนี้จะเป็นการสิ้นสุดการโต้ตอบของพวกเขา วันนี้เธอได้พบกับเขาอีกครั้งและไม่เพียงแต่เขาจะหล่อเหลาขึ้นกว่าตอนแรกที่เธอพบ แต่เขายังแข็งแกร่งขึ้นมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าเธอด้วยซ้ำ อบิเกลไม่ได้โง่เธอรู้ดีว่าเธอได้ทำลายความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไปแล้ว เพราะสิ่งที่เธอเคยทำกับเขามา แต่เธอก็ยังต้องการที่จะทำสิ่งต่างๆที่ต่างออกไป
“สวัสดี…” เธอพูดเสียงเบาๆ
“สวัสดี” โนอาห์ตอบด้วยสีหน้าไม่สนใจที่เขามักจะทำแบบนั้นเสมอ
“ฉัน…ฉันขอโทษ ฉันคุยกับเพื่อนของฉันและพวกเขาทำให้ฉันเข้าใจว่าฉันผิดแค่ไหน ฉันทำอะไรลงไปบ้าง ฉันขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ฉันพูด ฉันเชื่อว่านายยังคงมีอคติกับฉันอยู่แต่ฉันก็เข้าใจฉันไม่โกรธนายเลยเพราะถ้านายไม่ปรากฏตัวขึ้นคงไม่ใช่แค่สามคนนั้นที่จะต้องตายเพราะหัวหน้าก็อบลิน ฉันไม่คาดหวังว่านายจะยกโทษให้ฉัน นายมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกได้ทุกอย่างที่นายต้องการ แต่อย่างน้อยฉันก็อยากจะแสดงความขอบคุณต่อนายที่ไม่สนใจเรื่องคำพูดเหล่านั้นและช่วยพวกเรา ฉันหวังว่าอย่างน้อยเราก็จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้และทิ้งสิ่งที่ฉันทำไว้ข้างหลัง” อบิเกลกล่าวขณะที่เธอก้มลงไปมองกับพื้นด้วยความเขินอาย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอโนอาห์ก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง เขาเคยชินกับคนที่พูดถึงเขาไม่ดี หากเขาจะเก็บความขุ่นเคืองต่อทุกคนที่ทำผิดต่อเขาและยังคงปรารถนาร้ายกับพวกเขาทุกคน เขาก็คงจะไม่มีความสุขแน่ๆ เพราะมันมีคนจำนวนมากเกินไปที่ไม่พอใจเขาและนั่นจะทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า
แต่เมื่อเห็นว่าอบิเกลรู้สึกเสียใจจริงๆจากภาษากายของเธอ เนื่องจากเธอมองไปที่พื้นตลอดเวลาและเล่นกับผมของเธอตลอดซึ่งนั่นหมายถึงความกังวลใจ โนอาห์ก็ประหลาดใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่พอที่จะขอโทษเขา
แฮร์รี่และเวนดี้เป็นสองตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากโนอาห์ แต่เพราะความหยิ่งยโสแบบเด็กๆของพวกเขาพวกเขาจึงมองโนอาห์เป็นศัตรูเหมือนเคย โนอาห์เคยชินกับการรับมือกับคนที่มีปัญหาและไร้เดียงสาเช่นพวกเขาแล้ว แต่การที่โนอาห์ได้คุยกับคนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างอบิเกลนั้นมันก็ถือเป็นการพูดคุยที่ดี
ด้วยสีหน้าจริงจัง แต่มีรอยยิ้มขบขันเล็กน้อย โนอาห์ตอบอบิเกลว่า
“คำขอโทษของเธอได้รับการยอมรับแล้วอย่ากังวลว่าฉันจะเสียใจกับเรื่องโง่ๆเหมือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉันดีใจที่ได้เห็นทัศนคติของเธอ มีไม่กี่คนที่สามารถก้มหน้าและยอมรับข้อผิดพลาดเมื่อพวกเขาทำอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้อบิเกลก็รู้สึกโล่งใจพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอเดินไปที่ศพของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อโนอาห์เห็นสิ่งนี้จึงสันนิษฐานได้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นเพื่อนของเธอ
ทันใดนั้นส่วนหนึ่งของป่าก็บิดเบี้ยวและมีประตูสีดำขนาดใหญ่พร้อมพลาสม่าสีม่วงที่คุ้นเคยที่คอยให้ผู้ถูกเลือกทุกคนข้ามไปยังโลกของพวกเขา
บางคนก็เดินผ่านประตูวาปไป ส่วนคนอื่นๆก็กล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายกับหนึ่งในซากศพ ในขณะที่ชายร่างใหญ่ที่อุ้มก็อบลินในตอนนั้นกำลังแบกศพของชายหนุ่มในขณะที่เขามีสีหน้าเศร้าๆ
โนอาห์เฝ้าดูทั้งหมดนี้จากด้านข้างในขณะที่เขามองไปที่ศพของหัวหน้าก็อบลินที่กลายเป็นขี้เถ้าจากการถูกไฟไหม้
ธนูของหัวหน้าก็อบลินได้ถูกขายให้กับนักธนูแล้วและเงินจะถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถูกเลือกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โนอาห์มีมีดสั้นอยู่แล้วและไม่มีใครกล้าขอให้เขาจ่ายค่ามีดสั้นหลังจากที่เขาช่วยชีวิตของผู้ถูกเลือกแต่ละคนอย่างน้อยหนึ่งครั้งในระหว่างการบุกป้อมปราการ
ตอนนี้โนอาห์อยู่คนเดียวและโนอาห์มีความสุขเมื่อเขาเห็นศพหนึ่งถูกทิ้งไว้ เมื่อมองไปที่มันเขาก็รู้ว่าเขาใช้เวลาไม่นานในการเผามัน ไม่มีใครพูดอะไรที่โนอาห์ยังอยู่ที่นั่นบางคนอาจจะสงสัยบ้างเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ปล่อยผ่านไป ศพนั้นเป็นผู้หญิงที่ตายในการบุกป้อมปราการในครั้งนี้
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเอาศพไปแล้วโนอาห์จึงจุดไฟเผาร่างของผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่ร่างกายที่เริ่มถูกเผาความกังวลเพียงอย่างเดียวของโนอาห์ก็คือผู้หญิงคนนี้จะทำบาปมากพอที่จะทำให้เขาสามารถ “ชำระล้าง” ได้หรือเปล่า
โนอาห์ใช้เวลาไม่นานในการคิดเรื่องนี้เนื่องจากทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเริ่มถูกไฟไหม้ ขอความของระบบก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา