ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 85
หลังจากที่มหาเสนาบดีเซี่ยและหลิงหลงฟูเหรินออกจากวังโซ่วอันไป แม่นมหยางก็เดินไล่ตามมาจนทัน
“ฟูเหริน ฮองเฮาเชิญท่านไปดื่มชาสักแก้วที่วังจิ้งหนิง”
วังจิ้งหนิงเป็นที่ประทับของฮองเฮา หลิงหลงฟูเหรินเองก็ทราบดี
มหาเสนาบดีเซี่ยมองแม่นมหยางอย่างเตรียมตั้งรับ “ฮองเฮามีเรื่องอะไร?”
แม่นมหยางยิ้มพลางพูด “ไม่มีเรื่องอันใด ก็แค่ดื่มชาแล้วก็พูดคุยกันเท่านั้น”
มหาเสนาบดีเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้น ข้าก็จะไปด้วย”
แม่นมหยางโค้งคำนับ “ท่านเซียงแหยกลับไปก่อนเถอะค่ะ สิ่งที่ฮองเฮาจะพูดกับหลิงหลงฟูเหรินเป็นเพียงเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น คงไม่เหมาะหากเซียงแหยจะอยู่ด้วย”
หลิงหลงฟูเหรินรู้ได้เลยว่าที่เรียกนางไปเพียงลำพัง คงจะไม่ใช่การพูดคุยธรรมดาทั่วไปแน่นอน แล้วนางก็นึกถึงเรื่องที่นางพูดจาไม่มีกาลเทศะในวังของหวงไท่โฮ่วเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าฮองเฮาอยากจะเรียกตัวนางไปสอบสวน?
แต่ก็ไม่เห็นว่าหวงไท่โฮ่วจะสอบสวนอะไร แล้วฮองเฮาจะพูดอะไรได้?
หลิงหลงฟูเหรินดึงแขนเสื้อของมหาเสนาบดีเซี่ยไว้ กล่าวด้วยความหนักใจว่า “เซียงแหย ข้าไปวังจิ้งหนิงแต่เพียงลำพังไม่ได้หรอก มิเช่นนนั้น ท่านก็ให้นางสนมเหมยไปเป็นเพื่อนข้า”
มหาเสนาบดีเซี่ยกล่าว “ได้ เจ้าไปกับนางข้าหลวงหยางเสียก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปหานางสนมเหมย”
แม่นมหยางหัวเราะขึ้นมา แต่กลับมีใบหน้าที่ดูเยือกเย็นและดุร้าย “เซียงแหยอย่าไปรบกวนสนมเหมยเลย”
มหาเสนาบดีเซี่ยยิ้มพลางตอบกลับมา “ผู้หญิงเค้าก็กลัวจะเดือดร้อน หากมีคนสนิทไปด้วยยังไงก็เป็นเรื่องที่ดี”
แม่นมหยางตอบกลับมาเรียบ ๆ “งั้นก็ตามแต่ที่เซียงแหยต้องการเถอะ เพียงแต่ คนสนิทที่ว่านี้ กลับทำให้บ่าวอดคิดขึ้นมาไม่ได้ จริง ๆ แล้วคุณหนูใหญ่กับเซียงแหยเองก็เป็นคนสนิทกันนะ”
วันนี้หลิงหลงฟูเหรินทนมามากพอแล้วจริง ๆ ที่วังของหวงไท่โฮ่ว ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิก็พุ่งเป้ามาที่นางตลอด หรือแม้แต่ทาสรับใช้ประจำพระองค์ไทเฮายังกล้ามาด่าทอนาง และหากวันนี้แม่นมประจำประองค์ของฮองเฮายังจะมาพูดจารุนแรงใส่นางอีก อารมณ์โกรธจากในวังที่ผ่านมาจะทนได้อย่างไร?
นางมองแมนมหยาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “แม้เต่หวงไท่โฮ่วยังไม่ละลาบละล้วงเรื่องครอบครัวของเสนาบดี แล้วทาสอย่างเจ้า กล้าดียังไงมาออกความเห็นเรื่องครอบครัวของเสนาบดี? เจ้ามีสมองอยู่เท่าไหร่กันที่ทำหล่นไป?”
แม่นมหยางไม่โกรธแต่ตรงกันข้ามกลับยิ้มออกมา “สมองของบ่าวก็อยู่ตรงนี้แหละเจ้าค่ะ หากฟูเหรินอยากได้ ก็มาเอาได้ตลอดเวลานะเจ้าคะ”
หลิงหลงฟูเหรินกล่าวด้วยความโกรธเคือง “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาดูถูกข้าเยี่ยงนี้? จะยังไงข้าก็เป็นฟูเหรินของเสนาบดี”
มหาเสนาบดีเซี่ยมองใบหน้าที่ดุร้ายของหลิงหลงฟูเหริน ความเกลียดชังในจิตใจค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้น แท้จริงแล้วเมื่อก่อนเขาไม่คิดว่าตนเองดูหญิงสาวแค่เพียงผิวเผิน เมื่อครั้งที่รู้จักกัน นางเป็นผู้ที่มีจินตนาการล้ำเลิศ งานศิลปะทำได้ดีทีเดียว ต่อมา มาบอกเพราะว่ากลัวหยวนซื่อจะอิจฉา เลยสาบานว่าจะไม่จับพู่กันวาดรูปอีก เขาเองก็คิดเพียงว่านางใจใหญ่ ที่ยอมละทิ้งเพื่อเขาตั้งมากมาย
เพราะแบบนี้แม้ว่าชีวิตในตอนหลัง ถึงการกระทำของนางจะทำให้เขาไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่เมื่อคำนึงถึงเรื่องที่นางให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิงให้เขา และยังล้มเลิกสิ่งที่ตนรักอย่างการวาดภาพอีก เขาจึงเข้าใจและอดทนมาได้ตลอด
แต่วันนี้ หวงไท่โฮ่วกลับพูดเปรียบเทียบนางกับหยวนซื่อ หยวนซื่อชนะนางถึงร้อยเท่า อีกหน่อยเขาคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไป
บุรุษก็เป็นเยี่ยงนี้ ตัวเขาคิดอย่างไรล้วนไม่ใช่ปัญหา แต่หากคนรอบข้างพูดขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขา ในใจเขาก็เกิดเริ่มรู้สึกไม่ปกติขึ้นมา
“เอาล่ะ ฟูเหรินเสนาบดี เชิญเจ้าค่ะ!” แม่นมหยางกล่าวอย่างเร่งรัด
หลิงหลงฟูเหรินกล่าวอย่างดื้อด้านว่า “ไม่ ข้าไม่ไป หากฮองเฮามีเรื่องใด ก็ให้สั่งคนไปบอกข้าที่จวนแล้วกัน”
มหาเสนาบดีเซี่ยดึงมือหลิงหลงฟูเหรินออก พลางกล่าวเตือนเสียงต่ำ “วันนี้เจ้าจะก่อเรื่องต่อฮองเฮาไม่ได้อีกต่อไป มิเช่นนั้น หว่านเอ๋อร์ก็หยุดคิดเรื่องแต่งงานกับองค์รัชทายาทได้เลย”
หลิงหลงฟูเหรินไม่ได้คิดขึ้นไปถึงขั้นนี้ ฟังจากที่มหาเสนาบดีเซี่ยบอก นางก็เกิดกลัวขึ้นมา “งั้นต้องทำอย่างไรดี”
มหาเสนาบดีเซี่ยคิดอยู่ครู่นึ่ง “วันนี้ เจ้าอาจะต้องทนโดยตำหนิสักหน่อย แต่ก็ไปเถอะ คาดว่าฮองเฮาคงจะไม่อะไรกับเจ้ามาก เดี๋ยวข้าจะรีบไปหานางสนมเหมย ให้นางไปดูสักหน่อย มีนางอยู่ ฮองเฮาอาจจะมีความปราณีบ้าง”