ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 116
หลิงหลงฟูเหรินกล่าวอย่างไม่พอใจ “นี่ที่ข้ายังไม่ทันได้ต้มชา เป็นเพราะท่านเรียกตัวข้าออกมามิใช่หรือ?”
เหล่าฟูเหรินจ้องมองใบหน้าที่ดูโง่เขลาของนาง เรื่องขายหน้าที่นางก่อไว้ในวังได้มาถึงหูเหล่าฟูเหรินนานแล้ว นางโกรธหลิงหลงฟูเหรินมากจนถึงกับคว่ำถ้วยชา
“พอได้แล้ว เจ้าไปยืนเซ่อที่ด้านข้างไป” เหล่าฟูเหรินกล่าวเสียงเข้ม
ตอนนี้หลิงหลงฟูเหรินเองก็ไม่กล้าผลีผลาม ทำได้เพียงถอยหลังออกมาตั้งหลักก่อน เงยหน้ามองเหล่าฟูเหรินด้วยความโกรธเป็นครั้งคราว
เหล่าฟูเหรินทำเป็นมองไม่เห็น ผู้หญิงที่โง่เขลามีความรู้เพียงผิวเผินผู้นี้ หากไม่ใช่เพราะนางได้ให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวแก่ตระกูลเซี่ยแล้วล่ะก็ เหล่าฟูเหรินจะไม่ทนโดยเด็ดขาด
“บุตรสาวคนดีของเจ้ากลับมาแล้ว แต่ว่ากริยาท่าทางช่างจองหองยิ่งนัก ไม่แม้แต่จะมาคำนับย่าแก่ ๆ คนนี้ด้วยซ้ำ เจ้าเข้าวังไปวันนี้ไม่มีความสำเร็จใดเป็นชิ้นเป็นอันเลยหรือ? “เหล่าฟูเหรินกล่าวเสียงเข้ม
มหาเสนาบดีเซี่ยกลัวแม่คนนี้มาโดยตลอด เมื่อได้ยินที่นางตำหนิ ก็นึกถึงเรื่องในวันนี้ที่ถูกบุตรสาวของตนเองข่มขู่ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ ความรู้สึกนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธในทันที เขากัดฟันพูด “นังเด็กนอกคอกนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งพระสนมเหมยยังจับตัวนางไว้ไม่ได้”
“สิบกว่าปีมานี้ ที่นางอยู่ในจวนก็เป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวมาโดยตลอด ข้าเองยังนึกสงสัยเลยว่าสตรีอย่างหยวนซื่อผู้นั้น จะให้กำเนิดบุตรสาวที่มีนิสัยที่ขี้กลัวจนหัวหดเช่นนั้นได้อย่างไร? ตอนนี้ลองคิดย้อนกลับไป เกรงว่านางจะซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ และอดทนมาโดยตลอดจนมันระเบิดออกมา ตระกูลเซี่ยของข้าไม่ควรจะย่อยยับในเงื้อมมือของคนเช่นนี้ เจ้าต้องหาทางจัดการนางด้วยความรอบคอบ”
มีหรือที่มหาเสนาบดีเซี่ยจะไม่อยากฆ่านาง?
“แต่ว่าท่านแม่ ครั้งก่อนที่วางยาพิษ นางกลับไม่ตาย มันค่อนข้างจะแปลก อีกอย่าง นางเข้าวังไปด้วยเรื่องอันใดทำไมถึงได้รับการยกย่อง เกี่ยวกับเรื่องการถอนหมั้นไม่มีใครตำหนินางเลย”
เหล่าฟูเหรินชำเลืองมองไปที่หลิงหลงฟูเหริน คราวที่แล้วการวางยาพิษต้องล้มเหลวเพราะว่ามีคนสร้างเรื่อง หากไม่ใช่เพราะว่านางพูดว่าจะจัดการนังเด็กนอกนั่นเอง ไปลดปริมาณของพิษ ตอนนี้นังเด็กนั่นคงตายไปนานแล้ว
หลิงหลงฟูเหรินเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เหมือนจะโทษนางเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไปอย่างไม่พอใจ “ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ แม่นมหยางจะเข้ามาขัดขวาง? จะว่าไปแล้วในตอนนั้นท่านแม่ก็ยินยอมให้ไปเองนี่”
ความชิงชังแวบผ่านไปในดวงตาของเหล่าฟูเหริน “สรุปแล้ว หากเจ้าก้าวช้ากว่าศัตรู เจ้าจะถูกโต้ตอบ ความผิดพลาดนี้ต่อไปอย่าให้มีอีก ถ้าไม่ทำ พอจะทำขึ้นมาก็ไม่มีเหลืออะไรแล้ว
สองวันมานี้มหาเสนาบดีเซี่ยเหมือนคลุมหนังเสืออยู่และแสร้งทำเป็นเสือ ทว่าภายในใจของเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร ไม่มีอะไรอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเลยสักอย่าง วันนี้พอเจอท่านแม่ และได้เห็นว่าท่านแข็งแกร่งเช่นนี้ ใจก็ก่อเกิดความรู้สึกที่อยากพึ่งพา “ท่านแม่ จากความคิดเห็นของท่าน ตอนนี้ควรจะทำเช่นไรดี?”
เหล่าฟูเหรินบ่นพึมพำอยู่ครู่นึงแล้วกล่าว “ตอนนี้ฮองเฮาส่งแม่นมหยางให้มาคอยสังเกตการที่จวนของเรา เราลงมือกับเซี่ยจื่ออานไม่ได้โดยเด็ดขาด แต่ว่าฟูเหรินของเจ้าผู้นั้น เจ้าหาวิธีการจัดการเอาเองเถิด”
ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าฉาวโฉ่ไปแล้ว เพียงพิสูจน์ว่านางเป็นขโมย ถึงจะสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับเจ้าได้
“มีหรือที่ลูกจะไม่รู้? แต่ว่า…” ในใจของมหาเสนาบดีเซี่ยสุมไปด้วยความแค้น เดิมทีคิดว่านี่เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่กุขึ้นมา กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง เขารู้สึกว่าตนเองถูกหลอกลวง และถูกมองว่าเป็นคนโง่อย่างสิ้นเชิง
เขาสามารถทำให้หยวนซื่อถูกมองว่าเป็นคนบาปได้ แต่ว่านางไม่อาจเป็นคนบาปจริง ๆได้
ความคิดที่ไร้ยางอายนี้ ได้มาจากการที่เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาหลายปี คุ้นเคยกับการปกครองด้วยกำลัง
หลิงหลงฟูเหรินก้าวมาแสดงความคิดเห็นข้างหน้า “ท่านแม่ เรายังสามารถใช้งานเฉินเอ้อได้อยู่”
“เฉินเอ้อ?” เหล่าฟูเหรินขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่นึง “คนผู้นี้คราวที่แล้วได้รู้แผนการของพวกเราไปแล้ว เกรงว่าจะใช้เขาไม่ได้อีก”
หลิงหลงฟูเหรินกล่าว “คราวที่แล้วพวกเราไม่ได้อธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจน แต่ว่าครั้งนี้ เพียงแค่ให้เงินเขา รับรองความปลอดภัยให้เขาหลังจากเสร็จเรื่อง เขาจะต้องตกลงอย่างแน่นอน คนผู้นี้ทำงานให้ข้ามาหลายปีแล้ว ข้ารู้ดีว่าเขาเป็นคนที่โลภมาก”
เหล่าฟูเหรินมองไปที่มหาเสนาบดีเซี่ย “เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
มหาเสนาบดีเซี่ยนึกถึงเฉินเอ้อผู้นั้นที่มักจะมาที่จวนนี้บ่อย ๆ เขาก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆ
เขามองไปที่หลิงหลงฟูเหริน “เรื่องนี้ให้เจ้าไปเจรจา ครั้งนี้อย่าให้มีข้อผิดพลาดอะไรอีก”
หลิงหลงฟูเหรินอยากทำความดีชดเชยความผิด เมื่อเห็นว่าเขาเห็นด้วย ก็รีบกล่าว “ไม่มีแน่ ข้าอธิบายให้เขาฟังจนเขาเข้าใจกระจ่างได้อย่างแน่นอน
เหล่าฟูเหรินเปล่งเสียงอืมออกมา และกล่าวถามอย่างกะทันหัน “จริงสิเซี่ยหลินล่ะ? ทำไมกลับจวนมาแล้วถึงไม่มาคำนับข้า?”