ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 158
จื่ออานใช้ฝ้ายจุ่มอีกครั้ง มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าต้องทำให้ชุ่มอีกหน่อยนะ”
จื่ออานโยนฝ้ายทิ้งไป “ไม่ได้ แค่อึกเดียวก็พอแล้ว”
“ให้อีกสักอึกได้ไหม?” ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยเบิกกว้างและมองเขาอย่างไม่พอใจ “แค่นั้นข้ายังไม่รู้รสชาติของเหล้าเลยว่าเป็นยังไง”
จื่ออานยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าดื่มไม่ได้ งั้นก็ให้ดื่มยาแทนก็แล้วกัน ท่านตื่นแล้วไม่จำเป็นต้องกินอีก”
“หมออย่างเจ้าไม่สนใจใยดีคนไข้เสียเลย” มู่หรงเจี๋ยพึมพำ
จื่ออานไม่สนใจเขา และออกไปอุ่นยา
เธอนำยามาให้ และเห็นเขานอนเงียบ ๆ อยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออก ซึ่งไม่รู้ว่ามันเศร้าหรืออารมณ์โกรธกันแน่
เมื่อเห็นเธอเข้ามา เขาก็คว้าแขนของเธอไปทันที และมองไปทางด้านข้างของเธอด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น
จื่ออานแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นเขา จึงนั่งลงข้างเตียง แล้วเอาช้อนป้อนยา
เขาให้ความร่วมมือดีมาก ดื่มยาทั้งหมดจนหมด จากนั้นก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับการย้ายมาที่นี่หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ ราวกับว่าเขาไม่สนใจเลย
จื่ออานวางถ้วยยาลง แล้วก็หาวโดยไม่รู้ตัว
มู่หรงเจี๋ยมองไปที่นาง “ขึ้นมานอนเถิด”
จื่ออานหันกลับมา เกือบจะคิดว่าเขาได้ยินผิด “ท่านว่ากระไรนะ?”
“เจ้านอนข้างใน” มู่หรงเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ข้าจะนอนคว่ำหน้าลงบนโต๊ะก็พอแล้ว” จื่ออานพูดพลางนั่งลง เธอรู้สึกได้ว่ากำลังหัวใจเต้นแรง
“ถ้าเจ้าไม่ขึ้นไป พรุ่งนี้ข้าจะไม่ดื่มยา” เขาไม่ได้เรียกตัวเองว่าเปิ่นหวาง
จื่ออานขมวดคิ้ว “ถ้าท่านไม่ดื่มยา ก็เท่ากับว่าท่านไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา ท่านต่างหากที่ต้องทนทุกข์ทรมาน”
“ข้าไม่สนหรอก” มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา
จื่ออานโกรธโดยไม่มีเหตุผล “นั่นคือร่างกายของท่าน ทำไมท่านไม่ใส่ใจ? ทุกคนล้วนต้องห่วงใยตัวเอง”
มู่หรงเจี๋ยหลับตา “ขึ้นมาเลย อย่าให้ต้องบอกเป็นครั้งที่สอง!”
แล้วมันก็เป็นครั้งที่สองอีกครั้งที่จื่ออานพบว่าตัวเองไม่มีทางเลือกกับผู้สำเร็จราชการองค์นี้จริง ๆ เธอต้องการดูว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหากเธอไม่ทำในครั้งที่สองหรือครั้งที่สาม
แต่เธอก็ยังไม่อยากเสี่ยง ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนเสือกระดาษที่ไม่เป็นอันตราย แต่ท้ายที่สุดเขาจะกลายเป็นเสือใหญ่ที่กินคนเข้าไปในที่สุด
เธอถอดรองเท้าค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียงอย่างระมัดระวัง พยายามไม่กดทับเท้าของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากขึ้นเตียงแล้ว เธอพบว่าพื้นที่ไม่กว้างขวางเท่าที่เห็น แต่ก็เพียงพอที่จะนอนได้ เพียงแต่ว่าเธอต้องอยู่ใกล้เขามาก
เธอนอนราบ มือทั้งสองแนบชิดไปกับหน้าท้อง อยากขยับแต่ก็ไม่กล้าขยับ
“เจ้าจะระแวดระวังอะไรกันเล่า? ในอนาคตเจ้าจะเป็นชายาของข้า จากนั้นเราก็จะต้องนอนบนเตียงเดียวกัน” มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จื่ออานจึงหันศีรษะไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย และถามว่า “ท่านจะอภิเษกกับข้าจริง ๆ หรือ?”
มู่หรงเจี๋ยสูดลมหายใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “หรือว่าเจ้ายังเสียใจที่จะอภิเษกอยู่ไหม?”
“ข้าแค่คิดว่า ท่านไม่ใช่คนประเภทที่จะเชื่อฟังผู้อื่น ชื่อเสียงของข้า… ไม่ค่อยดีนัก” เธออยากจะบอกว่าชื่อเสียงของตัวเองมันเน่าเสียไปหมดแล้ว แต่เธอคิดอย่างนั้นอยู่ในใจ แต่ไม่ต้องการที่จะยอมรับมันต่อหน้าเขา
มู่หรงเจี๋ยหลับตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “หญิงสาวที่มีชื่อเสียงมากมายหาได้ถมเถไปในเมืองหลวง”
จื่ออานตกตะลึง หน้าอกของเธอเต้นระรัว เขาพูดเบบนี้ต้องการจะสื่อถึงอะไร?
หญิงสาวที่มีชื่อเสียงหาได้ถมเถไป แต่จรถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีพระชายา หมายความว่าเขาเต็มใจจะอภิเษกกับเธอหรือเปล่า เธอคิดว่ามันจะเป็นเพียงแค่เกม ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาถูกฮองเฮากับหวงไท่โฮ่วบีบบังคับให้อภิเษกเหรอ?
แต่เกมนั้นเกิดจากความสมัครใจของเขา?