ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 194
อ๋องหนานหวายประสานมือตอบ “ทูลเสด็จแม่ ราชองครักษ์ระบุว่าคนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ซุ่มโจมตีเสด็จพี่ในวันนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ?”หวงไท่โฮ่วตกพระทัยมาก “สังหารคนของอาเจี๋ยหรือ?”
เหล่าขุนนางต่างตกตะลึง พวกเขามองคนพวกนั้นด้วยสายตาสงสัย
องค์ชายอันมองไปที่หนี่หรง หนี่หรงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ทูลหวงไท่โฮ่ว กระหม่อมจําคนเหล่านี้ที่ซุ่มโจมตีพวกเราอย่างเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงไท่ฟู่เยาะเย้ย “อ๋องหนานหวาย คนเหล่านี้คือคนที่สังหารผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับองค์รัชทายาทเล่า?”
อ๋องหนานหวายมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวว่า “หลังจากการสอบสวน พวกเขาสารภาพว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงไท่ฟู่ตกใจ แล้วเขาก็หัวเราะออกมา แล้วกล่าวว่า “ไร้สาระ มันไร้สาระมาก ท่านอ๋องพยายามจะบอกว่าข้าและองค์รัชทายาทอยู่เบื้องหลังงั้นหรือ ถ้าท่านต้องการใส่ร้ายองค์รัชทายาทและใส่ร้ายข้า ท่านต้องหาหลักฐานที่สำคัญมาว่ามันเป็นข้าและองค์รัชทายาทที่เป็นคนบงการ ท่านมันเป็นคนโง่จริง ๆ คิดจะมาหลอกลวงอย่างนั้นรึ?”
อ๋องหนานหวายยิ้มอย่างเย็นชา และหยิบกระดาษหัวจดหมายออกจากแขนเสื้อ สะบัดต่อหน้าเหลียงไท่ฟู่แล้วยื่นให้หวงไท่โฮ่ว “เสด็จแม่ นี่คือจดหมายที่พบจากมือสังหาร ท่านลองหาบัณฑิตมาตรวจสอบดู นี่คือลายมือของใคร!”
เมื่อเหลียงไท่ฟู่เห็นกระดาษจดหมายฉบับนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เป็นไปไม่ได้ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่เขาเขียนขึ้นเองและมอบมันให้กับหัวหน้ามือสังหารที่ซุ่มโจมตี แต่ไม่มีใครที่คุกเข่าอยู่ที่นี่เป็นคนที่เขาพบ
ยิ่งกว่านั้นมือสังหารทั้งหมดที่เขาหามานั้นได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
ไม่! หนี่หรงชี้ให้เห็นว่ามือสังหารเหล่านี้เป็นคนที่ดักซุ่มโจมตีผู้สำเร็จราชการในคืนนั้น หนี่หรงจะไม่ร่วมมือกับอ๋องหนานหวาย ในกรณีนี้คนกลุ่มนี้เป็นคนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับในคืนนั้น
เหลียงไท่ฟู่มีสติทันที มองไปที่อ๋องหนานหวายอย่างกะทันหัน “ที่แท้…”
ที่แท้นักฆ่ากลุ่มที่สองในคืนนั้นเป็นคนของอ๋องหนานหวาย ไม่สิ…แม้แต่มือสังหารที่เขาพบก็คือคนของเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะปล่อยข่าวให้คนของอ๋องหนานหวายรู้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น จดหมายนี้ตกไปอยู่ในมือพวกเขาได้อย่างไร?
แต่ไม่ถูกต้อง ตอนนั้นหนานไหวอ๋องยังไม่กลับเมืองหลวง เขาไม่ทันตั้งตัว แล้วจะเป็นใครกัน?
จู่ ๆ ใบหน้าของกุ้ยไท่เฟยก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา ทำให้เขาประหลาดใจ หรืออาจเป็นนาง?
หลังจากหวงไท่โฮ่วอ่านข้อความในจดหมาย สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เนื้อหาของจดหมายกล่าวถึงเนื้อหาเฉพาะของการดักซุ่มโจมตีผู้สำเร็จราชการ และยังกล่าวถึงองค์รัชทายาทอีกด้วย และสิ่งที่เหลืออยู่คือตราประทับของไท่ฟู่
ปลายนิ้วของหวงไท่โฮ่วสั่นเล็กน้อย หากเนื้อหาในจดหมายไม่ได้เอ่ยถึงองค์รัชทายาท นางจะสั่งให้ใครสักคนตรวจสอบลายมือในทันที
แต่เมื่อองค์รัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้นางไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้
แต่ก็ไม่มีทางที่จะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ขุนนางทั้งบุ๋นบู๊และบู๊ต่างเฝ้ามองดูอยู่ แม้แต่อ๋องเป่ยโม่ฉีก็ยังอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจปิดบังได้
มุมปากของอ๋องหนานหวายยิ้มอย่างเยาะเย้ย เขาเดินตรงไปยังรัชทายาทที่ใบหน้าซีดเผือด และยืนอยู่ข้างหน้าหวงไท่โฮ่ว ที่ถือกระดาษอีกแผ่นหนึ่งไว้ในฝ่ามือ
หวงไท่โฮ่วมองมาที่เขาด้วยสายตาซับซ้อน เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร หากนางเป็นคนออกราชโองการด้วยตัวเอง นางสามารถโค่นล้มการตัดสินใจเมื่อครู่นี้ได้
ตราบใดที่นางออกราชโองการต่อหน้าเสนาบดี เช่นนั้นกระดาษในมือของนางที่สามารถช่วยองค์รัชทายาทได้
เดินทีซุนกงกงคาดการณ์ไว้ไม่ผิด เขากลับมาพร้อมกับความทะเยอทะยาน นางไร้เดียงสาเกินไป
หวงไท่โฮ่วจ้องไปที่อ๋องหนานหวาย นางยิ้มเยาะและพูดด้วยเสียงที่โกรธเคืองว่า “ข้าประเมินเจ้าต่ำไป”
อ๋องหนานหวายยิ้มเล็กน้อย “เสด็จแม่ชมเชยลูกแล้ว มันทำให้ข้าตื่นตระหนก”
หวงไท่โฮ่วลุกขึ้นยืน ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย ซุนกงกงจึงพยุงนางไว้ ก่อนที่นางมองไปรอบ ๆ และกล่าวว่า “ซุนกงกง ออกพระราชโองการ!”
ฮองเฮาลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ และมองไปที่เหลียงไท่ฟู่อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าของเหลียงไท่ฟู่ซีดเผือด นางก็ตกใจจนหยุดเดิน
ในเวลานี้ ขันทีในพิธี ก็ตะโกนเสียงดังมาจากด้านนอก “ผู้สำเร็จราชการเสด็จ!”