ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 233
จื่ออันสรุปได้ว่า “โรคลมชักของท่านอ๋องน่าจะเกิดจากบาดแผลที่ศีรษะในครั้งนั้น ถ้าหากหม่อมฉันเดาไม่ผิด อันที่จริงท่านอ๋องเพิ่งจะมีอาการชักเป็นระยะ ๆ มาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ใช่หรือไม่?”
อ๋องเหลียงพูดอย่างเฉยเมย “ใช่ แต่ว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไร”
“อืม!” จื่ออันพยักหน้า “การรักษาโรคลมชักค่อนข้างลำบากและต้องใช้ความอดทน ถ้าท่านอ๋องเชื่อใจหม่อมฉัน ในอีกสามเดือนข้างหน้า หม่อมฉันจะมาฝังเข็มให้พระองค์”
นางไม่ได้พูดถึงการรักษาขาหรือปัญหาอื่น ๆ สาเหตุหลักก็เพราะในตอนนี้นางยังไม่คุ้นเคยกับเขาสักเท่าไหร่ เกรงว่าจะไปทำให้เขาขุ่นเคือง ถึงเวลานั้นเขาไม่ยอมให้รักษา แล้วนางจะไปอธิบายให้ฮองเฮาฟังว่าอย่างไร
ในช่วงเวลาที่เหมือนถูกปิดล้อมเอาไว้ทุกทางเช่นนี้ นางไม่ต้องการขัดแย้งกับฮองเฮา อย่างน้อยก็ช่วงสามเดือนนี้ มีฮองเฮาคอยปกป้อง จะไม่มีใครกล้าที่ลงมือกับนางอย่างโจ้งแจ้งได้
“ชีวิตของข้าเป็นเจ้าที่ช่วยเอาไว้ ยังจะพูดว่าไม่เชื่อใจเจ้าได้เช่นไรเล่า?” อ๋องเหลียงอดที่จะหัวเราะมิได้
จื่ออันมองไปที่เขาและนึกถึงครั้งที่ได้พบกับเขาครั้งแรก เขาสวมชุดแต่งงานสีแดงสด และนั่งอยู่บนหลังม้าสูงตระหง่าน แลดูสง่างามยิ่งนัก
สำหรับนางในเวลานั้น อ๋องเหลียงคือปีศาจ
สรรพสิ่งผันเปลี่ยน และคิดไม่ถึงว่าหลังจากจากกันเพียงไม่นาน นางจะรู้สึกว่าอ๋องเหลียงยิ้มอย่างเปิดเผยและจริงใจมาก นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เจ้าหัวเราะอะไร?” อ๋องเหลียงที่เห็นนางหัวเราะอย่างไม่มีเหตุผล เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่บอกเพคะ บอกไปแล้วท่านจะพาลโกรธเอาได้” จื่ออันกล่าว
“ถ้าไม่บอกข้าก็จะยิ่งโกรธมากกว่า”
จื่ออันขอให้เขานอนลงและเตรียมฝังเข็ม “เมื่อฝังเข็มเสร็จแล้ว หม่อมฉันจะบอกเพคะ”
จากนั้นอ๋องเหลียงก็นอนลงอย่างเชื่อฟังและมองดูนางด้วยดวงตาที่สดใส “เซี่ยจื่ออัน เดิมทีเจ้าจะเป็นพระชายาเอกของข้าอยู่แล้ว แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าต่อไปเจ้าจะกลับกลายมาเป็นอาสะใภ้ของข้าได้”
“ยังไม่แน่หรอก!” จื่ออันส่ายหัว “ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง วันนี้เป็นแบบนี้ พรุ่งนี้หามีใครรู้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร?”
“ตราบใดที่เจ้าไม่ถอนหมั้น ก็คงจะไม่มีใครสามารถหยุดเจ้ากับเสด็จอาได้” อ๋องเหลียงกล่าว
จื่ออันเริ่มเลือกจุดที่จะฝังเข็ม นางนึกถึงวันที่อยู่ในสนามหญ้าที่ชานเมือง นางอดไม่ได้ที่จะใฝ่ฝันถึงมัน จะดีแค่ไหนเชียว หากนางสามารถมีชีวิตที่สงบสุขเช่นนั้นได้ตลอดไป
“ดูเจ้าสิ พอพูดถึงเสด็จอา เจ้าก็เหมือนกับได้ทานน้ำตาลเข้าไป หวานไหมเล่า?” อ๋องเหลียงพูดติดตลก
จื่ออันดึงสติกลับมา เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่พูดถึงการอภิเษกของนางกับผู้สำเร็จราชการ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ท่านอ๋องไม่ถือสาที่หม่อมฉันถอนหมั้นกับพระองค์เลยสักนิดเหรอเพคะ?”
“ข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว ข้าก็พูดไปแล้วนี่?” อ๋องเหลียงโบกมือ “ข้าไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงเช่นพวกเจ้า ที่ชอบคิดเล็กคิดน้อย ให้อภัยก็คือให้อภัยสิ ไม่ทำอะไรตามอำเภอใจแน่นอน แล้วเมื่อครู่นี้เจ้าหัวเราะเรื่องอะไร?”
จื่ออันกล่าว “หม่อมฉันนึกถึงตอนที่พบกับพระองค์ครั้งแรก ท่อนอ๋องกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าเพื่อเตรียมที่จะอภิเษกกับหม่อมฉัน ในเวลานั้นข้ารู้สึกว่าท่านอ๋องช่างน่ากลัวยิ่งนัก แต่พอมาวันนี้ หม่อมฉันกลับรู้สึกว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนที่โหดร้ายเหมือนเช่นในข่าวลือ เป็นข่าวลือเสียมากกว่าที่น่ากลัว”
อ๋องเหลียงถอนหายใจแรง “ข่าวลือมีอะไรที่น่ากลัว? ไม่รับรู้หรือรับฟังก็พอแล้ว”
เขาเงยหน้าขึ้น “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ข้าได้ยินมาบ้างแล้ว แม่ของเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
จื่ออันแปลกใจเล็กน้อย “ท่านอ๋องก็รู้ด้วยหรือ?”
“มีอะไรให้น่าแปลกใจ? เดิมทีเมืองหลวงแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร และเรื่องอื้อฉาวก็มักจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว!”
จื่ออันลองคิดดูมันก็จริง ตอนนี้ที่จวนมหาเสนาบดี เป็นจุดศูนย์รวมของราวต่าง ๆ มากมาย มีสายตาตั้งกี่คู่กันเล่าที่จับจ้องมาอยู่? เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้ศาลาว่าการสั่นสะเทือนอีกครั้ง และเป็นปัญหาใหญ่โตจนไม่สามารถปกปิดได้
“ใช่เพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เป็นห่วง ท่านแม่ของหม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรมากเพคะ”
ในห้องรักษา มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามา “ท่านอ๋อง ที่จวนมหาเสนาบดีสั่งคนให้มาส่งจดหมายเชิญ บอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ขอเชิญท่านอ๋องกับพระชายารองให้ไปร่วมงานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เอามานี่!” อ๋องเหลียงเอื้อมมือออกไป และในที่สุดก็เปิดดูจดหมายนั้น “เจ้าไปบอกกับพระชายาหลี่ว่า หากนางอยากไปก็ให้ไป หากไม่อยากไป ก็ให้คนส่งของขวัญไปที่นั่นก็พอ”
จื่ออันแปลกใจ งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า? คือพรุ่งนี้เหรอ?
ทำไมนางถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน? นอกจากนี้ จวนมหาเสนาบดียังกล้าส่งจดหมายเชิญอ๋องเหลียงอีก? เรื่องการถอนหมั้น ทางจวนคิดว่ามันผ่านไปแล้วจริง ๆ เหรอ?