ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 252
ฮูหยินผู้เฒ่าหันกลับไปมองแล้วมองอีก ใบหน้ามิยินดี “ใยจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวกัน? หม่อมฉันจะให้พวกนางออกไปนะเพคะ”
ชุยไท่เฟยมองไปยังด้านหน้า โบกมือ “ช่างเถอะ ท่านเสนาบดีก็นำใต้เท้าทั้งหลายมาแล้ว ตายกัน นั่นใช่มิใช่อ๋องเหลียงหรอกรึ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ มองกลับไป เป็นอ๋องเหลียงที่นำพระชายารองหลี่มาด้วย “ใช่แล้ว เป็นอ๋องเหลียงเพคะ!”
เหล่าไท่จวินเอ่ย “อ๋องเหลียงช่างใจกว้างจริง ๆ เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้ว ยังมาอวยพรวันเกิดให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่า ดูท่าแล้วข่าวลือด้านนอกพวกนั้นคงจะเชื่อมิได้”
ในใจฮูหยินผู้เฒ่านั้นรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าบัตรเชิญจะถูกส่งให้แก่อ๋องเหลี่ยง แต่หากว่ากันตามมารยาทแล้ว อ๋องเหลียงวันนี้มาเพื่ออวยพรหรือมาก่อเรื่อง นางเองก็ไม่อาจรู้ได้
โดยเฉพาะวันนี้ เซี่ยจื่ออันนางคนชั้นต่ำที่ยังเคยรักษาไข้ให้แก่อ๋องเหลี่ยง อ๋องเหลี่ยงจะแก้ไขปัญหาระหว่างนางแล้วก่อนหน้าหรือไม่?
แต่ว่านางกลับคิดว่าตนเองกังวลมากเกินเหตุ ครั้งนี้สิ่งสำคัญคือต้องจัดการกับหยวนซื่อ มิเกี่ยวข้องกับเซี่ยจื่ออัน อย่างนั้นก็ไม่กระทบถึงการรักษาอ๋องเหลียง และไม่ล่วงเกินถึงผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ นอกจากนี้แล้ว ยังมีชุยไทเฟยประทับอยู่ที่นี้ด้วย คาดว่าอ๋องเหลียงคงมิกล้าที่จะก่อเรื่อง
ฮูหยินหลิงหลงเมื่อเข้ามาในสวนดอกไม้ด้านหลังนี้แล้ว ราวกับจะขาดสติ เอาแต่คิดว่าจะดึงดูดผู้คนไปเยี่ยงไร
เสียงเรียกของสาวใช้ดังมาจากที่ไกล ๆ เสียงดูร้อนรน “ฮูหยิน ฮูหยิน…”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองกลับไป พบว่าเป็นชูอวี่ที่คอยรับใช้หยวนซื่ออยู่ในห้อง จึงได้เรียกนางเข้ามา กระซิบอย่างไม่พอใจว่า “ไม่เห็นหรือว่าชุยไท่เฟย และเหล่าไท่จวินอยู่ที่นี่รึ? เอะอะโวยวายอะไรกัน?”
ชูอวี่ก้มหน้าลงด้วยความกลัว “ฮูหยินผู้เฒ่าระงับโทสะด้วย ข้ารู้สึกร้อนใจไปชั่วขณะหนึ่ง รบกวนฮูหยินผู้เฒ่ากับแขกเสียแล้ว”
“ร้อนใจอะไรกัน? เจ้าไม่ดูแลนายหญิง แต่กลับวิ่งมาที่นี้ทำอะไรกัน?” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยความโกรธ
ชู่อวี่เงยหน้าเคร่งเครียด “บ่าวออกมาเดินเล่นกับนายหญิง ภายหลังนายหญิงให้บ่าวกลับไปเอาของ พอบ่าวกลับมาก็หานายหญิงไม่เจอแล้วเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธขึ้นมาในทันที “เจ้าปล่อยนางไว้คนเดียวที่นี้รึ? นางตอนนี้ตามองไม่เห็น”
ชุยโท่เฟยได้ยินคำพูดนี้เข้า จึงเอ่ยถาม “มองไม่เห็น? หมายความว่าเยี่ยงไรกัน?”
“นางเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย วันนั้นตอนออกจากวังมาทะเลาะกันกับหลิงหลง จึงกระโดดลงมาจากรถม้า บาดเจ็บจนดวงตามองไม่เห็น”
ชุยไท่เฟยไม่ชอบฟังเรื่องราวแบบนี้เป็นที่สุดเลย “จากมุมมองของข้าแล้ว หญิงสาวเยี่ยงนี้ควรจะต้องสั่งสอนให้ดี”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มขมขื่น “จะสั่งสอนก็คงต้องรอให้นางหายก่อนค่อยสั่งสอน บาดเจ็บครั้งนี้แล้ว หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก จะอธิบายกับเหล่าเซียซือได้อย่างไรกัน?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกคนเข้ามา “ไปหาให้ทั่วรอบทิศ ดูว่าฮูหยินอยู่ที่ใด?”
“ขอรับ” ทาสรับใช้สี่คนแยกกันไปทั้งสี่ทิศ ตามหาหยวนซื่อ
เหล่าไท่จวินเอ่ยถามอย่างสงสัย “เรื่องที่นางบาดเจ็บนี้ เป็นนางที่กระโดดลงจากรถม้ารึ?”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังเหล่าไท่จวิน หลายปีมานี้แม้ว่าเหล่าไท่จวินจะร่วมงานเลี้ยงต่าง ๆ ก็เพื่อที่จะหาคู่ครองให้กับหลาวสาว สำหรับเรื่องการสู้รบตบมือกันของจวนต่าง ๆ นั้น นางมิเคยสอบถาม นางคงจะไม่รู้เรื่องราวหรอกนะ?
ฮูหยินผู้เฒ่ามิอาจคาดเดาได้ และมิกล้าที่จะตอบกลับ ทำได้เพียงแสร้งว่าไม่ได้ยิน เอ่ยกับชุยไท่เฟยต่อ “เราไปนั่งพักดื่มน้ำกันด้านโน้นเถอะ ดื่มชากันก่อนเถิด”
เดินมารอบใหญ่แล้ว ชุยไท่เฟยเองก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว “คนแก่แล้วแข้งขาก็เริ่มจะไม่ดี เดินเพียงไม่นานก็รู้สึกเหนื่อยและกระหายแล้ว ดีเหมือนกัน เราไปหาอะไรดื่มกันเถอะ และไปรอดูกันว่าตกลงแล้วหยวนซื่อไปอยู่ที่ใดกัน เหล่าเซียซือทำไมถึงได้คลอดลูกสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวออกมากัน? ช่างเป็นโชคร้ายของจวนมหาเสนาบดีซะจริง”
เหล่าไท่จวินมิได้เอ่ยอันใดออกมา เพียงแต่เดินไปพร้อมกันกับทั้งสอง
นางเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการสู้รบมาก่อน มีความรู้สึกไวต่อการสู้รบกับวิกฤตสงครามมากกว่าผู้อื่นมากนัก นางก็ได้กลิ่นดินปืนที่ลอยอยู่ในอากาศแล้ว
ในใจของนางนั้นรู้สึกไม่ค่อยดีนัก นางมิชอบที่จะโดนคนอื่นหลอกใช้เป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะการหลอกใช้แบบไม่สิ้นสุดนี้ ทำให้ใจนางรู้สึกโกรธยิ่งนัก